ฉินอวี้โม่และทุกคนเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านกล้วยไม้เมฆาให้ผู้อาวุโสฉีได้ทราบ เว้นเพียงแต่เรื่องที่ฉินอวี้โม่กำราบนักล่าวิญญาณและมหาเทพแห่งความว่างเปล่าซึ่งยังคงหลับใหลอยู่ในคฤหาสน์เฟิงหัว พวกนางก็ไม่ปิดบังสิ่งอื่นใด
แม้กระทั่งเรื่องที่นางกลายเป็นจ้าวนิกายคนใหม่ของนิกายพันปีศาจ รวมถึงเรื่องที่เฉินหว่านเอ๋อร์วางแผนส่งคู่อสูรวายุทมิฬและคนของประตูเร้นลับมาสังหารพวกนาง เรื่องทั้งหมดถูกถ่ายทอดให้ผู้อาวุโสฉีได้ทราบอย่างละเอียด
หลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมด สีหน้าของผู้อาวุโสฉีก็บิดเบี้ยวเหยเกอย่างเห็นได้ชัด
เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าเฉินหว่านเอ๋อร์จะกล้าก่อเรื่องที่ชั่วร้ายและบ้าระห่ำถึงเพียงนั้น
การร่วมมือกับคนนอกเพื่อสังหารศิษย์ของนิกายหมื่นกระบี่ ไม่ว่าจะมีจุดประสงค์ใด นิกายหมื่นกระบี่ก็ไม่มีทางปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปได้ !
“วิกฤตในหมู่บ้านกล้วยไม้เมฆาได้รับการคลี่คลายแล้วหรือ ?”
หลังจากสงบสติอารมณ์ลงเล็กน้อย ผู้อาวุโสฉีก็เริ่มคิดว่าควรจะจัดการกับเฉินหว่านเอ๋อร์อย่างไร
“เจ้าค่ะ ทุกอย่างที่นั่นคลี่คลายแล้ว หลังจากนั้นเราก็เดินทางไปที่นิกายพันปีศาจและตอนนี้เราก็กำลังจะเดินทางกลับนิกายหมื่นกระบี่เพื่อแจ้งให้ท่านผู้อาวุโสได้ทราบเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะยืนยันเพื่อมิให้ผู้อาวุโสฉีกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์ประหลาดในหมู่บ้านกล้วยไม้เมฆาอีกต่อไป
หลังจากที่พูดคุยหารือกันอีกเล็กน้อย ทุกคนก็เดินทางกลับนิกายหมื่นกระบี่ด้วยกันโดยที่ไม่นึกลังเลแม้แต่น้อย
“ผู้อาวุโสฉี ก่อนหน้านี้ท่านบอกว่ามีเฉินหว่านเอ๋อร์เพียงคนเดียวที่กลับไปหรือเจ้าคะ ?”
