ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 1012 เปิดสำนักอย่างเป็นทางการ

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ระดับพลังฝึกปรือในตอนนี้ของเยี่ยนจ้าวเกอถูกกดให้อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามจริงๆ

แต่ว่าภูมิรอบรู้และความเชี่ยวชาญของเขากลับสุดที่จอมยุทธ์ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามจะเทียบเคียงได้ รวมถึงตัวเขาเองในตอนนั้นด้วย

พร้อมกับพลังฝึกปรือที่เพิ่มสูงขึ้นทุกวัน การเตรียมตัวในทางทฤษฎีของเยี่ยนจ้าวเกอก็กำลังเปลี่ยนเป็นประสบการณ์จริงอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้อยู่แค่บนหน้ากระดาษอีกต่อไป

ระหว่างทั้งสองมีความแตกต่างด้านคุณสมบัติ เปลี่ยนแปลงและพัฒนาตามการเติบโตของเยี่ยนจ้าวเกอเอง

ขอบเขตมิติของโลกผืนสมุทรมีระดับความแข็งแกร่งไม่เท่าโลกซ้อนโลก ดังนั้นเยี่ยนจ้าวเกอจึงสามารถทำหนักให้เป็นเบา บิดระยะห่างระหว่างมิติของที่นี่ ทำให้เขาชิงวายุที่อยู่นอกมหาสมุทรปรากฏขึ้นบนทะเลรางเลือน

อย่างไรเสีย ถ้าหากว่าเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้ปล่อยพลังของตัวเองออกมา คงถูกพลังแห่งเขตแดนกีดกัน ไม่อาจรั้งอยู่ได้อีก แต่ขอแค่เขาต้องการ ที่นี่ก็จะสิ้นสูญทันที

เยี่ยนจ้าวเกอโบกมือบอกลาพวกเกาเทียนจง จากนั้นก็ก้าวเท้าออกก้าวหนึ่ง ร่างลอยขึ้นเข้าไปในร่องแยกขนาดยักษ์ใหญ่ที่เหมือนกับหุบเขาบนท้องฟ้า

อาหู่ติดตามไปติดๆ ใช้หยกข้ามสวรรค์ชิ้นหนึ่งเข้าไปด้านในบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์พร้อมเยี่ยนจ้าวเกอ

พร้อมกับที่พวกเยี่ยนจ้าวเกอหายตัวไป บาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์บนท้องฟ้าก็หายไปด้วย

เขาชิงวายุที่พาดขวางอยู่เหนือทะเลรางเลือนเมื่อครู่ สลายตามไปด้วยเช่นดัน

มิติเหมือนกับภาพวาดที่ถูกม้วนเก็บ กระตุกอยู่พักหนึ่ง

ครู่ต่อมา ทุกอย่างก็กลับเป็นเหมือนเดิม หมอกลวงบนทะเลรางเลือนหนาหนัก ด้านล่างคลื่นกระเพื่อมขึ้นลง เหมือนกับในตอนแรก

พวกเกาเทียนจงยามนี้เหมือนค่อยตื่นจากฝัน แม้ว่าตรงหน้าจะไม่มีร่องรอยของเยี่ยนจ้าวเกออีกแล้ว แต่ทุกคนก็ทำท่าคารวะแก่ท้องฟ้าอย่างพร้อมเพรียง เหมือนกับกำลังคำนับเทพเจ้าองค์หนึ่ง

‘ราชามังกรอวิ๋นจงในปัจจุบันมีพลังฝึกปรือระดับไหนกันแน่’ ทุกคนยามนี้เกิดความคิดหนึ่งขึ้น ไม่อาจคลายใจได้

คนที่อยู่รอบๆ มีศัตรูคู่แค้นของเยี่ยนจ้าวเกออยู่ด้วย

แต่ว่าในตอนนี้ไม่มีผู้ใดคิดหาเรื่องเยี่ยนจ้าวเกอ บัดนี้พวกเขาต่างก็มีจิตใจซับซ้อน ยากจะเปล่งคำพูดออกมา

“พวกเรา…” เกาเทียนจงมองรอบๆ สุดท้ายทำลายความเงียบ “…เมื่อครู่เพิ่งจะเป็นประจักษ์พยานของตำนานที่กำลังมีชีวิต”

เยี่ยนจ้าวเกอที่ผ่านบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์กลับถึงโลกซ้อนโลก ไม่ได้ยินเสียงอุทานของทุกคนในโลกผืนสมุทรแล้ว

