ตอนที่ 2,567 : อำนาจจิตของเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์!
ได้ยินวาจาข่มขู่ดังกล่าวของกงซุนเวิ่นเทียน เหล่าผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็นคนในตระกูลก็ดีหรือคนนอกก็ดี ต่างอดไม่ได้ที่จะลอบสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บจับใจ!
“กงซุนเวิ่นเทียนผู้นี้ช่างโหดเหี้ยมนัก!”
จังหวะนี้ทั้งหมดรู้สึกว่ากงซุนเวิ่นเทียนเหี้ยมโหดเกินไป แค่วาจาไม่กี่คำก็ปิดทางถอยของต้วนหลิงเทียนจนหมด ทำให้ต้วนหลิงเทียนหลงเหลือเพียง 2 ทางให้เลือกเดินเท่านั้น…
ทางแรก คือยอมกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าตามคำบอกแต่โดยดี…
ทางที่สองคือต้วนหลิงเทียนได้แต่ละทิ้งชีวิตตัวเองกับสหายแล้วตกตายกันไปข้าง!
และเหตผลที่กงซุนเวิ่นเทียนต้องให้ต้วนหลิงเทียนสาบานแบบนั้น เพราะตัวมันเองก็ยังไม่รู้ว่าทักษะพิสดารที่ต้วนหลิงเทียนใช้ มันเป็นวรยุทธ์วิชาหรือเวทย์พลังกันแน่ มันหวังเพียงแต่ให้ตระกูลกงซุนได้พลังดังกล่าวมาไว้ในครอบครองเท่านั้น
“ท่านบรรพบุรุษ…”
สมาชิกในตระกูลกงซุนหลายคนอดไม่ได้ที่จะผงะไปหลังได้ยินวาจาดังกล่าวของกงซุนเวิ่นเทียน
ในมุมมองของพวกมัน
วันนี้บรรพบุรุษตระกูลกงซุนของพวกมันได้เลือกเสี่ยงกระทั่งชีวิตตัวเอง เพื่อขู่ต้วนหลิงเทียนให้มอบทักษะพิสดารชิงอาวุธนั่นมา และทั้งหมดไม่ใช่เพราะตัวเอง…แต่เพื่อตระกูลกงซุน!
ทำให้ตอนนี้สมาชิกของตระกูลกงซุนที่ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการใช้ตัวประกันขู่ต้วนหลิงเทียนของกงซุนเวิ่นเทียนก่อนหน้า เริ่มหวั่นไหวขึ้นมาในใจ
“กงซุนเวิ่นเทียน เจ้ายังคู่ควรให้ผู้อื่นยอมรับนับถือว่าเป็นยอดฝีมืออันดับ 1 ในระนาบเหยียนหวงอีกหรือ! นี่เจ้าไม่รู้สึกละอายใจตัวเองบ้างหรือไร ที่ต้องใช้วิธีต่ำช้าไร้ยางอายมาขู่ชายหนุ่มที่อายุไม่ถึงร้อยปีเช่นนี้?”
ด้านเซียนหยวนจื่อหลังได้ยินคำที่กงซุนเวิ่นเทียนใช้ขู่ต้วนหลิงเทียน สีหน้ามันก็มืดดำราวก้นหม้อ จึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวค่อนแคะออกมาด้วยน้ำเสียงแดกดัน
มันไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลย ว่าเพียงเพื่อครอบครองทักษะพิสดารชิงอาวุธที่ต้วนหลิงเทียนเชี่ยวชาญ กงซุนเวิ่นเทียนกลับไม่ละอายแก่ใจ ด้านหน้าใช้วิธีการต่ำช้าดังกล่าว!
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเซียนหยวนจื่อจะกล่าวแดกดันมันเพียงใด
ทางด้านกงซุนเวิ่นเทียนนั้นราวกับสำเร็จวิชาหนังหน้าเหล็กไหล มันเฉยราวกับไม่ได้ยินคำพูดของเซียนหยวนจื่อ เพียงมองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าสงบราวกับได้ตัดสินใจเรื่องขู่ต้วนหลิงเทียนอย่างเด็ดขาดแล้ว
“ฮ่าๆๆๆ…!!”
