ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 1008 ภรรยาตระกูลเยี่ยน

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ตอนที่เพิ่งมาถึงทะเลหวงเจียเป็นครั้งแรก เยี่ยนจ้าวเกอยังมีพลังฝึกปรือต่ำต้อย มีพลังไม่มากนัก

ตอนแรกสำนักแสงสว่างซึ่งเป็นศัตรูที่ร้ายกาจมีความเป็นไปได้ที่จะส่งผลคุกคามต่อเขากว่างเฉิง มีดแล่เนื้อลอยอยู่เหนือโลกแปดพิภพ พร้อมจะตกลงมาตลอดเวลา

ในตอนนั้นเยี่ยนจ้าวเกอเปลี่ยนแปลงทิศทางระหว่างขุมกำลังใหญ่ในทะเลหวงเจีย ขยายพื้นที่ในการเคลื่อนไหวให้แก่ตัวเอง

ระหว่างนี้เขาทำลายการวางค่ายกลสืบทอดฟ้าของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง ในขณะเดียวกันก็ยังสังหารคนของอีกฝ่ายไปมากมาย ความแค้นจึงยิ่งมายิ่งล้ำลึก จนอยู่ในขั้นเจ้าตายข้ารอด

ในตอนนั้นเยี่ยนจ้าวเกอไม่สนว่าไฉนจักรพรรดิเอกภพกำเนิดจึงลองให้พวกผู้วิเศษเซิงมาวางค่ายกลสืบทอดฟ้าบนทะเลหวงเจีย และไม่สนว่าเหตุใดจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่คนนั้นจึงยึดติดการตามหามารดาแห่งแผ่นดิน หนึ่งในสี่เทวราชแห่งสำนักเต๋าในตำนานนัก

นั่นเป็นปัญหาที่ประมุขอาคเนย์เฉาเจี๋ยก็ใคร่ครวญเช่นกัน

สิ่งที่เยี่ยนจ้าวเกอจำเป็นต้องพิจารณามีแค่จะเพิ่มพลังของตัวเอง และจะรับมือการคุกคามที่ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องนำมาอย่างไร

แต่เมื่อมาถึงตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับจักรพรรดิเอกภพกำเนิดตรงๆ ค่ายกลสืบทอดฟ้าที่ตอนแรกเขาไม่ได้ใส่ใจก็กลายเป็นจุดรวมศูนย์อีกครั้ง

เหตุใดจักรพรรดิเอกภพกำเนิดจึงส่งคนมาว่างค่ายกลสืบทอดฟ้า

เหตุใดสถานที่วางค่ายกลจึงคล้ายกับต้องเป็นทะเลหวงเจียในเขตตะวันอาคเนย์เท่านั้น

เหตุใดหลังจากได้รับการขัดขวางแล้ว จักรพรรดิสำนักเต๋าผู้นี้จึงถือสาเช่นนี้ ไม่ยอมปล่อยวางเช่นนี้

นอกจากจักรพรรดิเอกภพกำเนิดแล้ว ปฏิกิริยาของคนอื่นก็แปลกประหลาดเช่นกัน

ประมุขอาคเนย์เฉาเจี๋ยเป็นผู้ฝึกกระบี่ แต่ว่าหลายๆ ครั้งล้วนเยือกเย็น ใช้ท่าทีถ้าผู้คนสะดวกสบายตนก็สะดวกสบาย แต่ในฐานะที่เป็นผู้ปกครองเขตหนึ่ง และเป็นผู้ฝึกกระบี่คนหนึ่ง หากถูกยั่วยุขึ้นมาจริงๆ จะกลายเป็นคนยอมหักไม่ยอมงอ

แม้ว่าจะต้องเผชิญกับจักรพรรดิเซียนจริงแท้ที่ได้ผลักเปิดประตูเซียน ก็ไม่ยอมรับความอัปยศ ทว่าหลังจากที่ทราบถึงการดำรงอยู่ของค่ายกลสืบทอดฟ้าแล้ว เฉาเจี๋ยยังคงอนุญาตให้พวกคังผิงแห่งราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องวางค่ายกลบนทะเลหวงเจียต่อ

