ณ หอชั้นนอกของนิกายหมื่นกระบี่ บรรดาผู้อาวุโสและผู้ดูแลคนอื่น ๆ ได้หารือกันและตัดสินใจที่จะให้คนหนึ่งอยู่ที่นี่เพื่อดูแลความเรียบร้อยของหอชั้นนอกในขณะที่คนที่เหลือทั้งหมดจะเดินทางไปตรวจดูสถานการณ์ในหมู่บ้านกล้วยไม้เมฆา
ไม่ว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร พวกเขาจะทราบได้อย่างชัดเจนก็ต่อเมื่อไปที่นั่นด้วยตัวเอง
“ผู้อาวุโสฉี ท่านอยู่ที่นี่เถอะ เราที่เหลือจะเดินทางไปที่หมู่บ้านกล้วยไม้เมฆาเอง”
ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวกับผู้อาวุโสฉีผู้ซึ่งเป็นคนพาฉินอวี้โม่มาที่หอชั้นนอกด้วยความไว้วางใจในตัวเขา
“ผู้อาวุโสใหญ่ ข้าว่าเราต้องหารือเรื่องนี้กันอีกสักหน่อย”
ผู้อาวุโสฉีกล่าวด้วยใบหน้าที่ขมวดคิ้วมุ่นเนื่องจากยังรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลของเรื่องนี้
“โอ้ เหตุใดจึงได้กล่าวเช่นนั้นรึ ?”
สายตาของทุกคนมองไปที่ผู้อาวุโสฉีเป็นตาเดียวและต้องการฟังความคิดเห็นของเขา
แม้ผู้อาวุโสฉีจะเป็นเพียงผู้อาวุโสห้าของหอชั้นนอก เขาก็เป็นคนที่แกร่งกล้าสามารถ มากพรสวรรค์และชาญฉลาดที่สุดในบรรดาผู้อาวุโสของหอชั้นนอก ไม่ว่าเกิดเรื่องใด ทุกคนย่อมต้องการฟังความคิดเห็นของเขา
ยิ่งไปกว่านั้น ดุลพินิจการวิเคราะห์ของผู้อาวุโสฉีก็มักจะถูกต้องเป็นส่วนใหญ่และกล่าวได้ว่าเขาเป็นคนที่ตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ได้ถูกต้องที่สุด
“ข้าจดจำได้ว่ามีศิษย์ไปทำภารกิจที่หมู่บ้านกล้วยไม้เมฆาทั้งหมดสิบสองคนซึ่งบางคนแข็งแกร่งกว่าเฉินหว่านเอ๋อร์และหลายคนก็มิใช่คนที่จะพ่ายแพ้ต่อผู้ใดง่าย ๆ สิ่งที่ข้าไม่เข้าใจก็คือเหตุใดเฉินหว่านเอ๋อร์จึงเป็นคนเดียวที่รอดชีวิตกลับมาและมิใช่คนเหล่านั้น ? ยิ่งไปกว่านั้น เฉินหว่านเอ๋อร์ก็ไม่ได้เห็นพวกเขาตายด้วยตาตนเอง นางเพียงสัมผัสได้ถึงพลังของยอดฝีมือผู้แกร่งกล้าในหมู่บ้านกล้วยไม้เมฆาจึงสันนิษฐานว่าเสิ่นเสี่ยวไห่และคนอื่น ๆ ตายไปแล้ว”
อันที่จริง ผู้อาวุโสฉีไม่เชื่อวาจาของเฉินหว่านเอ๋อร์ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว อีกทั้งปฏิกิริยาท่าทางของนางก็ทำให้เขานึกสงสัยเป็นอย่างมาก