เรื่องที่เขากำลังขบคิดอยู่ในตอนนี้ อยู่ที่ทะเลหวงเจียบนโลกซ้อนโลก

เรื่องที่เขาไหว้วานให้บิดาของตนเองกับสำนักจัดการก่อนที่จะลงไปยังโลกผืนสมุทร ตอนนี้มีผลลัพธ์แล้ว เป็นเรื่องน่ายินดีสองเรื่องสำหรับเยี่ยนจ้าวเกอที่เพิ่งจะออกฌาน และได้ปีนขึ้นสะพานเซียนสำเร็จ

‘ตอนนี้ในฐานะจุดตัดของฝั่งตะวันออกเฉียงใต้และฝั่งทิศใต้ การเคลื่อนไหวของปราณวิญญาณและชีพจรดินในทะเลหวงเจียเป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้’

เยี่ยนจ้าวเกอครั้งนี้ได้มาถึงโลกซ้อนโลกอีกครั้ง แต่ไม่ได้เกิดการเคลื่อนไหวรุนแรงดังเช่นครั้งก่อนที่ได้เห็นเทวะแล้วลอยขึ้นมา

ทุกอย่างดูปกติเป็นธรรมชาติ

เยี่ยนจ้าวเกอมองน่านน้ำดินแดนหลวนเซียงที่ผิวน้ำกระเพื่อมเล็กน้อยตรงหน้า ใคร่ครวญในใจ ‘ไม่ว่าจะเป็นเขตเพลิงทักษิณหรือเขตตะวันอาคเนย์ ปราณวิญญาณและชีพจรดินล้วนร้อนแรงกล้าแข็ง บริเวณจุดตัดของทั้งสองที่ยิ่งร้อนเข้าไปอีก’

เขารอบวงในเขตเพลิงทักษิณที่อยู่อีกฝั่งก็น่าจะมีสถานการณ์คล้ายๆ กัน

แต่ว่าแม่น้ำเฉาเหอที่ทะลุเหนือใต้ของเขารอบวง ด้วยปราณน้ำที่เต็มเปี่ยมของมัน จึงส่งผลกระทบต่อการไหลเวียนของชีพจรดินและปราณวิญญาณในท้องที่

ด้วยเหตุนี้ สถานการณ์ตรงนั้นจึงไม่เหมือนกับทะเลหวงเจีย

‘ที่เลือกส่งคนมาวางค่ายกลสืบทอดฟ้าที่นี่ ไม่ใช่ไม่มีเหตุผลอย่างที่คิดไว้’ เยี่ยนจ้าวเกอพึมพำ

อาหู่ถาม “คุณชาย ต่อจากนี้ท่านต้องการตรวจสอบในทะเลหวงเจียดูหรือ”

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “ถูกต้อง ยังจำเป็นต้องตรวจสอบสถานที่จริงสักรอบ เช่นนี้จึงจะสามารถวางแผนตามความเป็นจริงได้”

“ข้าครั้งนี้เดิมทีเพียงรับคำสั่งมาส่งของให้ท่าน คิดไม่ถึงเลยว่าท่านจะออกฌานพอดี” อาหู่เกาศีรษะ “ท่านประมุขตระกูลกับท่านเจ้าสำนักคนก่อนตัดสินใจแบบเดียวกัน ว่ารอท่านออกฌานกลับสู่โลกซ้อนโลก จากนั้นค่อยจัดพิธีเปิดสำนักอย่างเป็นทางการ”

“เป็นเช่นนี้นี่เอง” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้ม

อาหู่หัวเราะอย่างสัตย์ซื่อ “ก่อนหน้านี้ท่านประมุขตระกูลก้าวหน้าขึ้นอีกขั้น ได้เลื่อนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด ขั้นสะพานเซียนระยะกลางแล้ว”

“ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอเบิกบานใจ

หลังจากเขาเงยหน้าครุ่นคิด ก็เอ่ยอีกว่า “สถานการณ์ยังไม่ชัดเจน พวกเรายังต้องแข่งกับเวลา แต่ว่าไม่จำเป็นต้องวางขั้นตอนของตัวเองเพราะได้รับผลกระทบจากคนอื่นอีก”

“ต้องยึดตัวเองเป็นหลัก ทหารมาให้แม่ทัพขวาง น้ำมาขุดดินกลบ เวลาที่สำนักเราจะเปิดสำนักบนโลกซ้อนโลกสุกงอมแล้ว”

เยี่ยนจ้าวเกอพูดกับอาหู่ว่า “เช่นนี้ข้าจะไปทะเลหวงเจียเอง หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว จะกลับสำนักด้วยตัวเอง”