เพียงแต่ว่าการดำรงอยู่ของเยี่ยนจ้าวเกอและเขากว่างเฉิง ทำให้ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องล้มเหลวตั้งแต่ต้นจนจบ

เยี่ยนจ้าวเกอกับเขาโถงทองมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ในที่ลับของเขาโถงทองก็มีคนเอนเอียงมาทางเขากับเขากว่างเฉิงอยู่บ้าง โชคดีที่เขตตะวันอาคเนย์และเขตเพลิงทักษิณเกิดสงครามขึ้น และเนินต้นจักรพรรดิก็อยากกำจัดเยี่ยนจ้าวเกอให้เร็วที่สุด

ตอนที่จักรพรรดิเอกภพเปิดสงครามระหว่างฝั่งตะวันออกเฉียงใต้กับฝั่งทิศใต้ ขณะที่สะกดประมุขอาคเนย์เฉาเจี๋ย และอาศัยประมุขทักษิณจวงเซินจัดการจอมยุทธ์ฝั่งตะวันออก ก็จัดการเยี่ยนจ้าวเกอกับเขากว่างเฉิงไปด้วย

การกระทำนี้กลับสะกิดความโกรธของประมุขอาคเนย์จวงเซิน เขาขอความช่วยเหลือจากจักรพรรดิแพร สุดท้ายกดดันจักรพรรดิเอกภพและประมุขทักษิณจวงเซินให้ถอยไปได้

ยอดฝีมือระดับสุดยอดที่เหลืออยู่บนโลกซ้อนโลกไม่สนับสนุนและไม่ก้าวก่ายเรื่องนี้

ตามเหตุผลแล้ว การตามหามารดาแห่งแผ่นดินที่ไม่มีข่าวคราวมาโดยตลอด ถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรบสำนักเต๋าทั้งหมด

เยี่ยนจ้าวเกอเชื่อว่าคนที่มีวิธีในหมู่ยอดฝีมือที่สุดยอดที่สุดของสำนักเต๋าล้วนลองออกตามหา แต่ในสายตาของยอดฝีมือระดับสุดยอดคนอื่นๆ บนโลกซ้อนโลก การกระทำของจักรพรรดิเอกภพกำเนิดกลับดูเหมือนเรื่องส่วนตัวมากกว่า

ดังนั้นจึงมีแต่จักรพรรดิแพรงามที่สอดมือเข้ามาในเรื่องนี้ เพราะความสัมพันธ์ส่วนตัวกับประมุขอาคเนย์เฉาเจี๋ย

ในเมื่อเป็นเรื่องส่วนตัว แล้วสาเหตุแรกคืออะไร

ในตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอที่ต้องเผชิญหน้ากับความคมกล้าของจักรพรรดิที่กลายเป็นเซียนผู้นั้นตรงๆ กำลังรู้สึกสนใจในเรื่องนี้ยิ่ง

“เรื่องนี้ข้าจะรับผิดชอบเอง” เยี่ยนตี๋รู้สึกสนใจเช่นกัน เขาเก็บหยกชิ้นนั้นไว้

เยี่ยนจ้าวเกอลุกขึ้น “เช่นนั้นข้าข้าตัวลงไปยังโลกผืนสมุทรก่อน”

เยี่ยนตี๋พยักหน้า “อืม วางใจเถอะ”

“ว่ากันตามตรง ยังวางใจไม่ได้ แต่ไม่ใช่ไม่วางใจที่นี่” เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะอย่างหนักใจ “แม่นางกวนอวี่ลั่วทางฝั่งเหนือส่งข่าวกลับมาว่า ‘ประตู’ ที่อวิ๋นเซิงเข้าไป อย่างน้อยต้องใช้เวลาอีกหลายปีจึงจะมีโอกาสเปิดขึ้นใหม่”

