ตอนที่ 2,568 : ข้า ซูหลี่ ถึงตายไม่เสียใจ!
การโจมตีทางกายภาพกับการโจมตีทางวิญญาณนั้น เป็น 2 สิ่งที่แตกต่างกันคนละเรื่อง!
การโจมตีทางกายภาพนั้น ไม่ว่าจะซัดใส่บุคคลก็ดีหรือสิ่งของใดๆก็ดี ล้วนทิ้งร่องรอยและมีการสัมผัสแตะต้องเสมอ…ทำให้สามารถต้านทานได้!
ทว่าการโจมตีทางวิญญาณนั้นแตกต่างกัน!
การโจมตีทางวิญญาณนั้นเมื่อใช้ใส่คน มันจะไม่ทิ้งร่องรอยใดๆไว้เลย! ถึงจะเป็นอำนาจจิตสังหาร…ก็มุ่งไปทำลายดวงจิตและวิญญาณเท่านั้น ร่างกายจะไร้ซึ่งบาดแผลใดๆให้เห็น…
นอกจากนั้นการโจมตีทางวิญญาณจะเพิกเฉยต่อวัตถุและสิ่งมีสภาพทั้งมวล…
เว้นเสียแต่จะมีอาคมปิดกั้นพลังวิญญาณสลัก หรือฉาบไว้ด้วยพลังวิญญาณ…
อย่างไรก็ตามอาคมที่มีพลังถึงขั้นปิดกั้นวิญญาณได้ ในระนาบโลกียะหามีไม่! ทั้งหมดล้วนเป็นอาคมที่มาจากระนาบเทวโลกทั้งสิ้น!!
ด้วยเหตุนี้การที่ต้วนหลิงเทียนซัดชิ้นส่วนโลหะแตกหักประหลาดนั่นออกมาต่างอาวุธลับ หมายใช้ต้านทานอำนาจจิตสังหารของกงซุนเวิ่นเทียนนั้น…
ในสายตาของกงซุนเวิ่นเทียนแล้ว การกระทำของต้วนหลิงเทียนช่างเปล่าประโยชน์สิ้นดี!
เพราะมันรู้ดีว่าอำนาจจิตสังหารของมันสามารถทะลุผ่านชิ้นส่วนโลหะไม่สมบูรณ์ที่นับเป็นสิ่งของทางกายภาพได้อย่างง่ายดาย สุดท้ายก็ต้องชำแรกเข้าร่างต้วนหลิงเทียน แล้วปรี่ตรงเข้าไปเจาะทำลายดวงจิต บดขยี้วิญญาณของต้วนหลิงเทียนจนแหลก!
และไม่ใช่แค่กงซุนเวิ่นเทียนเท่านั้นที่คิดแบบนี้ กงซุนหงที่อยู่ข้างๆก็คิดไม่ต่างกัน
และอย่าว่าแต่เซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ทั้ง 2 ของตระกูลกงซุนเลย กระทั่งเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์อย่างเซียนหยวนจื่อที่อยู่ข้างๆต้วนหลิงเทียนก็คิดดุจเดียวกัน
‘นั่นคืออำนาจจิต…น้องหลิงเทียนลงมือเช่นนั้นไปก็ไร้ประโยชน์!’
กระทั่งเซียนหยวนจื่อยังเผลอคิดไปอย่างไม่รู้ตัว
ว่าต้วนหลิงเทียนตายแน่!
“ท่านบรรพบุรุษใช้อำนาจจิตแล้วหรือ?!”
“หึ! ต้วนหลิงเทียนชะตาขาดแน่!!”
“อำนาจจิตของท่านบรรพบุรุษเทียบได้กับการจู่โจมด้วยอำนาจจิตของตัวตนเซียนอมตะสวรรค์ระดับสูงสุด…ต้วนหลิงเทียนอย่างไรมันก็แค่ครึ่งก้าวเซียนอมตะ ไม่มีทางต้านทานอำนาจจิตท่านบรรพบุรุษได้เลย!!”
“สวรรค์มีทางไม่ยอมไป นรกไร้ประตูดันทุรังมุดมา! ต้วนหลิงเทียนผู้นี้รนหาที่ตายเอง!!”
