ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 1009 บ่าวระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอปรารถนาจะได้ปีนสู่ระดับประมุขในหมู่คนเร็วๆ เช่นกัน แต่ว่านั่นเป็นความต้องการของผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่ง

ด้านปัญหาของเสวี่ยชูฉิงผู้เป็นมารดา เขาไม่จำเป็นต้องรอนานถึงเพียงนั้น

เขาที่เคยไปยังโถงเซียน ถือเป็น ‘โหลแตกตกซ้ำ’ ในสายตาของพวกเฉาเจี๋ยและหลิวเจิงกู่อยู่แล้ว

แน่นอนว่าการกลับมาของพวกเฉาเจี๋ยก็หมายถึงการกลับมาของประมุขทักษิณจวงเซิน หมายถึงการกลับของประมุขซีฟางที่ไม่ลงรอยกับประมุขอาคเนย์เฉาเจี๋ย

ความขัดแย้งของโถงเซียนกับศาสนาพุทธเริ่มเปลี่ยนจากรุนแรงเป็นสงบลง เรื่องราวทางนั้นเมื่อจบลง จักรพรรดิเอกภพกำเนิดก็อาจจะกลับโลกซ้อนโลก

เยี่ยนจ้าวเกอกับทั่วทั้งเขากว่างเฉิงจำเป็นต้องเตรียมตัวไว้ก่อน

หลังจากบอกลาเยี่ยนตี๋อย่างเป็นกิจลักษณะ เยี่ยนจ้าวเกอก็เดินทางไปยังโลกผืนสมุทร

ครั้งนี้ไม่มีความจำเป็นต้องให้ใครคอยอยู่บนโลกซ้อนโลกอีก พ่านพ่านจึงติดตามเขาลงไป รับหน้าที่คุ้มครอง

อาหู่กับเสี่ยวอ้ายฝึกปรืออยู่บนโลกซ้อนโลก เพราะสภาพแวดล้อมของที่นี่ดีกว่า

ในหลายปีมานี้ สืบเนื่องจากการเก็บตัวฝึกฝน ในที่สุดอาหู่ก็เลื่อนจากบรรลุธรรมเป็นศักดิ์สิทธิ์ ก้าวสู่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์สำเร็จ

คนที่เหมือนกับเขายังมีอิงหลงถูกับซือคงจิง ทว่าซือคงจิงสำเร็จเร็วกว่าเล็กน้อย

โดยเฉพาะสิ่งที่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงก็คือ อิงหลงถูกเลื่อนจากบรรลุธรรมเป็นศักดิ์สิทธิ์โดยมีอายุแค่ยี่สิบเจ็ดปี สร้างสถิติใหม่ขึ้นในเขากว่างเฉิง

เมื่อพิจารณาถึงว่าเขามาโลกซ้อนโลกด้วยระดับมหาปรมาจารย์ ความเร็วนี้ก็ถูกจัดอยู่ในชั้นแถวหน้าของโลกซ้อนโลกเช่นกัน

นอกจากนี้แล้ว เสี่ยวอ้ายกับสือจวินก็เลื่อนมาอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุธรรม กำลังจะก้าวสู่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน

สือจวินในฐานะลูกศิษย์รุ่นที่สี่ของเขากว่างเฉิง พอมาถึงระดับนี้ก็ทำให้หยวนเจิ้งเฟิง เยี่ยนตี๋ ฟางจุ่น และฟู่เอิ้นซูเหล่าผู้อาวุโสต่างชมเชย

ถึงแม้ว่าในช่วงนี้เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋สองพ่อลูกจะไม่ค่อยเคลื่อนไหว เขากว่างเฉิงก็ยังคงสงบ แต่การสั่งสมของสำนักยิ่งมายิ่งมีมากขึ้นแล้ว

หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอมุ่งหน้าไปโลกผืนสมุทรและเข้าฌานได้ปีหนึ่ง เรื่องนี้ก็ได้รับความสนใจจากโลกภายนอกพร้อมกับที่เยี่ยนตี๋เจ้าสำนักเขากว่างเฉิงรุดหน้าขึ้นอีกขึ้น เลื่อนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด ขั้นสะพานเซียนระยะกลาง

จนถึงตอนนี้ เขากว่างเฉิงก็ได้เปิดสำนักบนโลกซ้อนโลกอย่างเป็นทางการ เงื่อนไขการรับศิษย์เป็นที่ทราบกันดีแล้ว

ชนชั้นในขุมกำลังใหญ่กับยอดฝีมือระดับสุดยอดล้วนกำลังจับตามอง

หลังจากที่ปะทะกับพวกจักรพรรดิเอกภพกำเนิดและประมุขทักษิณ จึงค่อยดูออกว่าเขากว่างเฉิงเป็นมังกรหรืองูกันแน่ แต่สำหรับจอมยุทธ์ระดับกลางไปถึงต่ำ โดยเฉพาะคนธรรมดาที่ไม่รู้เรื่องราว พวกเขาไม่ทราบว่าเขากว่างเฉิงกำลังจะเผชิญกับอันตราย