การไปในครั้งนี้ของเฟิงอวิ๋นเซิงได้ตัดทางถอยของตัวเองในระดับหนึ่ง ดังนั้นเยี่ยนจ้าวเกอจึงไม่อาจยืนยันความเป็นความตายของนางได้ ถึงแม้จะทราบดีว่า นี่เป็นเรื่องปกติสำหรับจอมยุทธ์ที่มีความทะเยอทะยานและจิตใจแน่วแน่คนหนึ่งก็ตาม

ตัวเฟิงอวิ๋นเซิงมีพรสวรรค์ล้ำเลิศ อีกทั้งยังครอบครองมงกุฎจันทราและดาบเทพอาทิตย์ยะเยือก สองศาสตราเทพอันยิ่งใหญ่ แต่หากบอกว่าเยี่ยนจ้าวเกอไม่เป็นห่วงแม้แต่น้อย นั่นก็เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ต่อให้เขาเชื่อมั่นใจในตัวนางมากกว่านี้ เขาก็ยังคงเป็นเห่วงหมือนเดิม

“ในฐานะเจ้าสำนัก การที่มีผู้สืบทอดเช่นนี้ในกลุ่มลูกศิษย์ของสำนักได้ ข้ารู้สึกปลาบปลื้มยิ่ง” เยี่ยนตี๋กล่าว “ข้าเข้าใจความคิดของเจ้าดี”

เยี่ยนจ้าวเกอเงยหน้าขึ้น ก่อนจะถอนใจเสียงหนึ่ง “ท่านพ่อ ภรรยาของบุรุษในตระกูลเยี่ยนของพวกเรา ช่างทำให้ผู้คนเป็นกังวลนัก!”

เยี่ยนตี๋กล่าวอย่างขุ่นเคือง “พูดอะไรของเจ้ากัน”

“ยังไม่เอ่ยถึงว่าท่านตามหาภรรยาของท่านจนผมหงอกแทบขึ้น ภรรยาของข้าก็มาหายตัวไปอีก” เยี่ยนจ้าวเกอหดคอ พึมพำเสียงเบา

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เยี่ยนตี๋ก็พลันหงุดหงิดเพราะท่าทางกะล่อนของเยี่ยนจ้าวเกอ ได้แต่ชี้หน้าเขาไม่พูดไม่จา ยกมือขึ้นมาหมายจะทุบตี ทว่าบุตรชายวิ่งปราดเข้าไปในห้องสงบใจแล้ว

ขณะมองเงาหลังของชายหนุ่มหนีไป เยี่ยนตี๋ก็หัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้

ครู่ต่อมา เยี่ยนจ้าวเกอก็ยื่นหน้าออกมาจากในประตู “จริงด้วยท่านพ่อ ศิษย์น้องแซ่เซี่ยนั่นเป็นอย่างไร”

ห้าปีก่อนหน้านี้ เซี่ยกวงที่กลับเขตตะวันอาคเนย์พร้อมกับเยี่ยนจ้าวเกอ ได้กราบเข้ามาเป็นศิษย์ของเขากวางเฉิงสำเร็จตามความปรารถนา

สำหรับเขาแล้ว การทดสอบต่างๆ ล้วนไม่ยากเย็น ถึงแม้จะเป็นเพราะกฎของสำนัก จึงต้องเป็นศิษย์สวมอาภรณ์สีขาวก่อน แต่ไม่ทันไรเขาก็ได้ใส่เสื้อคลุมน้ำเงิน ต่อมายังได้ขลิบขอบสีดำบนเสื้อคลุม กลายเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดสายหลักของเขากว่างเฉิง และอาจารย์ที่เขากราบในตอนสุดท้าย ก็คือเยี่ยนตี๋ที่เป็นเจ้าสำนัก