แม้เฉินหว่านเอ๋อร์จะเสแสร้งทำเป็นอ่อนแรงและบาดเจ็บสาหัสกลับมา ผู้อาวุโสฉีก็สัมผัสได้ว่าสภาวะพลังภายในร่างกายของนางสวนทางกับสิ่งที่เห็นภายนอกและอาการบาดเจ็บทั้งหมดก็ไม่ถือว่ารุนแรงนัก
หากมียอดฝีมือผู้ทรงพลังที่ไล่ฆ่าทุกคนในหมู่บ้านกล้วยไม้เมฆาจริง ไม่มีทางเลยที่เฉินหว่านเอ๋อร์จะเอาตัวรอดกลับมาเพียงคนเดียว เพราะหากเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นจริง ความเป็นไปได้ก็มีเพียงสองทางเท่านั้น นั่นคือคณะศิษย์ทั้งหมดตายไปด้วยกันหรือพวกนางไม่ได้เผชิญกับภยันตรายใดมาตั้งแต่แรก การที่มีเพียงคนเดียวหลบหนีกลับมาเช่นนี้มีความเป็นไปได้เพียงน้อยนิดเท่านั้น
แม้ปกติเขามักจะไม่สนใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างศิษย์ของหอชั้นนอก ทว่าผู้อาวุโสฉีก็มีความเข้าใจในสถานการณ์ของหอชั้นนอกอยู่พอสมควร
เห็นได้ชัดว่าเฉินหว่านเอ๋อร์ เถียนซิน สวีเยว่และอีกหลายคนไม่ชอบหน้ากันนัก หากนางมีเจตนาที่ไม่ดี มันก็มีความเป็นไปได้ที่ทั้งหมดนี้จะเป็นแผนการของเฉินหว่านเอ๋อร์ ยิ่งไปกว่านั้น จากข่าวที่เขาทราบมาก่อนหน้านี้ ฉินอวี้โม่ก็ไม่เคยแสดงความเคารพหรือความนอบน้อมต่อเฉินหว่านเอ๋อร์และถึงขั้นตอกกลับให้นางเสียหน้าต่อหน้าธารกำนัล หากเป็นเช่นนั้นจริง พวกเขาก็ต้องพิจารณาสถานการณ์นี้อย่างละเอียด…
“สิ่งที่ผู้อาวุโสฉีกล่าวมาก็มีเหตุผล ทว่าเหตุใดเฉินหว่านเอ๋อร์จะต้องโกหกพวกเราด้วยเล่า ?”
หนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยขึ้น พวกเขาเชื่อวาจาของผู้อาวุโสฉีและเชื่อว่าการพิจารณาของเขาสมเหตุสมผลอย่างแท้จริง เพียงแต่พวกเขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดเฉินหว่านเอ๋อร์จึงจงใจหลอกลวงพวกเขา หากไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นกับฉินอวี้โม่และทุกคน นางมีจุดประสงค์ใดจึงแต่งเรื่องเช่นนั้นขึ้นมา ?
“ข้าคิดว่ามีความเป็นไปได้บางอย่างอยู่ เพียงแต่ยังต้องยืนยันให้แน่ชัด”
ผู้อาวุโสฉีลังเลเล็กน้อยก่อนกล่าวถึงความเป็นไปได้อีกอย่าง
“ความเป็นไปได้อะไรหรือ ?”