พวกเขาเพียงแต่รู้ว่า ตำนานบทใหม่กำลังเริ่มขึ้นบนทะเลหวงเจียในเขตตะวันอาคเนย์ และคนเหล่านี้ก็เป็นเป้าหมายที่เขากว่างเฉิงเปิดสำนักรับลูกศิษย์

ขณะที่ทั่วทั้งเขากว่างเฉิงชื่นชมเยี่ยนตี๋ที่รุดหน้าขึ้นอีกก้าว ก็ไม่ได้รีบเร่งเปิดสำนักอย่างเป็นทางการ ไม่ใช่เพราะพวกเขากริ่งเกรงยอดฝีมือที่ยิ่งใหญ่อย่างจักรพรรดิเอกภพกับประมุขทักษิณ หรือเพราะคิดว่ารากฐานของตัวเองในตอนนี้ยังไม่มั่นคง

เหตุผลมีเพียงหนึ่งเดียว นั่นก็คือเยี่ยนจ้าวเกอยังเข้าฌานอยู่ในโลกผืนสมุทร ไม่ได้ออกมา

“สถานการณ์และชื่อเสียงในตอนนี้ของสำนักเรา มีมากกว่าครึ่งที่จ้าวเกอสร้างไว้ตั้งแต่ไม่มีเป็นมี” หยวนเจิ้งเฟิงเคาะไม้ตัดสินใจ “การเปิดสำนักอย่างเป็นทางการ จะไม่รอเขาได้อย่างไร”

เยี่ยนตี๋ไม่ได้ถ่อมตนและไม่ได้บ่ายเบี่ยง พยักหน้าพูดตรงๆ ว่า “เป็นอย่างที่ท่านอาจารย์พูด”

ฟางจุ่นยิ้ม “ด้วยพลังฝึกปรือและความรู้ในปัจจุบันของจ้าวเกอ ที่แล้วมาไม่ได้รับศิษย์ ไม่รู้ว่าตอนเปิดสำนักจะมีคนเข้าตาเขาหรือไม่”

ฟางจุ่นที่อยู่บนโลกซ้อนโลกมาสิบกว่าปี แม้ว่าจะยังคงแบกรับหน้าที่ประจำวันของสำนักมากมาย แต่ส่วนใหญ่แล้วเก็บตัวฝึกฝน ค่อยๆ มีกำลังวังชา

ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รุดหน้ารวดเร็วเท่าเยี่ยนตี๋ แต่ก่อนหน้านี้ไม่นานก็ได้ทำลายนภา เห็นเทวะสำแดงสำเร็จ เขากว่างเฉิงมีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงเพิ่มขึ้นมาอีกคน

เมื่อดูจากการได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสเมื่อก่อนหน้า ความก้าวหน้าในตอนนี้ค่อนข้างโดดเด่น

มังกรซ่อนเงื่อนที่เคยอยู่ในโลกแปดพิภพ มีสัญญาณว่าจะกลายเป็นมังกรซ่อนที่กำลังออกจากหุบเหวบนโลกซ้อนโลกอยู่หลายส่วน

“เรื่องที่จ้าวเกอพูดถึงก่อนไปโลกผืนสุมทร วันนี้มีผลลัพธ์แล้ว” หยวนเจิ้งเฟิงว่า “เพียงไม่ทราบว่าสิ่งที่ตรวจสอบแล้วเหล่านี้จะนำอะไรมาให้พวกเราได้บ้าง”

ถึงแม้ว่าเยี่ยนตี๋กับเยี่ยนจ้าวเกอสองพ่อลูกจะเป็นคลื่นลูกหลังกลบคลื่นลูกหน้า แต่เพราะเก็บตัวฝึกฝนหลายปี หยวนเจิ้งเฟิงในวันนี้จึงเลื่อนไปอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้ายแล้ว นอกจากนั้นยังมีพลังไม่ธรรมดา สามารถต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ดได้หลายคน เพียงรอเวลาที่เขาสั่งสมเพียงพอ ก็จะสามารถลองเลื่อนเป็นขั้นสะพานเซียนได้

เยี่ยนตี๋กล่าว “ข้าบอกให้หู่ถิงนำของไปมอบให้จ้าวเกอที่โลกผืนสมุทรแล้ว รอตอนเขาออกฌานกลับโลกซ้อนโลก เชื่อว่าจะมีคำตอบ”

เป็นไปตามที่เขาพูด อาหู่ในตอนนี้ได้ไปถึงโลกผืนสมุทรแล้ว

เวลาผ่านไปหลายปี สถานการณ์ในปัจจุบันของโลกผืนสมุทรเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง

เขากว่างเฉิงแม้ว่าจะไม่ได้เคลื่อนทัพเข้าสู่โลกผืนสมุทรอย่างเป็นทางการ แต่ผลกระทบที่พวกเยี่ยนจ้าวเกอนำมาก็ได้ส่งอิทธิผลต่อทุกสิ่งที่อยู่ที่นี่อย่างเงียบๆ

เขาหงส์วิเศษ ในปัจจุบันเริ่มกลายเป็นขุมกำลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกผืนสมุทรแล้ว