“พรสวรรค์น่าทึ่ง สติปัญญาไม่ธรรมดา ขยันหมั่นเพียร” เยี่ยนตี๋ออกความเห็น เขากลับไม่สนใจนิสัยใจร้อนยอมหักไม่ยอมงอของเซี่ยกวงนัก เพราะในระดับหนึ่งแล้ว เยี่ยนตี๋ก็เป็นคนใจร้อนคล้ายๆ กัน เพียงแต่ว่าไม่ได้แสดงออกมาเหมือนกับเซี่ยกวง

เยี่ยนจ้าวเกอถาม “เขายังตามหาญาติของตัวเองไม่เจอหรือ”

เยี่ยนตี๋ส่ายหน้า “ยังไม่เจอ”

ในตอนนั้นตระกูลเซี่ยแห่งยอดเขาสดับอัสนีในเทือกเขายาวเหยียดถูกล้างบาง นอกจากเซี่ยกวงแล้ว มีแต่คนในตระกูลที่ตอนนั้นออกท่องโลกจึงรอดมาได้

เซี่ยกวงในตอนนั้นหลังจากกลับมาถึงเขตตะวันอาคเนย์พร้อมกับเยี่ยนจ้าวเกอ และได้กราบเข้าเขากว่างเฉิงแล้ว เขาก็กลับไปตามหาญาติของตัวเองที่เขาเสียงระรัวทันที แต่ข่าวสารที่เขาได้รับกลับเป็นพี่ชายและพี่สาวที่ออกเดินทางของเขายังไม่กลับมา

ห้าปีมานี้ เขากว่างเฉิงขอให้เขาโถงทองช่วยตามหาในอาณาเขตของเขตตะวันอาคเนย์ แต่ไม่มีใครหาคนเจอ

เดิมทีเซี่ยกวงแตกตื่นหวาดกลัว นึกว่าทั้งสองคนตกไปอยู่ในมือของเขาสามขา แต่ว่าหลังจากสืบค้นข่าวหลายด้านก็เริ่มแน่ใจ ว่าเขาสามขาไม่ใช่ที่อยู่ของพวกเขา

เซี่ยกวงได้แต่สงบความรุ่มร้อนในในชั่วคราว ไตร่ตรองว่าบางทีพี่ชายกับพี่สาวอาจจะรู้สถานการณ์ของตระกูลที่ด้านนอก เพราะกลัวเขาสามขาจะตัดรากถอนโคน ดังนั้นจึงหลบเลี่ยงอยู่ด้านนอก ปกปิดชื่อแซ่

เพราะเหตุนี้หลังจากที่เขาปักหลักที่เขากว่างเฉิงแล้ว บางครั้งบางคราวก็จะออกเดินทาง

‘อัสนีโลหิต’ ชื่อเสียงของเซี่ยกวางไม่ได้จำกัดอยู่บนทะเลหวงเจียอีกต่อไป กลายเป็นจอมยุทธ์แห่งกว่างเฉิงที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอสองพ่อลูกเก็บตัวฝึกฝนในไม่กี่ปีมานี้

เซี่ยกวงไม่คิดจะสร้างชื่อ แต่อยากให้ญาติมิตรได้รับข่าว จากนั้นค่อยมาหาเขาที่ทะเลหวงเจีย

“ศิษย์น้องเซี่ยนับว่าพากเพียรพยายาม หวังว่าพี่ชายกับพี่สาวของเขาจะรอดปลอดภัย กลับมาเจอเขาโดยไว” เยี่ยนจ้าวเกอถอนใจคำหนึ่ง เยี่ยนตี๋พยักหน้าอย่างแช่มช้า

ลูกศิษย์ที่เพิ่งเข้าสำนักมาใหม่ผู้นี้กับพวกตนสองพ่อลูก นับเป็นคนหัวอกเดียวกัน

แววตาของเยี่ยนตี๋เปลี่ยนเป็นเหม่อลอยอยู่ชั่วพริบตาเดียว จากนั้นกลับมาแน่วแน่อีกครั้ง “ระดับประมุขในหมู่คน…”

………………..