สายตาของทุกคนจับจ้องที่ผู้อาวุโสฉีอีกคราและรอให้เขาอธิบายต่อไป
“เป็นไปได้หรือไม่ว่าฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ จะเผชิญภยันตรายบางอย่าง เฉินหว่านเอ๋อร์จึงจงใจปิดบังไว้เพื่อมิให้เราเข้าไปช่วยได้ทันเวลา…”
ต้องกล่าวเลยว่าผู้อาวุโสฉีทั้งเฉลียวฉลาดและมีไหวพริบที่ยอดเยี่ยม เขาคาดเดาหนึ่งในจุดประสงค์ของเฉินหว่านเอ๋อร์ได้อย่างรวดเร็ว
แม้เวลาจะล่วงเลยมาหลายวันแล้ว เฉินหว่านเอ๋อร์ก็ยังกังวลว่าจะเกิดความติดขัดในแผนการของตน หากสามารถถ่วงเวลาให้ผู้อาวุโสของหอชั้นนอกออกเดินทางไปที่หมู่บ้านกล้วยไม้เมฆาได้ช้าที่สุด ต่อให้ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ จะออกจากหมู่บ้านได้สำเร็จ พวกนางก็จะถูกสังหารโดยคนของประตูเร้นลับอยู่ดี
เมื่อถึงตอนนั้น ผู้อาวุโสของหอชั้นนอกก็จะไม่ทราบว่าคณะศิษย์ถูกสังหารโดยคนของประตูเร้นลับและจะไม่มีผู้ใดนึกสงสัยในตัวนาง หลังจากนั้นนางก็จะเข้าร่วมกับหอชั้นในได้อย่างราบรื่น
เมื่อผู้อาวุโสหลายคนได้ยินวาจาของผู้อาวุโสฉี พวกเขาก็เริ่มคล้อยตามและเห็นด้วยกับความเป็นไปได้ข้อนี้ อย่างไรก็ตาม เมื่อนึกขึ้นว่าเฉินหว่านเอ๋อร์ผู้ที่มีจิตใจดีและอ่อนโยนมาตลอดกลับกลายเป็นคนเจ้าเล่ห์จอมมารยาถึงเพียงนั้น พวกเขาก็ไม่อยากปักใจเชื่อเท่าใดนัก
แม้คนของนิกายหมื่นกระบี่จะมีเรื่องขัดแย้งบาดหมางกันเป็นครั้งคราว พวกเขาก็ไม่มีทางลงมือกระทำสิ่งใดที่จะทำให้ศิษย์ของนิกายต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายหรือสิ้นหวัง
หากเฉินหว่านเอ๋อร์กระทำเช่นนั้นจริง นิกายหมื่นกระบี่ก็ไม่มีทางอดทนอดกลั้นกับเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน…
“เอาล่ะ ข้าจะไปที่นั่นและตรวจดูสถานการณ์เพียงลำพังก่อน ผู้อาวุโสใหญ่และคนอื่น ๆ อย่าเพิ่งทำอะไรวู่วามเลย หากเรื่องราวเป็นจริงเช่นที่เฉินหว่านเอ๋อร์กล่าวมา ต่อให้ไปที่นั่น เราก็คงจะรนหาที่ตายกันเท่านั้น หลังจากที่ข้าสืบทราบความจริง ข้าจะส่งข่าวกลับมาโดยเร็วที่สุด และหากพบว่าเฉินหว่านเอ๋อร์กำลังโกหกพวกเราอยู่ ข้าเชื่อว่าข้าเพียงคนเดียวก็สามารถสะสางเรื่องนี้ได้”
ผู้อาวุโสฉีไตร่ตรองครู่หนึ่งและตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว เขาวางแผนที่จะเดินทางไปที่หมู่บ้านกล้วยไม้เมฆาเพียงลำพัง
หากผู้อาวุโสของหอชั้นนอกมุ่งหน้ากันออกไปทั้งหมด มันจะทำให้ศิษย์นอกเกิดความสงสัยและอาจส่งผลกระทบที่เลวร้ายต่อบรรดาศิษย์นอก ทว่าหากผู้อาวุโสฉีออกไปเพียงคนเดียว ผลกระทบที่เกิดขึ้นก็จะลดน้อยลงมาก ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็รู้สึกมาตลอดว่าฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ คงจะดูแลตนเองได้ ถึงอย่างไรศิษย์เหล่านั้นก็มีไพ่ตายซ่อนไว้ แม้หมู่บ้านกล้วยไม้เมฆาจะเต็มไปด้วยภยันตราย พวกนางก็คงสามารถเอาตัวรอดได้อย่างไม่เป็นปัญหา
