เงาร่างมังกรฟ้านั้นมันมองดูพื้นดินจากที่สูงล้ำราวกับว่ากำลังแสดงความเหยียดหยามต่อผู้คนทั้งโลก
มันเป็นเหมือนดั่งกับว่าโลกหล้าทั้งหมดตรงหน้านี้เป็นของเขาแค่ผู้เดียว!
เมื่อเท้านั้นถูกย่ำลงคนทั้งโลกก็ต้องตื่นตะลึง!
ตูม!
การย่ำครั้งนี้มันทำให้เกิดแผ่นดินไหวสั่นสะท้านจนถึงห้วงมิติ
พลังของคนทั้งสองนี้แข็งแกร่งจนเกินบรรยายจริงๆ
การปะทะครั้งนี้ไม่มีฝ่ายใดได้เปรียบเสียเปรียบ!
ฉินหูนั้นมีกำลังฝีมือที่แข็งแกร่งเหนือล้ำ ทักษะเทวะภายในของเย่หยวนก็แข็งแกร่งสุดล้ำแม้ในเผ่ามังกร ถึงจะเป็นพลังระดับนั้นก็ยังทำได้แค่เสมอ
กำลังของเด็กชะตาไร้คาดเดานั้นมันได้แสดงออกมาอย่างถึงที่สุดในรูปของฉินหูนี้
แต่จะอย่างไรที่คนทั้งหลายตกตะลึงก็ยังเป็นทางเย่หยวน
เหตุผลนั้นมันง่ายดาย เพราะฉินหูแพ้!
จักรพรรดิเทพสวรรค์สองดาวอย่างเย่หยวนนั้นกลับต่อสู้เสมอได้กับจักรพรรดิเทพสวรรค์สี่ดาวอย่างฉินหู!
แค่นี้มันก็นับว่าเป็นความพ่ายแพ้ย่อยยับแล้ว
“ทักษะเทวะภายในนั้นมันน่ากลัวเสียจริง! ในระดับเดียวกันแล้วใครจะยังเทียบเคียงเขาได้เล่า?”
“นี่มันคือทักษะเทวะภายในประเภทมิติ มันคือสุดยอดของที่สุดในหมู่ทักษะเทวะภายในทั้งหลาย! ดูท่าแล้วเขาผู้นี้คงเป็นสุดยอดตัวตนในเผ่ามังกรแน่นอน!”
“ฉินหูนั้นกล่าวประกาศว่าจะฆ่าจนกว่าเจ้าเด็กคนนี้ไม่กล้าออกเมือง ดูสภาพตอนนี้สิ น่าขันนัก!”
“ดูจากเรื่องนี้แล้วเจ้าเด็กใหม่คนนี้มันคงมีฝีมือถึงระดับแปดพันได้ง่ายๆ!”
…
ระหว่างที่คนทั้งหลายกำลังชื่นชมกันนั้นตัวฉินหูก็ต้องกระอักเลือดออกมาจากแรงปะทะเมื่อสักครู่พร้อมลอยลิ่วปลิวออกไป
ภายใต้การเสมอของคนทั้งสองนั้น สุดท้ายมันก็ยังเป็นฉินหูที่แพ้!
เพราะการปะทะกันด้วยไม้ตายเช่นนี้มันย่อมจะสร้างภาระให้แก่ร่างต้นของนักยุทธเป็นทุนเดิม
ก็จริงที่ว่าฉินหูนั้นเก่งกาจ แต่มีหรือที่เขาจะเก่งไปกว่าร่างกายของเย่หยวน?
ภายใต้สถานการณ์ที่พลังไม่ได้ห่างชั้นกันมากมายนั้น นักยุทธผู้บ่มเพาะร่างกายย่อมจะได้เปรียบเอาชนะได้เสมอ!