จู่ ๆ ฉินอวี้โม่ก็นึกบางอย่างขึ้นได้และเอ่ยถามด้วยความฉงนสงสัย
เพราะถึงอย่างไร ผางเลี่ยงก็ตามติดเฉินหว่านเอ๋อร์อยู่ตลอดเวลา การที่เขาไม่ได้กลับไปที่นิกายหมื่นกระบี่พร้อมกันกับนาง เพียงเท่านี้ก็ทำให้เกิดข้อสันนิษฐานขึ้นในใจของฉินอวี้โม่แล้ว เกรงว่าเขาคงจะเผชิญกับความโชคร้ายมากกว่าโชคดี…
“ใช่ นางกลับไปเพียงคนเดียว”
เห็นได้ชัดว่าผู้อาวุโสฉีเองก็คิดถึงเรื่องนี้เช่นกัน แม้ผางเลี่ยงจะเป็นสาวกผู้ติดตามของเฉินหว่านเอ๋อร์ เขาก็มีศีลธรรมอยู่ในหัวใจเช่นกัน การที่เฉินหว่านเอ๋อร์สร้างเรื่องหลอกลวงขึ้นมาและวางแผนการชั่วร้ายครั้งใหญ่ หากผางเลี่ยงทราบเข้า เขาก็อาจจะไม่ตกลงให้ความร่วมมือกับนาง
เพราะเหตุนั้น มีความเป็นไปได้ว่านางคงจะกำจัดเขาไปแล้ว
แม้ว่าความแข็งแกร่งของผางเลี่ยงจะอยู่ในระดับที่ไล่เลี่ยกับเฉินหว่านเอ๋อร์ ทว่าเขาก็คงจะคลายการป้องกันเมื่ออยู่กับนาง เพราะเหตุนั้น เฉินหว่านเอ๋อร์จึงลงมือสังหารเขาได้ง่ายดาย
สีหน้าของทุกคนตึงเครียดขึ้นเล็กน้อยและไม่กล่าวสิ่งใดตลอดทางจนเข้ามาใกล้นิกายหมื่นกระบี่ในที่สุด
ณ หอชั้นนอกของนิกายหมื่นกระบี่ เวลานี้เฉินหว่านเอ๋อร์พยายามสยบบรรดาผู้ติดตามของเถียนซินและสวีเยว่
นางเผยแพร่ข่าวการตายของเถียนซิน สวีเยว่และทุกคนออกไปทั่วแล้ว หัวใจของเหล่าสาวกที่เคยติดตามพวกนางจึงเริ่มสั่นคลอน
เดิมทีในหอชั้นนอกก็มีเพียงสองฝ่ายที่บาดหมางขัดแย้งกัน ทว่าหากเถียนซินและสวีเยว่เสียชีวิตไปก็มีเพียงฝ่ายของเฉินหว่านเอ๋อร์เท่านั้นที่ยังคงเหลืออยู่ ยิ่งไปกว่านั้น หากเฉินหว่านเอ๋อร์ผ่านเข้าไปในหอชั้นในได้ การที่พวกเขาประกาศศึกกับนางอย่างเปิดเผยในตอนนี้ สถานการณ์ในอนาคตของพวกเขาก็อาจจะไม่สู้ดีนัก
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ศิษย์หลายคนจึงเลือกยอมจำนนต่อเฉินหว่านเอ๋อร์ส่งผลให้จำนวนสาวกในฝ่ายของเถียนซินและสวีเยว่ลดน้อยลงมาก
สำหรับฝ่ายที่เป็นกลาง เมื่อได้ยินข่าวว่าเหลิ่งซวงเสวี่ย เถาเซี่ยวเซี่ยวและคนอื่น ๆ เสียชีวิตไปในภารกิจ พวกเขาต่างก็รู้สึกสิ้นหวัง อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็เพิกเฉยต่อเฉินหว่านเอ๋อร์ไปและไม่มีทางยอมจำนนต่อนาง เพียงแต่หารือกันว่าจะออกไปที่หมู่บ้านกล้วยไม้เมฆาเพื่อตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นให้แน่ชัด
ภายในชั่วพริบตา เวลาก็ล่วงเลยมาจนถึงวันของการประเมินเลื่อนชั้นของศิษย์นอก
ณ วันประเมินของหอชั้นนอก ทุกคนมารวมตัวกันที่ลานจัตุรัส เวลานี้ ศิษย์นอกสองในสามส่วนก็เลือกติดตามเฉินหว่านเอ๋อร์ส่งผลให้อำนาจของหอชั้นนอกเอนเอียงไปทางฝ่ายของนาง
ยิ่งไปกว่านั้น ในการประเมินศิษย์ครานี้ ผู้ที่มีผลงานโดดเด่นก็สามารถเข้าร่วมกับหอชั้นในได้โดยที่ไม่ต้องเข้าร่วมการประเมินขั้นต่อไปอีก
