ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 1010 คนที่น่ากลัว

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

คนหนุ่มแตกตื่น เขามองทิศทางที่อาหู่หายไปโดยสัญชาตญาณ ทว่าไม่เห็นเงาคนแล้ว

เพียงแต่เรื่องที่อาจารย์ของเขาบอก ยังทำให้เขาตกใจจนหุบปากไม่ได้

นั่นเป็นเพราะอาหู่ในตอนนี้ ถึงกับเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว

แม้ว่าสถานการณ์ของโลกผืนสมุทรในปัจจุบันจะแตกต่างไปจากตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอยังเคลื่อนไหวอยู่มาก แต่ว่ายอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งจะต้องเป็นผู้ทรงอำนาจอย่างไม่ต้องสงสัย

คนหนุ่มที่ก่อนหน้านี้รับคำสั่งของเจ้าสำนักซ่งไปเชื้อเชิญอาหู่ มีมารยาทนอบน้อม ไม่กล้าแสงความคิดดูแคลน

ต่อให้อาหู่จะไม่มีความเกี่ยวข้องกับเขากว่างเฉิง เรื่องนี้ก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอยู่ดี เพราะว่าเขาก่อให้เกิดคลื่นยักษ์ขึ้นในโลกผืนสมุทรได้

นี่เป็นเพราะอาหู่ไม่เคยลงมือบนโลกผืนสมุทรมาก่อน คนอื่นๆ จึงนึกว่าเขามีพลังฝึกปรือจำกัด

ความจริงแล้วเกาเทียนจง เจ้าสำนักรุ่นก่อนของเขาหงส์วิเศษที่ตอนนี้กำลังเข้าฌานอยู่จะเอาชนะอาหู่ที่มีระดับต่ำกว่าได้หรือไม่ ยังไม่อาจบอกได้

“ท่านหู่ผู้นั้นหรือจะไม่ใช่ผู้อาวุโสเขากว่างเฉิง” คนหนุ่มถามอย่างงงงวย

เจ้าสำนักซ่งมองลูกศิษย์ของตัวเอง ก่อนจะถอนใจเสียงหนึ่ง ทว่าไม่ได้มีโทษเขาที่เสียกิริยา

“เจ้าประหลาดใจถึงเพียงนี้ ข้าไม่ตำหนิเจ้าหรอก ในตอนที่ข้าพบท่านหู่เป็นครั้งแรก ท่านหู่ยังอยู่ในระดับมหาปรมาจารย์อยู่เลย” เจ้าสำนักซ่งถอนใจ “แต่ดูจากระดับของเขาแล้ว ยังมีอายุยังน้อยยิ่ง”

“ตอนแรกข้านึกว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้สืบทอดสายหลักที่เขากว่างตั้งใจชุบเลี้ยง ตอนหลังจึงค่อยรู้ว่า เขาถึงกับเป็นบ่าวรับใช้ของราชามังกรอวิ๋นจง!”

เจ้าสำนักซ่งส่ายหน้าติดต่อกัน

สีหน้าเหลือเชื่อบนใบหน้าของลูกศิษย์ยังคงไม่จางหาย “แม้จะเป็นมหาปรมาจารย์ แต่ก็เป็นบ่าว นั่นมัน…น่า…”

“น่าอัปยศ ไม่องอาจ น่าเหลือเชื่อเกินไปหรือไม่?” เจ้าสำนักซ่งเอ่ยอย่างแช่มช้า “โดยเฉพาะคนผู้นี้ปัจจุบันถึงกับเลื่อนจากขั้นบรรลุธรรมเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์ แต่ดูจากท่าทางของเขาแล้ว คล้ายยังยอมเป็นบ่าวของผู้อื่น ยิ่งรู้สึกรับไม่ได้กว่าเดิมกระมัง”

คนหนุ่มพยักหน้า

เจ้าสำนักซ่งกล่าวสืบต่อ “เช่นนั้นเจ้าได้ลองคิดในอีกมุมมองหนึ่งหรือไม่ ว่าคนที่ทำให้มหาปรมาจารย์หรือจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งยอมเป็นบ่าวรับใช้เป็นคนแบบไหน”

“ราชามังกรอวิ๋นจงถึงกับน่ากลัว…น่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือ” คหนุ่มรู้สึกว่าคำว่า ‘น่ากลัว’ ยังไม่อาจบรรยายถึงบุคคลเช่นนั้นได้ด้วยซ้ำ

โลกผืนสมุทรมีการไหลของเวลาเร็วยิ่ง คนหนุ่มผู้นี้เกิดขึ้นมาหลังจากเยี่ยนจ้าวเกอออกจากโลกผืนสมุทรไปแล้ว

ตอนที่เขากราบเข้าเขาหงส์วิเศษเพื่อร่ำเรียนวิชา นอกจากการเข้าฌานฝึกฝนที่ไม่มีใครรู้แล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่ได้เคลื่อนไหวในโลกผืนสมุทรอีก

เรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับเยี่ยนจ้าวเกอนั้นเขาเคยได้ยินมาบ้าง แต่ว่าเพียงแค่เคยฟังมา ยังไม่มากพอที่จะทำให้เขามีความเข้าใจและความรู้สึกที่แท้จริงต่อเยี่ยนจ้าวเกอได้

คนของเขากว่างเฉิงที่หลายปีมานี้เคลื่อนไหวอยู่ในโลกผืนสมุทร มีอัจฉริยะเช่นสวีเฟย สือจวิน อิงหลงถู ซือคงจิง ทั้งหมดล้วนมีพลังน่าทึ่ง

แต่ว่าในตอนที่ระดับพลังฝึกปรือยังไม่ได้เพิ่มถึงจุดสูงสุด พวกเขาก็ออกจากโลกผืนสมุทรไป

ที่แล้วมา เขากว่างเฉิงเห็นที่นี่เป็นที่สำหรับเก็บเกี่ยวประสบการณ์ของลูกศิษย์อายุเยาว์

ยอดฝีมือแห่งเขากว่างเฉิงและผู้ที่มีพลังฝึกปรือระดับสูงสุดที่เฝ้าอยู่ที่นี่ เป็นจางคุนผู้อาวุโสสูงสุดที่ก่อนหน้านี้หลายปีก็ได้ทำลายคอขวดที่ติดมาหลายสิบปี เลื่อนจากขั้นบรรลุธรรมเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์

ผู้เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ย่อมไม่อาจดูแคลน แต่ว่าจางคุนไม่ได้มีนิสัยอวดโอ่ ร่วมรุกร่วมถอยกับเขาหงส์วิเศษอยู่หลายครั้ง

เขาหงส์วิเศษในวันนี้เป็นขุมกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของโลกผืนสมุทร ปกติแล้วต้องใช้การร่วมมือกันของสำนักอื่นๆ ถึงจะสร้างสมดุลได้

ในฐานะลูกศิษย์ของเขาหงส์วิเศษ แม้คนหนุ่มผู้นี้จะชื่นชมความโดดเด่นของจอมยุทธ์เขากว่างเฉิง แต่ว่าก็ยังรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองและสำนัก

มั่นใจในตัวเอง และภูมิใจในสำนัก

ตอนที่ได้ยินเรื่องราวอันน่าอัศจรรย์มากมายของเยี่ยนจ้าวเกอ เขาคิดว่าเรื่องราวเหล่านั้นมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ตนเชื่อว่าจะต้องมีสักวันที่สามารถไปถึงจุดนั้นได้

ในฐานะที่เป็นจอมยุทธ์ที่มีความเชื่อเป็นของตัว และเต็มไปด้วยปณิธาน มีความคิดคล้ายกันถือว่าปกติยิ่ง ไม่ได้แตกต่างแต่ประการใด

แต่ว่าในตอนนี้ เมื่อมุมหนึ่งของภูเขาน้ำแข็งเช่นอาหู่โผล่ขึ้นมา ก็สร้างความตื่นตระหนกให้แก่คนหนุ่มผู้นี้ทันที

คนแบบไหนกันแน่ที่ทำให้มหาปรมาจารย์หรือแม้แต่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งยินยอมเป็นบ่าวรับใช้

คำถามนี้แค่คิดให้ลึกลงไปเล็กน้อย ก็มอบความรู้มึนหัวตาลายให้แก่เขา ทำให้เขาไม่กล้าคิดต่อแล้ว

เจ้าสำนักซ่งมองลูกศิษย์ของตัวเองแวบหนึ่ง ลอบถอนใจ เขาย่อมไม่ต้องการสร้างความสะเทือนใจให้แก่ลูกศิษย์ อีกฝ่ายเป็นลูกศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดในหมู่คนหนุ่มสาว และเป็นกำลังหลักในอนาคตของเขาหงส์วิเศษ แต่มีโลกทัศน์บางอย่างที่สุดท้ายก็ต้องเปิด มีเรื่องบางเรื่องที่สุดท้ายก็ต้องเจอในอดีต เขาเองก็เป็นเช่นนี้

เขาสำนักซ่งหันไปมองทิศทางที่อาหู่หายไป มีสีหน้าซับซ้อน ‘ทั้งที่ใช้ชื่อห้าบรรพตแห่งสำนักเต๋าก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่เหมือนกัน แต่ชื่อเสียงกลับแตกต่างกันยิ่ง…’

‘โลกซ้อนโลกที่คนในเขากว่างเฉิงพูดถึง ไม่รู้ว่าเป็นแดนเซียนแบบไหน อยากจะเห็นจริงๆ!’

ในตอนที่เขากำลังสะท้อนใจ ส่วนลึกของเขาหงส์วิเศษก็มีประกายแสงเจิดจ้าพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

พวกเจ้าสำนักซ่งต่างตกใจ จากนั้นก็ยินดี

“ท่านอาจารย์ออกฌานแล้ว!”

“อาจารย์ปู่ออกฌานแล้ว!”