เมื่อเย่หยวนได้เปรียบจากเรื่องครั้งนี้เขาก็พุ่งตัวเข้าไปโจมตีซ้ำทันทีอย่างไม่รอช้า
ฉินหูนั้นเพิ่งได้รับบาดเจ็บมายังไม่ทันตั้งตัว มีหรือที่จะต้านทานการโจมตีทั้งหลายนั้นได้? ในไม่กี่กระบวนท่าเขาก็ต้องลงไปกองนอนรอความตาย
ทุกผู้คนที่ได้เห็นภาพนั้นต่างขนลุกชันไปทั้งกาย การลงมือนี้มันหนักหน่วงอย่างดุร้ายที่สุด
แต่ในมิติสงครามดึกดำบรรพ์นี้ทุกผู้คนอยู่เพื่อแต้มเทพสงคราม ไม่ดุร้ายมันก็คงจะไม่ได้
“หึๆ ขอบคุณสำหรับแต้มเทพสงครามนี้มาก!” เย่หยวนก้มลงเย้ยหยันฉินหูที่นอนรอความตายบนพื้น
ฉินหูจึงร้องกลับมาด้วยแรงเฮือกสุดท้าย “เด็กน้อย หากเจ้าเก่งจริงก็อย่าได้หนีไปไหน! หลังจากข้าฟื้นแล้วข้าจะกลับมาจัดการเจ้าเอง!”
เขานั้นแพ้แต่ยังไม่ยอมรับ!
เขานั้นไม่ได้อ่อนแอกว่าเย่หยวนมากมาย แต่เย่หยวนนั้นใช้ความได้เปรียบของร่างกายที่บ่มเพาะมาหนักหน่วงเอาชนะเขาไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือเรื่องแต้มเทพสงคราม เพราะหากเขาตายลงแก่เย่หยวนแล้วมันคงต้องเสียอย่างมากล้น
เขานั้นไม่อาจจะรับการดูถูกนี้ไว้ได้!
เย่หยวนยิ้มรับขึ้นในใจ พอใจกับสีหน้าท่าทางนี้ของฉินหูอย่างมาก
เพราะตราบที่เขาใช้ค่ายกลดาบออกมา ฉินหูใดๆ คงได้กลายเป็นเนื้อบดในพริบตา
การผสานสี่แนวคิดนั้นมันแข็งแกร่งจริง
แต่ไม่ว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหนมันก็คงไม่มีทางเทียบเคียงกับสองพลังต้นกำเนิดเต๋าได้!
แต่ทำไมเย่หยวนถึงไม่คิดลงมือเด็ดขาดและค่อยๆ ปะทะกับฉินหูให้ดูเหมือนศึกเฉียดเป็นเฉียดตาย?
ที่เย่หยวนทำเช่นนั้นก็เพื่อทำให้ฉินหูไม่คิดยอมรับความพ่ายแพ้!
เพื่อที่ฉินหูจะได้กลับมาหาเรื่องแก้แค้นอีก!
ทำเช่นนั้นเขาก็จะได้แย่งชิงแต้มเทพสงครามได้อย่างต่อเนื่อง
อีกฝ่ายนั้นบอกว่าจะสังหารเขาจนไม่กล้าออกเมืองมิใช่หรือ?
‘เช่นนั้นข้าก็จะสังหารเจ้าจนไม่กล้าออกไปไหนเอง!’
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือเย่หยวนรู้ดีว่าครั้งต่อไปตัวฉินหูคงไม่ได้ออกมาคนเดียว เขาต้องหาผู้ช่วยมากแน่นอน
ถึงเวลานั้นแล้ว หึๆ!
สภาพของเย่หยวนในเวลานี้กำลังนึกถึงกองภูเขาแต้มเทพสงครามที่จะมากองอยู่ตรงหน้า
“ได้สิ ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่นี่!” เย่หยวนกล่าวรับ
พูดจบเขาก็ยกหมัดขึ้นส่งฉินหูกลับไปจุดเกิด
เวลานั้นมันก็มีอักษรมากหลายพุ่งผ่านเข้ามาในร่างของเย่หยวนจนทำให้เย่หยวนต้องเบิกตากว้าง
มันเป็นแต้มเทพสงครามที่มากมายนัก!