เดิมทีการแข่งขันนี้จะดุเดือดอย่างมาก ทว่าเนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านกล้วยไม้เมฆา เฉินหว่านเอ๋อร์จึงกลายเป็นเพียงคนเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดและไม่มีผู้ใดที่จะเป็นคู่มือให้กับนางได้เลย
และเนื่องจากผู้อาวุโสฉีมุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านกล้วยไม้เมฆาเพื่อสืบหาความจริงให้แน่ใจ บรรดาผู้อาวุโสคนอื่น ๆ จึงวางแผนที่จะเลื่อนการประเมินออกไปเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม หากเปลี่ยนแปลงกำหนดการของงานสำคัญเช่นนี้ตามความต้องการ นิกายหมื่นกระบี่ของพวกเขาก็คงจะไม่มีกฎระเบียบให้ยึดถือ ยิ่งไปกว่านั้น ผู้อาวุโสหลายคนก็คำนวณเวลาและคาดการณ์ไว้ว่าผู้อาวุโสฉีคงจะกลับมาทันการประเมินของหอชั้นนอกพอดิบพอดี พวกเขาจึงตัดสินใจดำเนินการต่อไปตามปกติ
ในเวลานี้ ผู้อาวุโสจำนวนมากจากหอชั้นนอกก็มารวมตัวกันโดยมีผู้อาวุโสใหญ่กล่าวพิธีการเล็กน้อยก่อนเตรียมประกาศเริ่มต้นการประเมิน
“ช้าก่อน !”
ทันใดนั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นขัดจังหวะผู้อาวุโสใหญ่ จากนั้นผู้อาวุโสฉีและกลุ่มของฉินอวี้โม่ก็ร่อนลงมาจากบนอากาศและเหยียบลงบนแท่นสูงตรงกลางลาน
“ท่านผู้อาวุโส ก่อนการประเมินจะเริ่มต้น เรายังมีเรื่องบางอย่างที่ต้องสะสางให้เรียบร้อยเสียก่อน เพราะถึงอย่างไรก็ยังมีใครบางคนที่ไม่มีคุณสมบัติจะเข้าร่วมการประเมินของหอชั้นนอก !”
สายตาของผู้อาวุโสฉีเลื่อนไปหยุดที่เฉินหว่านเอ๋อร์และแสดงสีหน้าที่มืดมนออกมาอย่างชัดเจน
เมื่อเฉินหว่านเอ๋อร์มองเห็นฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ถัดจากผู้อาวุโสฉี สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปทันที
นางไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าคนเหล่านี้ที่ควรจะเสียชีวิตในหมู่บ้านกล้วยไม้เมฆาจะรอดชีวิตกลับมาได้
การที่คู่อสูรวายุทมิฬและคนของประตูเร้นลับสังหารฉินอวี้โม่และทุกคนไม่สำเร็จเป็นสิ่งที่นางไม่อยากจะเชื่อแม้แต่น้อย
เมื่อได้ยินวาจาของผู้อาวุโสฉี ทุกคนในลานจัตุรัสก็ส่งเสียงฮือฮาขึ้นมาทันที แม้ไม่เข้าใจความหมายของเขาเท่าใดนัก ทว่าเมื่อเห็นฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ หลายคนก็มีข้อคาดเดาในใจทันที สายตาทุกคู่เลื่อนไปหยุดลงที่เฉินหว่านเอ๋อร์เพื่อรอดูปฏิกิริยาของนาง
“ศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งหลาย โชคดีจริง ๆ ที่ทุกคนยังสบายดี”
เฉินหว่านเอ๋อร์เสแสร้งได้อย่างแนบเนียนเช่นเคยขณะก้าวออกไปข้างหน้าและทำท่าทางตื่นเต้นดีใจก่อนกล่าวกับทุกคน
“เฉินหว่านเอ๋อร์ หยุดเสแสร้งเถอะ มันน่ารังเกียจเกินทน สิ่งที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านกล้วยไม้เมฆา เจ้าอยากจะอธิบายเองหรือจะให้พวกเราเป็นคนเปิดเผย !”