“เอาล่ะ ถ้าเช่นนั้นเราจะรอฟังข่าวดีจากผู้อาวุโสฉี”
ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ มองหน้ากันก่อนพยักศีรษะตอบตกลง
หลังจากเตรียมการสิ่งต่าง ๆ ผู้อาวุโสฉีก็เดินทางออกจากนิกายหมื่นกระบี่และเหาะตรงไปยังทิศทางของหมู่บ้านกล้วยไม้เมฆา
เฉินหว่านเอ๋อร์ก็ทราบว่าผู้อาวุโสฉีเป็นเพียงคนเดียวที่ออกไปสำรวจสถานการณ์ภายนอกและนางก็ไม่ได้รู้สึกกังวลแต่อย่างใด ถึงอย่างไรนางก็เชื่อว่าฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ เสียชีวิตไปนานแล้วและไม่มีทางที่แผนการของนางจะผิดพลาดไปได้ ต่อให้ผู้อาวุโสฉีไปถึงที่นั่น มันก็เป็นเรื่องที่สายเกินไปแล้ว
ภายในคฤหาสน์เฟิงหัว ฉินอวี้โม่และทุกคนยังคงไม่ทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหอชั้นนอกของนิกายหมื่นกระบี่ ในเวลานี้ พวกนางกำลังมุ่งหน้าไปยังนิกายหมื่นกระบี่ด้วยความเร็วสูงสุดและจะใช้เวลาอีกสามวันเพื่อไปถึงที่จุดหมายปลายทาง
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ จู่ ๆ เถาเซี่ยวเซี่ยวก็สังเกตเห็นผู้อาวุโสฉีที่เหาะสวนทางกับพวกนางกลางอากาศ
“ดูนั่นเร็ว นั่นมันผู้อาวุโสฉีนี่นา !”
นางตะโกนขึ้นทันทีส่งผลให้คนอื่น ๆ มองตามไปและสังเกตเห็นผู้อาวุโสฉีเช่นกัน
“ดูเหมือนว่าผู้อาวุโสฉีกำลังมุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านกล้วยไม้เมฆา”
ฉินอวี้โม่ขับเคลื่อนคฤหาสน์วนกลับไปทางเดิมและไล่ตามผู้อาวุโสฉีไปอย่างรวดเร็ว หลังจากพิจารณาทิศทาง นางก็มั่นใจได้ว่าเขากำลังมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านกล้วยไม้เมฆา
“ผู้อาวุโสฉี !”
ฉินอวี้โม่เอ่ยเรียกเพื่อหยุดผู้อาวุโสฉีไว้
ผู้อาวุโสฉีได้ยินเสียงที่ฟังดูคุ้นหูและชะลอความเร็วลงทันที
“ผู้อาวุโสฉี ท่านกำลังมุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านกล้วยไม้เมฆาหรือเจ้าคะ ?”
ทุกคนก้าวออกมาจากคฤหาสน์เฟิงหัวและปรากฏตัวขึ้นไม่ไกลจากผู้อาวุโสฉีก่อนเอ่ยถามอย่างสงสัยใคร่รู้
“พวกเจ้าไม่ได้เป็นอะไรกันรึ ?!”
ผู้อาวุโสฉีตกตะลึงไปเล็กน้อยและแทบจะเซตกจากบนอากาศ ทว่าเมื่อเรียกสติกลับคืนมาได้ เขาก็รีบทรงตัวให้มั่นคงขณะมองฉินอวี้โม่และทุกคนด้วยแววตากังวลระคนประหลาดใจ
“พวกเราสบายดีเจ้าค่ะ เฉินหว่านเอ๋อร์คงจะบอกพวกท่านว่าพวกเราตายไปแล้วใช่รึไม่ ?”
ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ คาดเดาไว้ก่อนแล้วจึงไม่แปลกใจแต่อย่างใด พวกนางเพียงคลี่ยิ้มและระบุชื่อของเฉินหว่านเอ๋อร์ออกไปโดยตรง
“เกิดอะไรขึ้นในหมู่บ้านกล้วยไม้เมฆากันแน่ ?”
สีหน้าของผู้อาวุโสฉีกลับกลายเป็นเย็นชาและร่างของเขาก็ร่อนลงสู่พื้นดินอย่างช้า ๆ