และเมื่อทุกสายตาพากันหันไปมองจจ้องเพื่อรอฟังว่าต้วนหลิงเทียนจะตอบคำอย่างไร ด้านต้วนหลิงเทียนอยู่ๆก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังร่า!
จังหวะนี้กระทั่งเซียนหยวนจื่อยังอดไม่ได้ที่จะชักหน้าเหวอ!
น้องหลิงเทียนมันเสียสติไปแล้วรึ?
ไฉนในเวลาแบบนี้ยังสามารถหัวเราะออกมาได้?
“เจ้าหัวเราะอะไร?”
ใบหน้าที่แต่เดิมสงบนิ่งของกงซุนเวิ่นเทียนนั้น พอเห็นต้วนหลิงเทียนหัวร่อออกมาเป็นบ้าเป็นหลัง ก็เริ่มบิดเบี้ยวอัปลักษณ์ทันใด สังหรณ์อัปมงคลในใจที่ระงับไว้ก่อนหน้าหวนกลับมาอีกครั้ง!
“ข้าหัวเราะที่เจ้ามั่นหน้าตัวเองเกินไป!”
ทันใดนั้นเสียงหัวเราะของต้วนหลิงเทียนพลันหยุดลง เขาเหลือบมองกงซุนเวิ่นเทียนด้วยสายตาเฉยชา กล่าวออกเสียงเบาว่า
“ซูหลี่เป็นสหายของข้า ตัวข้าไหนเลยจะไม่รู้นิสัยของสหาย…เจ้าเลือกใช้เขามาขู่ข้า ตอนนี้ข้าเชื่อว่าเขายินดีตกตายดีกว่าที่จะถูกใช้เป็นเครื่องมือ!!”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถึงตรงนี้ก็หันไปมองซูหลี่
และเมื่อได้ยินวาจาดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน มุมปากซูหลี่พลันยกยิ้มขึ้นมาบางๆ ราวกับจะพิสูจน์ให้ทุกคนรับทราบ ว่าคำพูดดังกล่าว…ต้วนหลิงเทียนไม่ได้พูดเองเออเอง!
“วันนี้เจ้าสามารถฆ่าซูหลี่ได้…”
ทันใดนั้น ต้วนหลิงเทียนพลันละสายตาจากซูหลี่มามองสบตากงซุนเวิ่นเทียน ในแววตายังเผยประกายเย็นชาเรืองวาบ “แต่หลังจากที่เจ้าฆ่าซูหลี่…ข้าต้วนหลิงเทียน จะล้างตระกูลกงซุนของพวกเจ้า! ไม่ว่าอ้ายอีหน้าไหนจะลูกเด็กเล็กแดงทั้งไก่สุนัข ฆ่าไม่ละเว้น!!”
ล้างตระกูล! ฆ่าไม่ละเว้น!!
เรียกว่าทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าววาจาดังกล่าวออกมา ความโกลาหลก็บังเกิดขึ้นแก่ผู้ชมโดยรอบทันที
“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้จะไม่หยิ่งผยองไปหน่อยหรือ กล้ากล่าววาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาได้?”
“นี่มันไม่คิดบ้างเลยหรือไร…ว่าอาศัยระดับจิตวิญญาณครึ่งก้าวเซียนอมตะของมัน จะไปต้านทานทักษะวิญญาณของบรรพบุรุษตระกูลกงซุนได้อย่างไร?”
“นั่นสิ! ตอนนี้กงซุนเวินเทียนก็พร้อมลงมือได้ตลอดเวลา ถึงมันจะใช้พลังอันเหนือชั้นเข่นฆ่ากงซุนเวิ่นเทียนได้ก็จริง แต่อย่างไรกงซุนเวิ่นเทียนก็มีเวลามากพอปลดปล่อยทักษะวิญญาณออกมา…และด้วยพลังวิญญาณขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ อาศัยวิญญาณครึ่งก้าวเซียนอมตะของมันก็เสมือนทารกน้อยคิดต้านแรงผู้ใหญ่!”
“หรือมันคิดจริงๆ…ว่ากงซุนเวิ่นเทียนไม่กล้าแตะต้องมัน เพราะโลภอยากได้ทักษะชิงอาวุธสุดพิสดารนั่นของมัน?”