…
เหล่าเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ของตระกูลกงซุนที่อยู่ในเหตุการณ์ แม้พวกมันจะไม่อาจมองสถานการณ์เรื่องราวตรงหน้าได้ชัด แต่พวกมันก็สามารถจับภาพได้รางๆ
“ต้วนหลิงเทียนนั่นมันคิดใช้บางสิ่งต้านทานอำนาจจิตของกงซุนเวิ่นเทียนจริงๆ…แต่การลงมือของมันเช่นนั้น ไม่ต่างอะไรกับทำเรื่องเปล่าประโยชน์ ยังเสียกระทั่งโอกาสสุดท้ายที่จะลากกงซุ่นเวิ่นเทียนให้ตกตายไปตามๆกัน…”
“ข้าไม่รู้จริงๆว่าในหัวมันคิดอะไรอยู่…หรือมันคิดว่าการโจมตีทางกายภาพของมัน สามารถต้านทานการโจมตีทางวิญญาณของกงซุนเวิ่นเทียนได้?”
ในบรรดาผู้ฝึกตนอิสระที่มาชมดูเรื่องราว ยังมีเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ 2 คนที่พอจะมองเห็นเรื่องราววตรงหน้าได้อย่างคลุมเครือ
พวกมันจึงอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าไปมา เพราะรู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนคิดตื้นเกินไป! แถมแทนที่จะใช้โอกาสสุดท้ายจู่โจมสังหารกงซุนเวิ่นเทียนให้ตายตกไปพร้อมๆกัน กลับเลือกป้องกันการโจมตีทางวิญญาณของกงซุนเวิ่นเทียนด้วยการโจมตีทางกายภาพอย่างเสียเปล่าเช่นนั้น…
ในสายตาของพวกมัน
การโจมตีทางกายภาพและการโจมตีทางวิญญาณได้ถูกกำหนดไว้ให้ไม่มีวันบรรจบกันได้ เพราะการโจมตีทั้ง 2 มันแตกต่างกันราวอยู่คนละโลก
อย่างไรก็ตามในขณะที่เซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ และเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ทั้งหลายคิดว่าต้วนหลิงเทียนช่างลงมืออย่างไร้ประโยชน์สิ้นดีนั้นเอง…
เรื่องราวพลันบังเกิดความแปรเปลี่ยนไปในฉับพลัน!
ซัว! ฟุ่บ!
ท่ามกลางสายตาของเซียนอมตะเสเพล 8 และ 9 ทัณฑ์ทั้งหลาย ชิ้นส่วนโลหะแตกหักที่ต้วนหลิงเทียนซัดออกมาต่างอาวุธลับ ในที่สุดก็บรรจบกับอำนาจจิตลักษณ์มังกรคู่ผกผันชิงมุกที่กงซุนเวิ่นเทียนใช้ออก!
ในความคิดของพวกมันชิ้นส่วนโลหะที่ต้วนหลิงเทียนซัดออกมา อย่าว่าแต่หยุดยั้ง…ยังไม่มีทางแตะต้องสัมผัสถูกอำนาจจิตที่กงซุนเวิ่นเทียนใช้ออกมาได้แน่นอน!
เพราะกล่าวไปในระดับหนึ่ง อำนาจจิตเสมือนาพลวงตาที่ไม่มีอยู่จริง!
ทว่าพริบตาที่เศษโลหะแตกๆที่ต้วนหลิงเทียนซัดออกมา บรรจบกับอำนาจจิตของกงซุนเวิ่นเทียนนั้น พวกมันทั้งหลายก็อดไม่ได้ที่จะต้องเบิกกตาโพลงด้วยความประหลาดใจ ใบหน้ายังฉายชัดออกมาถึงความเหลือเชื่ออย่างไม่รู้ตัว!
นั่นเพราะอำนาจจิตที่กงซุนเวิ่นเทียนใช้ออก อันมีรูปลักษณ์ดั่งมังกรคู่ผกผันชิงมุกนั่น…ทันทีที่แตะถูกเศษเหล็กของต้วนหลิงเทียน มันกลับไม่ได้ทะลวงผ่านไปอย่างที่คิด กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอยต่อหน้าต่อตาของพวกมัน!!