เพราะว่าเย่หยวนนั้นอยู่ในอับดับรั้งท้าย แต่ฉินหูนั้นอยู่ในอันดับราวๆ เจ็ดพัน
ความแตกต่างนี้มันทำให้เย่หยวนได้รับแต้มเทพสงครามของอีกฝ่ายถึงสี่สิบเปอร์เซ็นต์เมื่อสังหารเขาลง!
เวลานี้เย่หยวนนั้นมีแต้มติดตามมากถึงหนึ่งพันสี่ร้อยแปดสิบแต้ม!
พร้อมๆ กันนั้นเขาก็ก้าวขึ้นมาอยู่ในอันดับแปดพันเก้าร้อยสี่สิบเอ็ด
แม้แต่เย่หยวนเองก็ยังตกตะลึงกับเรื่องตรงหน้านี้
“หึๆ สุดยอดจริง!” เย่หยวนกล่าว
กลายเป็นเศรษฐีในพริบตา!
เมื่อได้เห็นสีหน้าของเย่หยวนนั้นคนทั้งหลายต่างก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมาจับใจ
พวกเขานั้นรู้ดีว่าเย่หยวนคงได้แต้มเทพสงครามมามากมายแน่แล้ว!
ในมิติสงครามดึกดำบรรพ์นี้ยิ่งสังหารศัตรูที่แข็งแกร่งมากเท่าใด มันก็จะยิ่งทำให้ได้แต้มเทพสงครามมากขึ้นเท่านั้น
แต่ร้อยปีมานี้อับดับตำแหน่งมันแทบจะหยุดนิ่งอยู่กับที่
มีแต่คนโง่เง่าเท่านั้นที่จะไปท้าทายผู้มีอันดับสูงเหนือหัวตนไปนับพันๆ อันดับ!
แต่การที่เย่หยวนสังหารฉินหูลงนี้มันเหมือนเป็นการดึงเอาเขี้ยวออกมาจากปากเสือ
หลังจากนั้นเย่หยวนก็นั่งลงขัดสมาธิกับพื้นและรอคอยให้ฉินหูกลับออกมาจริงๆ ทำให้หลายต่อหลายคนต้องเบิกตากว้าง
เจ้าเด็กคนนี้มันโง่หรือ?
หรือว่าเขาคิดจริงว่าฉินหูจะกลับมาต่อสู้ตัวต่อตัวด้วยอีกครั้ง?
“เจ้าหนุ่ม รีบๆ กลับเข้าเมืองเถอะ! ฉินหูนั้นมันมีสหายรักอยู่คนหนึ่งนามโมซี กำลังของเขาผู้นั้นเก่งกาจกว่าฉินหูไปขั้นหนึ่ง! หากเจ้ายังอยู่ที่นี่มันจะมีแต่ตายกับตายแล้ว!” นักยุทธใจดีผู้หนึ่งเดินเข้ามากล่าวเตือนเย่หยวน
“ใช่แล้ว เจ้านั้นอย่าได้โลภมากไป! รออยู่ในที่นี้มันมีแต่จะตายกับตายเท่านั้น!”
…
เย่หยวนหันกลับไปมองคนทั้งสองนั้นด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณพี่ท่านที่เตือน แต่เย่ผู้นี้บอกไปแล้วว่าจะรอมัน ข้าจะไม่มีทางกลับคำของตน จะนั่งรอมันอยู่ตรงนี้จนกว่ามันจะออกมาอีกครา!”
เมื่อคนทั้งหลายได้เห็นว่าเย่หยวนไม่คิดฟังเช่นนั้น พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวออกมาตามๆ กัน
เจ้าเด็กคนนี้มันหลงตัวเองจนเกินไป!
ต่อให้จะเก่งแค่ไหนมันก็ไร้ค่าหากเป็นคนโง่!