เถียนซินและสวีเยว่ก้าวออกไปข้างหน้าและกล่าวด้วยสีหน้าที่แสดงความรังเกียจเดียดฉันท์ต่ออีกฝ่าย
“เถียนซิน สวีเยว่ เจ้าทั้งสองพูดถึงเรื่องอะไรกัน ? เกิดอะไรขึ้นในหมู่บ้านกล้วยไม้เมฆารึ ? เหตุใดข้าถึงไม่ทราบ เจ้าอยากจะให้ข้าอธิบายเรื่องอะไรหรือ ?”
เฉินหว่านเอ๋อร์เสแสร้งทำเป็นใสซื่อบริสุทธิ์และไม่ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น
“ยังกล้าเสแสร้งอีกรึ ! ในหมู่บ้านกล้วยไม้เมฆา เจ้าติดต่อกับคู่อสูรวายุทมิฬเพื่อส่งพวกเขามาฆ่าเรา อีกทั้งยังมีคนของประตูเร้นลับที่ดักรออยู่นอกหมู่บ้านเพราะเจ้าจ้างวานให้พวกเขาฆ่าเราทั้งหมด หากมิใช่เพราะพวกเราโชคดีพอ เราทุกคนคงกลายเป็นศพอยู่ที่นั่นไปแล้ว !”
เถียนซินและสวีเยว่ทนมองท่าทางที่ใสซื่อรังเดียงสาของเฉินหว่านเอ๋อร์ไม่ได้อีกต่อไปและตะโกนตำหนิอย่างโกรธแค้นพลางคิดที่จะสั่งสอนบทเรียนให้นางรู้สำนึก
“เถียนซิน สวีเยว่ ข้าทราบดีว่าเราทั้งสองฝ่ายไม่เคยชอบหน้ากัน ทว่าไม่จำเป็นต้องใส่ร้ายป้ายสีข้าเช่นนี้หรอก ในหมู่บ้านกล้วยไม้เมฆา ข้าถูกเล่นงานจนหมดสติไปและตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าอยู่นอกหมู่บ้านแล้ว ข้าจะทราบได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้น ? สำหรับคู่อสูรอะไรนั่นและคนของประตูเร้นลับ มันฟังดูไร้สาระยิ่งกว่า ข้าไม่รู้จักพวกเขามาก่อน แล้วข้าจะติดต่อพวกเขาได้อย่างไรกัน ?”
แน่นอนว่าเฉินหว่านเอ๋อร์จอมเสแสร้งไม่มีทางยอมรับเรื่องนี้ง่าย ๆ ในเวลานี้ นางกล่าวตอบโต้เสียงดังและยังคงแสดงสีหน้ามั่นใจโดยที่ไม่เผยให้เห็นถึงความรู้สึกผิดแม้แต่น้อย
“เฉินหว่านเอ๋อร์ นี่เจ้าหมายความว่าพวกเราทั้งหมดรวมหัวกันเพื่อที่จะใส่ร้ายเจ้าเพียงคนเดียวอย่างนั้นหรือ ?”
เถาเซี่ยวเซี่ยวก้าวออกไปข้างหน้าและกล่าวขึ้นเนื่องจากทราบดีว่าอีกฝ่ายไม่มีทางยอมรับความผิดของตนเอง
“ศิษย์น้องเถา ข้าเชื่อว่าเราไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน เหตุใดจึงใส่ร้ายข้าเช่นนี้ ?”
เฉินหว่านเอ๋อร์เสแสร้งทำทีเป็นเสียอกเสียใจ นางทราบดีว่าหากยอมรับความผิด อนาคตของนางจะจบสิ้นลงทันที เพราะเหตุนั้น นางจึงไม่มีทางปล่อยให้มันเกิดขึ้น
“เหอะ ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาสินะ ถ้าเช่นนั้นก็หลั่งเลือดสาบานสิ”
เถาเซี่ยวเซี่ยวเบื่อหน่ายเกินกว่าจะโต้เถียงกับเฉินหว่านเอ๋อร์ นางจึงแค่นเสียงอย่างเย้ยหยันและคิดจะต้อนอีกฝ่ายให้จนมุม