รากับถูกชิ้นสวนโลหะไม่สมบูรณ์นั่นกลืนกิน!
ฟุ่บ!
และก่อนที่ทุกคนจะทันได้คืนสติใดๆ ต้วนหลิงเทียนเพียงพลิกฝ่ามืออย่างไร้เรื่องราวคราหนึ่ง ชิ้นส่วนโลหะแตกหักที่เขาซัดออกไปต่างอาวุธลับเมื่อครู่ ก็ตีวงโค้งกลางห้วงอวกาศ ย้อนกลับมาเข้ามือ…
“อำนาจจิตของเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์…มันก็เท่านั้น”
ขณะเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนเริ่มคลึงชิ้นส่วนโลหะแตกหักในฝ่ามือเล่น เขาก็มองกล่าวไปทางกงซุนเวิ่นเทียนเสียงเบาด้วยทีท่าไร้แยแส
ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด!
…
และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่เสียงของต้วนหลิงเทียนดังจบคำ เหล่าเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์และ 9 ทัณฑ์ที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ต่างก็ได้สติกลับคืน ทั้งหมดพากันสูดลมหายใจเข้าลึกๆด้วยความตื่นตระหนก มองต้วนหลิงเทียนอีกครั้งสองตายังเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเสียขวัญ!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ของตระกูลกงซุน ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นยอดฝีมืออันดับ 1 ของระนาบเหยียนหวงอย่างกงซุนเวิ่นเทียน…
อำนาจจิตสังหารที่มันใช้ออกเมื่อครู่ ไม่ได้ออมรั้งยั้งมือแต่อย่างใด กระทั่งยังทำให้พลังวิญญาณทั่วร่างของมันพร่องไปหลายส่วน ถึงขั้นต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบวันครึ่งเดือนกว่าจะฟื้นฟูพลังวิญญาณให้กลับมาเต็มเปี่ยมดังเดิม…
ทว่าอำนาจจิตที่มันทุ่มพลังวิญญาณมากมายใช้ออกดังกล่าว กลับถูกต้วนหลิงเทียนทำลายลงได้ในลักษณะนี้!
ยิ่งไปกว่านั้นยังทำลายลงได้อย่างง่ายดาย!!
“เศษเหล็กในมือของมันชิ้นนั้น…คืออันใดกันแน่!?”
สายตาของกงซุนเวิ่นเทียนมองจ้องไปยังเศษเหล็กที่ต้วนหลิงเทียนคลึงเล่นในมือเขม็ง!
มันย่อมมองเห็นได้ชัดถนัดตา ว่าสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนใช้ทำลายอำนาจจิตสังหารของมันเมื่อครู่ ก็คือเศษเหล็กชิ้นนั้น!
กงซุนเวิ่นเทียนตระหนักได้ถึงเรื่องนี้ เหล่าเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ทั้งเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ที่เหลือก็ตระหนักได้เช่นกัน! ทุกสายยตาจึงหันไปจับจ้องมองเศษเหล็กชิ้นดังกล่าวในมือต้วนหลิงเทียนอย่างพร้อมเพรียง!!
เศษเหล็กที่พวกมันจ้องอยู่นั้น มองแวบแรกก็แลดูเป็นอะไรที่ธรรมดามาก…
แต่พอสังเกตให้ดีจะพบว่า…
รอบๆเศษเหล็กแตกๆดังกล่าวกลับมีแสงสลัวๆห่อหุ้มอยู่ และพอพวกมันแผ่สำนึกเทวะออกไปหมายตรวจสอบตามสัญชาตญาณ พวกมันก็พบว่าวินาทีที่สำนึกเทวะแตะถูกแสงสลัวดังกล่าว สำนึกเทวะของพวกมันก็คล้ายร่วงตกลงสู่เหวลึกไร้ก้นบึ้ง ยากที่จะถอนรั้งออกมาได้!
สิ่งนี้หมายความว่า…พวกมันไม่มีทางสำรวจโครงสร้างขอเศษเหล็กประหลาดนี่ได้เลย!