…
เหล่าผู้ชมที่เป็นคนนอกตระกูลกงซุนได้แต่ถกกันอย่างออกรส และพวกมันทั้งหมดรู้สึกว่าที่ต้วนหลิงเทียนกล้าประกาศกร้าวออกมาอย่างดื้อรั้น เป็นเพราะต้วนหลิงเทียนมั่นใจเกินไป อีกทั้งไม่มีใครคิดว่าต้วนหลิงเทียนจะรอดเลย
หนักสุดก็ตายไปพร้อมๆกัน!
และหากจะมีผู้ใดรอด คนๆนั้นก็ต้องเป็นกงซุนเวิ่นเทียนแน่นอน!!
“หยิ่ง! หยิ่งเกินไป!!”
“ต่อหน้าท่านบรรพบุรุษแต่ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ยังกล้าขู่ว่าจะทำลายตระกูลกงซุนของพวกเรา…มันเบื่อชีวิตแล้วรึไง!?”
“มันคิดไปว่า…อาศัยพลังฝีมือที่ทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ และเชี่ยวชาญทักษะประหลาดที่ชิงยอดสมบัติสวรรค์ผู้อื่นใด้แล้วตัวมันจะไร้เทียมทานในใต้หล้า? มันลืมไปแล้วหรือไรจิตวิญญาณมันก็แค่ครึ่งก้าวเซียนอมตะเท่านั้น ต่อหน้าพลังวิญญาณของท่านบรรพบุรุษยังเปราะบางนัก!”
“หรือมันตั้งใจจะตกตายพร้อมท่านบรรพบุรุษ?”
…
ผู้คนในตระกูลกงซุนส่วนใหญ่ล้วนคิดว่าต้วนหลิงเทียนอวดดีเกินไป
มีเพียงไม่กี่คนที่นิ่งสงบ ทั้งมองต้วนหลิงเทียนที่กำลังเผยจิตสังหารอำมหิตอยู่ด้วยสายตาหวาดกลัว ร่างยังสะท้านไปคล้ายมีไอเย็นแล่นวาบจากปลายเท้าจรดศีรษะ!
“เจ้าคิดว่า…ข้าไม่กล้าฆ่ามันจริงๆงั้นหรือ?”
ตอนนี้เอง กงซุนเวิ่นเทียนที่นิ่งเงียบไปพักหนึ่งหลังได้ยินวาจาอำมหิตของต้วนหลิงเทียนก็ฟื้นคืนสติ มันพลิกฝ่ามือเล็กน้อยทั่วร่างซูหลี่ก็สั่นสะท้านไปอย่างแรง และในเวลาไม่กี่ลมหายใจ หน้าซูหลี่ก็ซีดขาวจนไม่เหลือสีเลือด ลมหายใจบางเบาคล้ายตกตายลงได้ทุกเมื่อ!
“เจ้าฆ่าเขาได้…แต่วาจาที่ข้าลั่นออกไปเมื่อครู่ล้วนคำไหนคำนั้น ซูหลี่ตายเมื่อไหร่…ข้าจะล้างบางตระกูลกงซุนของเจ้า”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวเสียงเรียบ ขณะกล่าวถึงท้ายประโยคน้ำเสียงยังเย็นลงเล็กน้อย ทำให้ไม่มีใครคลางแคลงความจริงในวาจา
“เช่นนั้น…เจ้าไม่คิดส่งมอบทักษะที่สามารถช่วงชิงยอดสมบัติสวรรค์ได้ออกมาจริงๆ?”
เสียงกล่าวของกงซุนเวิ่นเทียนตอนนี้ ก็คล้ายเจียนหมดความอดทนเต็มที
ตอนแรกก่อนที่มันจะปรากฏตัวออกมาพร้อมซูหลี่ มันก็เปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจว่าสามารถควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างไว้ในกำมือ กระทั่งหากคิดจะจัดการต้วนหลิงเทียนก็ง่ายดายเพียงพลิกฝ่ามือ…
อย่างไรก็ตามพอมันปรากฏตัวออกมาจริง…
ต้วนหลิงเทียนกลับสลับบทบาทกับมันเสียอย่างนั้น! ไม่เพียงไม่ถูกกระทำยังกลับมาเป็นฝ่ายกระทำ ครอบงำสถานการณ์ราวกับทุกสิ่งอยู่ในกำมืออย่างเฉยเมยไม่ยี่หระ…
“เจ้าฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง?”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มเยาะ
“ประเสริฐ! ประเสริฐนัก!! เช่นนั้นข้าจะฆ่าซูหลี่เดี๋ยวนี้!!”