เว้นเสียแต่ว่าเวลานี้หยางเคอที่อยู่ในกลุ่มคนไม่ได้คิดเช่นนั้น
“ข้าล่ะไม่นึกจริงๆ ว่าเจ้าเด็กคนนี้มันจะเก่งกาจได้ปานนี้! แต่จะอย่างไร หึๆ มันก็โง่ กลับคิดนั่งรอให้ฉินหูกลับมาเช่นนี้จริงๆ!” เผิงหยางกล่าว
แต่หยาวเคอนั้นกลับขมวดคิ้วแน่นตอบกลับไป “พวกเจ้าไม่คิดว่ามันแปลกหรือ?”
ทุกผู้คนที่ได้ยินต่างหันกลับมามองอย่างไม่เข้าใจความหมาย
“มันแปลกใดเล่า? เจ้าเด็กคนนี้มันเทียบเคียบฝีมือได้กับฉินหู แต่หากมีโมซีร่วมด้วยแล้วมันย่อมจะตายอย่างไม่ต้องสงสัยแน่!”
“ใช่แล้ว มันมีกายเนื้อที่แข็งแกร่งล้ำ แต่ฉินหูเองก็มีฝีมือไม่ได้อ่อนแอ! หากมันยังไม่ไปตอนนี้มันก็คงเท่ากับรนหาที่ตายแล้ว!”
แต่หยางเคอยังคงขมวดคิ้วแน่นส่ายหัวออกมา “ข้านั้นได้ยินมาว่ามันใช้แต้มเทพสงครามที่ได้จากเราไปซื้อดาบมา! ที่สำคัญไปกว่านั้นคือมันซื้อดาบนับพันๆ เล่ม! แต่เจ้าได้เห็นมันชักดาบออกมาใช้สักเล่มหรือยัง?”
คนส่วนใหญ่นั้นลืมเรื่องนี้ไปสนิท!
มันมิใช่ว่าพวกเขาจงใจลืม แต่ด้วยความแข็งแกร่งของเย่หยวนนั้น คนทั้งหลายจึงคิดไปว่านี่คือกำลังที่แท้จริงของเย่หยวนแล้ว
พวกเขาทั้งหลายคิดไปเสียว่าไม้ตายของเย่หยวนนั้นก็คือวรยุทธต่อสู้มือเปล่าและกายทองคำสัมบูรณ์ระดับแปดนั้น!
เย่หยวนนั้นใช้กายทองคำสัมบูรณ์เอาชนะฉินหูผู้ผสานสี่แนวคิดมาได้ แค่นี้มันก็เหนือล้ำเกินกว่าจะทำใจเชื่อลงแล้ว
แล้วเขาจะยังมีไม้ตายอื่นที่เหนือล้ำกว่านี้ไปได้?
แต่หยางเคอนั้นกำลังติดใจสงสัยในเรื่องนั้น!
เขานั้นไม่ทราบได้ว่าดาบของเย่หยวนเหนือล้ำปานใด แต่ในมิติสงครามดึกดำบรรพ์นี้จะมีใครโง่พอเอาแต้มเทพสงครามไปใช้กับสิ่งที่ไม่มีประโยชน์!
พวกหยางเคอนั้นอดไม่ได้ที่จะเงียบปากลงเมื่อรับรู้ถึงเรื่องราว
แต่หยางเคอนั้นกลับยิ้มออกมาอย่างแปลกประหลาด “ข้าล่ะสงสัยจริงๆ ว่ามันจะมีวิชาดาบที่เหนือล้ำฟ้าดินสักแค่ไหน!”
…
ชั่วโมงต่อมาก็ปรากฏสองเงาร่างเดินพุ่งตัวออกมาจากเมืองและมาถึงหน้าเย่หยวน!
คนทั้งสองย่อมจะเป็นฉินหูและโมซีนั้นแล้ว!
คนทั้งสองนี้หนึ่งหน้าหนึ่งหลังหยุดลงปิดทางหนีของเย่หยวน
ฉินหูนั้นมองดูเย่หยวนพร้อมหัวเราะลั่น “เด็กน้อย เจ้าช่างรักษาสัญญาเสียจริงๆ ถึงกับรอความตายอยู่ที่นี่! ฮ่าๆๆ…”
…………….