‘มิน่าแปลกใจเลยที่ไฉนมันสามารถหยุดอำนาจจิตของกงซุนเวิ่นเทียนได้ ทั้งยังทำท่าราวกับจะกลืนกินไปง่ายๆ…เศษเหล็กประหลาดในมือน้องหลิงเทียนนั้นหาได้ง่ายดายไม่!’
เซียนหยวนจื่อ เซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์จากวังเซียนหยวนที่ลอยล่องอยู่ข้างๆต้วนหลิงเทียน หลังมองจ้องเศษเหล็กในมือต้วนหลิงเทียนพักหนึ่งมันก็อดไม่ได้ที่จะลอบทอดถอนในใจ
‘เช่นนั้นก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไฉนน้องหลิงเทียนถึงแลดูเฉยๆไม่หวั่นเกรงสิ่งใดแต่แรก ที่แท้น้องหลิงเทียนมีของดีเช่นนี้ติดตัว…’
คิดถึงจุดนี้เซียนหยวนจื่อก็อดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มแหยๆออกมา
หากน้องหลิงเทียนผู้นี้สะกิดบอกมันสักเล็กน้อยแต่แรกล่ะก็ ไหนเลยมันจะเอาแต่ลอยเฉยๆด้วยความระแวงทั้งหวาดกลัวแบบนี้แต่แรก…
“เศษเหล็กในมือเจ้า…มันคือสิ่งใดกันแน่?”
เมื่อกงซุนเวิ่นเทียนมองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ดวงตาของมันก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและตื่นตระหนกเสียขวัญ!
ขณะเดียวกันวินาทีนี้มันก็ทราบแล้ว ว่าสังหรณ์อัปมคลที่ผุดขึ้นในใจของมันก่อนหน้าเป็นเรื่องราวใด…ที่แท้เหตุผลที่ต้วนหลิงเทียนแลดูไม่แยแสใดๆไม่ใช่อีกฝ่ายเสแสรงทำเป็นลึกลับ แต่อีกฝ่ายไม่กลัวทักษะวิญญาณของมันเลย!
มันยังเห็นชัดถนัดตา…
ตราบใดที่วัตถุประหลาดในมือต้วนหลิงเทียนยังอยู่ ต่อให้มันใช้อำนาจจิตสังหารหรือทักษะวิญญาณอื่นใดอีกกี่ครั้ง ก็ไม่มีทางทำร้ายต้วนหลิงเทียนได้เลย…
จังหวะนี้ ในใจมันอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความเสียใจขึ้นมา
มันเสียใจนัก! ไม่น่าบังเกิดความละโมภอยากครอบครองทักษะพิสดารชิงยอดสมบัติสวรรค์ของต้วนหลิงเทียนแต่แรก! หาไม่แล้วมันคงไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวังไร้หนทางอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้!
“นี่มัน…ยังไงกันแน่?”
“ท่านบรรพบุรุษมิใช่ใช้อำนาจจิตใส่ต้วนหลิงเทียนแล้วหรือไร…ไฉนต้วนหลิงเทียนยังอยู่ดีเล่า?”
“ผู้ใดบอกข้าได้บ้าง…ว่าเมื่อครู่มันเกิดเรื่องราวอันใดขึ้นกันแน่!?”
…
จะคนของตระกูลกงซุนก็ดีไม่ใช่ก็ดีแต่ผู้ที่มีพลังฝึกปรือไม่ถึงขั้น ย่อมไม่อาจเห็นเรื่องราวการลงมือเมื่อครู่ได้เลย เช่นนั้นพวกมันจึงไม่ทราบแม้แต่น้อยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่…
อย่างไรก็ตามพวกมันตระหนักได้ถึงเรื่องหนึ่งรางๆ…
ต้วนหลิงเทียนผู้นี้สมควรมีฝีมือย่อยบางอย่าง…
นั่นเพราะสายตาที่กงซุนเวิ่นเทียนใช้มองไปยังต้วนหลิงเทียนตอนนี้ มันเปี่ยมล้นไปด้วยความกลัวและความตื่นตระหนักอย่างชัดเจน ทำราวกับต้วนหลิงเทียนเป็นโรคระบาดไร้โอสถรักษา…
“ไม่ใช่แค่กงซุนเวิ่นเทียน…ตอนนี้เซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์อีกคนของตระกูลกงซุนก็หน้าเสียนัก เห็นชัดว่ามันหวาดกลัวต้วนหลิงเทียนจับใจ…”
ไม่นานก็มีคนค้นพบเรื่องดังกล่าว
ทันใดนั้นโกลาหลพลันบังเกิดแก่ผู้ชมทั้งหลายทันที
“เอ่อ…ท่านผู้เฒ่าขอรับ เมื่อครู่มันเกิดอะไรขึ้นหรือ!?”