แสงเย็นทอประกายขึ้นในแววตากงซุนเวิ่นเทียน มือมันสะบัดออกไปหมายฟาดกระหม่อมซูหลี่!
แน่นอนว่ามันไม่ได้คิดจะฆ่าซูหลี่จริงๆ เพียงจะขู่ให้ต้วนหลิงเทียนหวาดกลัว และดูว่าต้วนหลิงเทียนที่แท้ใช้เสแสร้งวางมาดลึกลับอยู่หรือไม่?
กึก!
สุดท้ายฝ่ามือที่ตบฟาดไปยังกระหม่อมของซูหลี่ ก็ได้หยุดลงห่างกระหม่อมซูหลี่แค่เส้นผมกั้น!
“เจ้า…ไม่สนว่าซูหลี่ผู้นี้จะเป็นจะตายจริงๆ?”
กงซุนเวิ่นเทียนได้แต่หยีตามองต้วนหลิงเทียนด้วยความตกตะลึง เพราะแต่ต้นจนจบต้วนหลิงเทียนไม่แม้แต่จะขยับเขยื้อนใดๆทั้งสิ้น แลดูสงบเฉยเมยราวกับทุกเรื่องราวไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง…
มันไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลย ว่าท่าทีนิ่งสงบของต้วนหลิงเทียนนั้น…จะไม่ใช่การเสแสร้ง!
จากการตรวจสอบของมัน มันจึงได้รู้มาว่าซูหลี่ผู้นี้สมควรเป็นสหายที่ดีที่สุดของต้วนหลิงเทียน และนี่เป็นเหตุผลที่ต้วนหลิงเทียนไม่น่าจะเพิกเฉยความเป็นความตายของซูหลี่ได้ลงคอ…
“เอ่อ…”
“ต้วนหลิงเทียนนั่น มิได้ทำเป็นเข้มและแสร้งทำว่าไม่สนใจหรอกหรือ?”
“เมื่อครู่ท่านบรรพบุรุษแทบจะฆ่าสหายของมันตกตาย…แต่มันกลับไม่แยแสจริงๆ?”
“ดูเหมือนว่าต้วนหลิงเทียนผู้นี้คิดละทิ้งชีวิตสหายแต่แรก…แต่มันคิดจริงๆหรือว่าหลังสหายตกตาย มันจะมีปัญญาฆ่าล้างตระกูลกงซุนให้สหายของมันได้?”
…
เหล่าผู้ชมทั้งหลายที่ลอยล่องอู่ในห้วงอวกาศไม่ว่าจะคนของตระกูลกงวุนก็ดีคนนอกกตระกูลกงซุนก็ดี ตอนแรกทั้งหมดคิดไปว่าต้วนหลิงเทียนแค่แกล้งทำเป็นไม่สนใจแต่ที่แท้ยังห่วงใยชีวิตสหาย
จนเมื่อเห็นว่าการลงมือหลอกล่อของกงซุนเวิ่นเทียนล้มเหลว พวกมันจึงตระหนักได้ว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้เสแสร้งแกล้งดัด!