การไหลของเวลาบนโลกผืนสมุทรเร็วยิ่ง ห่างจากตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอเคยเคลื่อนไหวสามสิบกว่าปีแล้ว

เกาเทียนจง เจ้าสำนักหงส์วิเศษในตอนนั้น บัดนี้เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของโลกผืนสมุทร หลายปีมานี้มอบตำแหน่งเจ้าสำนักให้แก่ลูกศิษย์ ตัวเองเก็บตัวฝึกฝน หวังจะเลื่อนเป็นระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม ขั้นรวมรูประยะท้าย

แต่ว่าเรื่องทั้งหมดนี้ไม่ส่งผลต่อลูกศิษย์เขากว่างเฉิงที่อาศัยอยู่ที่นี่

อาหู่ลงมาจากโลกซ้อนโลก หลังจากพบผู้อาวุโสของเขากว่างเฉิงที่เฝ้าที่นี่ ก็เตรียมจะมุ่งหน้าไปยังทะเลรางเลือน

สถานที่สำหรับการเข้าฌานในครั้งนี้ของเยี่ยนจ้าวเกอยังคงเลือกที่นี่

เขากว่างเฉิงมีคนลงมาจากโลกซ้อนโลก หลังจากคนในเขาหงส์วิเศษทราบแล้ว เจ้าสำนักคนปัจจุบันก็ส่งคนมาเชื้อเชิญ

ผู้มาเยือนมีพลังฝึกปรือระดับมหาประมาจารย์ อายุน้อยยิ่ง ราวๆ สามสิบปี

คนหนุ่มที่เลื่อนเป็นระดับมหาปรมาจารย์ผู้นี้ เป็นอัจฉริยะบุรุษในโลกผืนสมุทรอย่างไม่ต้องสงสัย

กลับเป็นลูกศิษย์ของเจ้าสำนักเขาหงส์วิเศษคนปัจจุบัน เป็นคนรุ่นหลังที่โดดเด่นซึ่งมีชื่อเสียงของเขาหงส์วิเศษไปจนถึงโลกผืนสมุทร

แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าอาหู่ เขาต้องนอบน้อมมีมารยาท

หลายปีมานี้เขากว่างเฉิงกับเขาหงส์วิเศษมีความสัมพันธ์ไม่เลว อาหู่ก็ไม่ได้วางท่า ติดตามอีกฝ่ายไปเยี่ยมเยือนเขาหงส์วิเศษ

เจ้าสำนักคนปัจจุบันของเขาหงส์วิเศษเคยพบเขามาแค่ครั้งเดียว เมื่อทราบสถานะของเขา ก็อดตกตะลึงไม่ได้ “ยินดีกับท่านหู่ที่เลื่อนจากขั้นบรรลุธรรมเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์”

“แต่ท่านถึงกับมาโลกผืนสมุทรด้วยตัวเอง หรือว่าราชามังกรอวิ๋นจงมีคำสั่งใด ราชามังกรอวิ๋นจงอยู่บนโลกผืนสมุทรหรือ”

อาหู่หัวเราะฮ่าๆ “ครั้งนี้ที่ข้าลงมามีเรื่องที่ต้องจัดการจริงๆ ไม่ส่งผลต่อสถานการณ์ใหญ่ของโลกผืนสมุทร ท่านเจ้าสำนักซ่งไม่จำเป็นต้องคิดมาก”

เจ้าสำนักซ่งกล่าวด้วยความเคร่งขรึม “มีส่วนที่ต้องให้เขาหงส์วิเศษของเราช่วยเหลือหรือไม่”

อาหู่ส่ายหน้า “ไม่ต้อง ข้าคนเดียวก็เกินพอ ฝากทักทายเจ้าสำนักคนเก่าอาจารย์ของท่านแทนข้าด้วย”

เมื่ออาหู่พูดเช่นนี้ เจ้าสำนักซ่งก็พยักหน้า ไม่ถามอีก ตั้งใจจะจัดงานเลี้ยงให้แก่เขา แต่อาหู่ไม่รั้งอยู่ บอกลาแล้วผละไปทันที

ผู้อาวุโสซ่งใช้สายตาส่งอาหู่ออกประตู พออีกฝ่ายไปไกลแล้ว จึงพึมพำกับตัวเองว่า “ไม่ทราบว่าราชามังกรอวิ๋นจงต้องการทำอะไร…”

ลูกศิษย์ของเขาถามด้วยความสงสัย “คนแรกที่ได้ลอยขึ้นไปยังโลกซ้อนโลกของโลกผืนสมุทรคือราชามังกรอวิ๋นจงผู้นั้นหรือ ไม่ทราบว่าตอนนี้เป็นอย่างไร”

“เป็นอย่างไรหรือ” เจ้าสำนักซ่งหันมามองลูกศิษย์ของตัวเอง “ท่านหู่ที่เพิ่งออกไปเมื่อครู่ เป็นบ่าวรับใช้ของเขา”

คนหนุ่มอ้าปากกว้าง “เป็นบ่าว…จอมยุทธ์…จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์น่ะหรือ?!”

………………..