เหล่าผู้ที่มีพลังฝึกปรืออ่อนด้อยทั้งหลายบังเกิดอาการคันในหัวใจยากจะเกา เพราะถามไปก็ไม่มีใครตอบ…เอาแต่อึ้งกันอยู่ได้!
“ต้วนหลิงเทียน!”
เซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ของตระกูลกงซุน กงซุนเวิ่นเทียน ผู้ที่ได้รับการยอมรับจากผู้คนมากมายในระนาบเหยียนหวงว่าเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งในระนาบเหยียนหวง ได้เหลือบมองไปยังซูหลี่ที่มันหอบหิ้วอยู่ พลางขู่ต้วนหลิงเทียนออกมาราวกับกำลังคว้าฟางเส้นสุดท้ายว่า…
“เจ้ากล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้า ว่าจะไม่เป็นศัตรูกับลูกหลานทั้งตระกุลกงซุนของข้าตลอดชั่วชีวิตเสีย…”
“หาไม่แล้วข้าจะฆ่าซูหลี่เดี๋ยวนี้!”
สองตาที่กงซุนเวิ่นเทียนใช้มองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง มันแดงฉานราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังดิ้นรนด้วยพลังเฮือกสุดท้ายหมายหลุดจากบ่วงพันธนาการ…
อย่างไรก็ตามเผชิญหน้ากับวาจาขมขู่ของกงซุนเวิ่นเทียน สีหน้าท่าทีต้วนหลิงเทียนยังคงสงบดั่งสายน้ำไหลเอื่อยเมฆเคลื่อนคล้อย ทำราวกับต่อให้ไท่ซานถล่มลงตรงหน้าคนก็ไม่ไหวติง…
“เจ้าสามารถฆ่าซูหลี่ได้…”
ท่ามกลางสายตามองมาด้วยสงสัยว่าจะตอบอย่างไรของทุกคน ต้วนหลิงเทียนเพียงมองสบตากงซุนเวิ่นเทียนอย่างไม่แยแส พลางกล่าวออกมาเสียงเบาไม่รีบไม่ร้อน “แต่ข้าบอกแล้วว่าหากซูหลี่ตาย ข้าจะฆ่าล้างบางทั้งตระกูลกงซุนไม่เว้นแมวหมา ให้ทั้งหมดร่วมกลบฝังไปพร้อมสหายข้า…”
“ซูหลี่…เจ้าโทษข้าเรื่องนี้หรือไม่?”
กล่าวถึงท้ายประโยค ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองสบตาซูหลี่ที่ถูกกงซุนเวิ่นเทียนจับไว้ ถามออกเสียงเรียบ
“แค่ก แค่ก”
ซูหลี่ที่พยายามดิ้นรนเต็มกำลัง ไอเอาโลหิตออกมาสองคำ หลังสูดอากาศเพื่อพยายามรวบรวมเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดได้แล้ว ปากที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดก็ค่อยๆฉีกยิ้มยากบรรยายกล่าวออกมาว่า “ข้า…ซูหลี่มีแต่จะขอบคุณเจ้า ไฉนยังจะโทษเจ้าได้? ให้ขุมพลังอันดับต้นๆในระนาบเหยียนหวงอย่างตระกูลกงซุนทุกชีวิตร่วมกลบฝังไปพร้อมข้าหรือ…ข้า ซูหลี่ ถึงตายไม่เสียใจ!!”
“ได้ยินเจ้าพูดแบบนี้ข้าค่อยโล่งใจหน่อย…”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
วูบ!
อย่างไรก็ตามวินาทีที่เสียงพูดซูหลี่ดังจบคำ สีหน้ากงซุนเวิ่นเทียนก็เปลี่ยนไปมหันต์!