“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่มีทางฆ่าสหายของข้าแน่นอน…”
อย่างไรก็ตามเผชิญหน้ากับคำถามด้วยความเหลือเชื่อของกงซุนเวิ่นเทียนคราวนี้ ต้วนหลิงเทียนเลือกที่จะกล่าวตอบออกมาเสียงเรียบแลดูใจเย็น “เจ้าเป็นพวกระวังตัวแจ…เช่นนั้นก่อนที่เจ้าจะยืนยันได้แน่ชัดว่าเจ้าสามารถข้าฆ่าได้จริงๆหรือไม่ เจ้าไม่กล้าฆ่าซูหลี่แน่นอน”
“เพราะเจ้าเองก็กังวลไม่น้อย…ว่าหลังจากที่เจ้าฆ่าซูหลี่ไปแล้วแต่เจ้ากลับไม่อาจฆ่าข้าได้ขึ้นมา ถึงตอนนั้นตระกูลกงซุนของเจ้าก็ถึงกาลอวสาน…”
กล่าวถึงท้ายประโยคสองตาต้วนหลิงเทียนก็ทอประกายรู้มาก มองจ้องตากงซุนเวิ่นเทียนอย่างกระจ่าง ทำราวกับจะมองทะลุไปถึงในหัวของกงซุนเวิ่นเทียนได้!
“เจ้ารู้จักข้าดีขนาดนั้น…”
ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียนสีหน้ากงซุนเวิ่นเทียนก็มืดลงทันใด
ยังรู้สึกว่าเสมือนมันตกอยู่ในแผนการของต้วนหลิงเทียนทีละก้าวทีละก้าว…
เรื่องนี้ทำให้มันบังเกิดความไม่พอใจอย่างถึงขีดสุด ทันใดนั้นเองสองตาของมันก็ทอประเยียบเย็นออกมา!
“ในเมื่อเจ้าอยากตายนัก เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าสมหวัง!!”
วินาทีที่กงซุนเวิ่นเทียนตระหนักได้แล้วว่าไม่อาจใช้ตัวประกันมาต่อรองบีบคั้นต้วนหลิงเทียนได้อีกต่อไป มันก็ไม่คดลังเลอะไรอีก!
เพียงห้วงคิด พร้อมกันกับที่สองตากงซุนเว่นเทียนทอประกายเย็นชาเรืองวูบ ก็ปรากฏแสงหม่นสองสายพุ่งยิงออกมาจากลูกตา! แสงหม่นสองสายดังกล่าวพึ่งออกมาไม่ทันไร ก็เริ่มแปรสภาพกลับกลายเป็นมังกรคู่ผกผักชิงมุก! บึ่งทะยานจี้เข้าใส่ต้วนหลิงเทียน!!
นี่คือทักษะวิญญาณจู่โจมที่กงซุนเวิ่นเทียนใช้ออก! อำนาจจิตสังหาร!!
ซัวว!!
ทักษะวิญญาณของกงซุนเวิ่นเทียนทะยานตัดห้วงอวกาศมาฉับไว! พริบตาก็บรรลุถึงเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน!!
ขอเพียงมันชำแรกเข้าร่างต้วนหลิงเทียนได้ มันจะปรี่ตรงเข้าสู่ดวงจิตของต้วนหลิงเทียนทันที จากนั้นก็ทำลายดวงจิตบดขยี้วิญญาณต้วนหลิงเทียนจนแหลกพินาศ!
อย่างไรก็ตามในเวลาห้วงเวลาพริบตาดุจอัสนีฟาดผ่า
ฟุ่บ!!
บังเกิดเสียงหนึ่งดังขึ้นฉับไวประหนึ่งฟ้าแลบ!
เป็นต้วนหลิงเทียนที่สะบัดซัด ‘ชิ้นส่วนโลหะแตกหัก’ ออกมาต่างอาวุธลับด้วยความเร็วอัศจรรย์! พริบตาก็ไปโผล่เบื้องหน้าอำนาจจิตของกงซุนเวิ่นเทียน เจียนปะทะกันรอมร่อ!!
“หึ!”
เห็นฉากดังกล่าวกงซุนเวิ่นเทียนอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มแสยะกล่าวออกเสียงหยัน “อำนาจจิตของข้า ไหนเลยการโจมตีทางกายภาพตื้นๆเช่นนั้นจักรับมือได้?”
“โง่เขลานัก! คิดใช้การโจมตีกายภาพต้านทานการโจมตีทางวิญญาณของอาจารย์อา…เหลวไหลสิ้นดี!!”
เซียนยอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์อีกคนของตระกูลกงซุนอย่างกงซุนหงที่เงียบมาแต่ต้น ถึงกับอดไม่ได้ที่จะหัวเราะร่าออกมาด้วยความดูแคลนมากรังเกียจ!