เกาเทียนจง ยอดฝีมืออันดับที่หนึ่งของโลกซ้อนโลกในปัจจุบัน และเป็นเจ้าสำนักรุ่นก่อนของเขาหงส์วิเศษ หลังจากเข้าฌานมาหลายปี ในที่สุดวันนี้ก็ออกฌานแล้ว

สิ่งที่ทำให้ทั่วทั้งเขาหงส์วิเศษต่างปลาบปลื้มก็คือ การออกฌานในครั้งนี้ของเกาเทียนจงประสบความสำเร็จ ได้เลื่อนไปอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม ขั้นนรวมรูประยะท้าย

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงยืนยันตำแหน่งสำนักอันดับหนึ่งแห่งโลกผืนสมุทรเขาเขาหงส์วิเศษอย่างสมบูรณ์

ครั้งนี้ต่อให้ขุมกำลังอื่นๆ ในยุทธจักรบนโลกผืนสมุทรร่วมมือกัน ก็ไม่แน่ว่าจะต้านทานแรงกกดดันที่เขาหงส์วิเศษนำมาได้

“จะว่าไปยังต้องขอบคุณเขากว่างเฉิง” เจ้าสำนักซ่งได้สติ กล่าวอยางสะทกสะท้อน “ถ้าไม่ใช่เพราะของวิเศษที่มีอยู่แค่บนโลกซ้อนโลกซึ่งได้มาจากการแลกเปลี่ยนกับพวกเขา ท่านอาจารย์เกรงว่าจะไม่มีทางสำเร็จเร็วเช่นนี้”

คนหนุ่มด้านข้างกล่าวอย่างฮึกเหิม “ตามคำพูดของคนในเขากว่างเฉิง ขอแค่ท่านอาจารย์ปู่รุดหน้าขึ้นอีกขั้น ก็สามารถลอยไปยังโลกซ้อนโลกได้!”

“ถึงเวลานั้นอนาคตของเขาหงส์วิเศษจะกว้างไกล ทุกสิ่งล้วนเป็นไปได้!”

เจ้าสำนักซ่งว่า “ไหนเลยจะรวบรัดขนาดนั้น โลกซ้อนโลกมียอดฝีมือมากมายดุจหมู่เมฆ ยังไม่ต้องเอ่ยถึงคนอื่น แค่ผู้อาวุโสสวี ‘วิหคเวหา’ แห่งเขากว่างเฉิงที่เคยพำนักอยู่ในเขาหงส์วิเศษของพวกเรา เขาในตอนที่ออกจากโลกผืนสมุทร ยังมีพลังฝึกปรือแค่ระดับมหาปรมาจารย์ ตอนนั้นท่านอาจารย์ได้เลื่อนจากขั้นบรรลุธรรมเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์แล้ว”

“แต่ว่าหลายปีก่อนหน้านี้ทางเขากว่างเฉิงมีข่าวว่า วิหคเวหาได้เลื่อนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามแล้ว เร็วกว่าท่านอาจารย์เสียอีก”

คนหนุ่มได้ยิน กำลังคิดจะเอ่ยปากพูดอะไรบางอย่าง ร่างกายพลันส่ายไหว

เขาในตอนนี้อยู่ในระดับมหาปรมาจารย์ ต่อให้อยู่ในพายุโหดคลื่นคลั่งก็ยังทรงตัว รักษาสมดุลได้ แต่ว่าการส่ายไหวนั้นกลับเกือบทำให้เขาล้มคะมำ แม้แต่เจ้าสำนักซ่งก็ร่างส่ายไปวูบหนึ่ง เกือบจะล้มลงเช่นกัน!

เพราะว่าการสั่นไหวนี้ไม่ได้มาจากเขาหงส์วิเศษที่อยู่ใต้เท้าของเขา ถึงขั้นไม่ได้เกิดขึ้นบนทะเลไร้สิ้นสุดอันเป็นที่อยู่ของเขาหงส์วิเศษเท่านั้น

แต่ว่าในตอนนี้ โลกผืนสมุทรทั้งใบกำลังสั่นสะเทือน ส่ายขึ้นลงพร้อมกัน!

จอมยุทธ์โลกผืนสมุทรทุกคนต่างเกิดความหวาดกลัวที่ไม่อาจควบคุมได้ในจิตใจ

เหมือนกับกำลังเผชิญวันสิ้นโลก!

ความจริงแล้ว ถ้าหากว่าการสั่นสะเทือนนี้ดำเนินต่อไปโดยไร้การควบคุม โลกผืนสมุทรก็จะเจอกับคลื่นยักษ์ที่น่ากลัวยิ่งกว่าการสั่นไหวของสุสานมังกรในอดีต

ทุกๆ ครั้งที่สุสานมังกรสั่นไหว โลกผืนสมุทรจะพบพานภัยพิบัติ เสื่อมโทรมลงรอบหนึ่ง

ปัจจุบันสุสานมังกรได้พังทลายลงแล้ว ภัยพิบัติไม่เกิดขึ้นอีก

แต่ว่าการสั่นไหวในครั้งนี้ กลับทำให้โลกผืนสมุทรทั้งใบพังทลาย กลายเป็นฝุ่นผงได้!

………………..