หม่าหลันได้ยินประโยคนี้แล้ว รู้สึกเศร้าเสียใจทันที
เธอที่เข้าคุกไปสองวัน กิริยาของคนในบ้านที่มีต่อเธอก็เปลี่ยนไป
สามีก็ไม่ค่อยสนใจเธอเท่าไหร่ แถมยังจะมาตะคอกใส่เธอด้วย ลูกเขยคนนี้ก็ไม่ใช่ลูกเขยที่ดุด่าหรือทำอะไรตามใจชอบกับเขาได้แล้ว แถมยังจะมาโกรธใส่เธอด้วย แล้วยังจะไล่เธอออกจากบ้านไปอีก
ลูกสาวที่คนเดียวที่เคารพเธอ ตอนนี้ก็ไม่ได้ตามใจเธอแล้ว
เธอไม่เคยคิดว่าลูกสาวของตัวเองจะไปช่วยพูดให้เย่เฉิน
ตัวเธอที่เป็นคนที่แสดงเก่งอยู่แล้ว เห็นสภาพครอบครัวตอนนี้กำลังจะอยู่เหนือการควบคุม เธอก็แกล้งร้องไห้และเริ่มการแสดงของเธอ
เธอพูดอย่างน่าสงสารว่า: “ตอนนี้ฉันอยู่ในครอบครัวนี้ก็เป็นแค่ส่วนเกินแล้ว สามีก็ไม่ใส่ใจฉัน สามีเธอจะข่มขู่ฉันจะไล่ฉันออกจากบ้าน ตอนนี้เธอก็ไม่เข้าข้างแม่แล้ว……”
พูดไปหม่าหลันก็ได้เบ้ปาก และน้ำตาก็ได้ไหลออกมา
เซียวซูหรันถอนหายใจอย่างหมดหนทาง: “แม่ แต่เมื่อกี้แม่ผิดจริงๆ ฉันก็ไม่สามารถเข้าข้างแม่ได้ตลอดนะ”
ถึงเธอจะสงสารแม่ที่ต้องใช้ชีวิตอย่างลำบาก แต่มันก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะไปทำอะไรตามใจชอบกับเย่เฉินได้ และยิ่งไม่ใช่เหตุผลที่จะไปเหยียบย่ำป้าหลี่ของเขา
ที่สำคัญใจของเซียวซูหรันรู้ดีว่า สามีของตัวเธอก็ใช้ชีวิตอย่างลำบากและน่าสงสารตั้งแต่เด็ก บนโลกนี้เขามีญาติที่แท้จริงอยู่ไม่กี่คน
นอกจากเซียวซูหรันแล้ว อีกคนก็น่าจะเป็นป้าหลี่แล้ว
นี่ก็คือเหตุผลที่ว่า ทำไมก่อนหน้านี้เย่เฉินถึงพยายามสุดชีวิตหาเงินเพื่อไปรักษาป้าหลี่
เธอรู้ว่าในใจของเย่เฉิน เขายกให้ป้าหลี่เป็นแม่แท้ๆของเขา
เธอเองก็ ชื่นชมนิสัยและการกระทำที่รู้จักตอบแทนบุญคุณของคนอื่นของเย่เฉิน ไม่งั้นเธอคงไม่เอาเงินเ็ก็บส่วนตัวของตัวเองให้เขาไปหรอก เพื่อให้เขาเอาไปรักษาป้าหลี่
ในใจของเธอรู้สึกแม่ทำเกินไปหน่อย เธอก็เลยไม่ได้พูดเข้าข้างแม่
ขณะเดียวกันหม่าหลันก็ร้องไห้พร้อมมีน้ำมูกไหลออกมาเศร้าโศกเสียใจว่า: “ฉันชั่งมีชีวิตที่รันทดจริงๆ บ้านนี้ยังมีพื้นที่ให้ฉันอยู่อีกมั้ย?”
ตอนนี้เย่เฉินไม่ทนดูเธอเล่นละครอีกแล้ว และจะไม่ทนหม่าหลันอีกต่อไป เขาก็เลยไม่สนใจหม่าหลัน และพูดกับเซียวซูหรันว่า: “ที่รัก ฉันจะไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า คืนนี้จะไม่กลับมากินข้าวแล้วนะ”
เซียวซูหรันลุกขึ้นมาทันทีและพูดว่า: “เดียวฉันไปกับนายด้วย ฉันไม่ได้เจอป้าหลี่มานานแล้ว ครั้งก่อนที่ไปเยี่ยมป้าหลี่ที่โรงพยาบาลก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว ฉันก็คิดถึงป้าเหมือนกัน”
ต้องพูดว่าเซียวซูหรันมีความรับผิดชอบของคนเป็นภรรยาคนหนึ่งและทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี เธอไม่เพียงสนับสนุนให้เย่เฉินรักษาป้าหลี่ ยังไปเยี่ยมและดูแลป้าหลี่ที่โรงพยาบาลเป็นเพื่อนเย่เฉินบ่อยๆ ด้วย และเคารพป้าหลี่มากเหมือนเย่เฉิน
ป้าหลี่ก็ชอบเธอเหมือนกัน เกือบจะถือว่าเธอเป็นลูกสะใภ้ของลูกชายไปแล้ว
เห็นเซียวซูหรันจะไปเยี่ยมป้าหลี่กับเขา เย่เฉินพยักหน้าอย่างปลื้มใจและพูดว่า: “งั้นพวกเราก็ไปด้วยกันเลย ครั้งก่อนที่ป้าหลี่โทรมาหาฉัน ป้ายังถามถึงเธอเลย ป้าน่าจะคิดถึงเธอเหมือนกัน”
เซียวซูหรันลุกขึ้นและพูดว่า: “งั้นพวกเราออกเดินทางกันเถอะ”
หม่าหลันได้ยินว่าเซียวซูหรันจะไปกับเย่เฉิน เธอได้พูดออกมาอย่างน่าสงสาร: “ลูกสาวที่แสนดี ลูกโกรธแม่ใช่มั้ย? แม้กระทั่งลูกก็ไม่สนใจแม่แล้วหรือ?”
เซียวซูหรันมองไปที่หม่าหลันและพูดอย่างจริงจังว่า: “แม่ ฉันอยากให้แม่เจอเหตุการณ์แบบนี้แล้วคิดทบทวนตัวเองใหม่นะ และเปลี่ยนนิสัยของตัวเองหน่อย ไม่งั้นต่อไปแม่อาจจะเสียเปรียบอีก”
หม่าหลันที่ได้ยินเธอพูดแบบนี้ ก็ได้ลงไปนั่งเหมือนคนที่ไร้เหตุผล: “ช่วยบอกฉันทีว่าฉันอยู่ต่อไปเพื่ออะไร ญาติหนึ่งเดียวของฉัน ลูกสาวของฉัน ตอนนี้ก็ไม่ได้อยู่ข้างฉันแล้ว ตำรวจไม่น่าปล่อยฉันออกมาเลย ให้ฉันตายอยู่ในคุกยังจะดีกว่า…….”
ถ้าเป็นเมื่อก่อน ถ้าเซียวซูหรันเห็นแม่ก่อเรื่องวุ่นวายอย่างไร้เหตุผลแบบนี้ เธอใจอ่อนประนีประนอมแน่นอน แต่ครั้งนี้เธอเข้าใจแล้ว ถ้าแม่มีนิสัยแบบนี้ต่อไป ต่อไปแม่จะต้องถูกเอาเปรียบอีกแน่นอน เธอจะไม่ให้ท้ายแม่ของตัวเองที่เจ้าอารมณ์อีกแล้ว