“เจ้ากลับไปบอกต่อบิดาข้าและพวกอาจารย์ปู่ว่า อะไรสมควรทำก็ทำได้เลย ทุกเรื่องสามารถนำขึ้นมาวางแผนได้ และสามารถส่งบัตรเชิญชวนสำหรับแขกออกไปได้แล้วเช่นกัน”

อาหู่รับคำ “ขอรับคุณชาย”

เยี่ยนจ้าวเกอเคลื่อนไหวอยู่ในทะเลหวงเจีย ส่วนอาหู่กลับไปยังเขากว่างเฉิงที่ตั้งอยู่ในดินแดนจิตคุณธรรม

เมื่อได้รับการรายงานของอาหู่ ทั่วทั้งเขากว่างเฉิงต่างก็รู้สึกยินดี

ต่อจากเยี่ยนตี๋ เขากว่างเฉิงก็มียอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ได้ปีนขึ้นสะพานเซียนสองคน และยังเป็นเยี่ยนจ้าวเกอที่มีพลังน่าทึ่งด้วย

หลายปีมานี้ เขากว่างเฉิงเจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งมายิ่งอยู่ในสภาวะโผทะยาน

พลังที่แท้จริงและพลังแฝงของเยี่ยนจ้าวเกอทำให้ผู้คนต้องร้องอุทานมาโดยตลอด

และพร้อมกับที่พลังแฝงของเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นพลังที่ยิ่งมายิ่งแข็งแกร่ง บารมีของเขาก็ยิ่งมายิ่งเพิ่มขึ้น ความเชื่อมั่นที่ทุกคนมีต่อตัวเขายิ่งมายิ่งมั่นคง

พวกเยี่ยนตี๋และหยวนเจิ้งเฟิง หลังจากทราบถึงความคิดในปัจจุบันของเยี่ยนจ้าวเกอ ก็ไม่ได้ไม่เห็นด้วยแต่อย่างไร

การคุกคามจากจักรพรรดิเอกภพกำเนิดและประมุขทักษิณยังคงมีอยู่ ไม่ทราบว่าจะมาถึงในตอนไหน

ถึงแม้ว่าเรื่องราวมากมายจะขึ้นอยู่กับตัวเอง ไม่ควรให้โลกภายนอกส่งผลกระทบง่ายๆ แต่เยี่ยนจ้าวเกอกับทั่วทั้งเขากว่างเฉิงก็ไม่อาจมองข้ามอันตรายที่แฝงตัวอยู่

การเปิดสำนักอย่างเป็นทางการเป็นเรื่องใหญ่อันดับแรกของเขากว่างเฉิงในปัจจุบัน คิดทำให้ทุกอย่างราบรื่น ย่อมต้องเตรียมตัวให้มาก จึงค่อยมั่นใจได้

ขณะที่เยี่ยนจ้าวเกอเคลื่อนไหวอยู่ในทะเลหวงเจีย ทุกคนในเขากว่างเฉิงก็เริ่มทำงาน

ผู้ส่งสารที่มุ่งหน้าไปยังแต่ละที่ต่างแยกกันออกเดินทาง ส่งคำเชื้อเชิญของพิธีเปิดสำนักให้แขกแต่ละคน

ข่าวเขากว่างเฉิงกำลังจะเปิดสำนักรับลูกศิษย์อย่างเป็นทางการ เริ่มแพร่กระจายไปทั่วโดยมีทะเลหวงเจียเป็นศูนย์กลาง

ไม่ได้มีแค่พื้นที่ในเขตตะวันอาคเนย์เท่านั้น สถานที่ต่างๆ ในเช่นเขารอบวงที่อยู่ติดกัน ข่าวยังได้กระจายไปอย่างกว้างขวางเช่นกัน

เขาโถงทองในฐานะผู้ปกครองเขตตะวันอาคเนย์ และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขากว่างเฉิงมาโดยตลอดย่อมได้รับคำเชิญ แม่เฒ่ากระบี่อาคเนย์ที่เฝ้าอยู่ที่พรมแดนของทั้งสองเขต ได้ทราบข่าวในทันที

แม้หญิงเฒ่าผู้นี้จะมีนิสัยเผ็ดร้อนมา ไม่เคยยอมให้บุรุษผู้ใดโดยตลอด ทว่าเมื่อได้รับข่าวก็ยังรู้สึกประหลาดใจ

จอมยุทธ์เขาโถงทองที่อยู่กับนางมองหน้ากัน ต่างไม่มีคำพูดอยู่ชั่วขณะ

“คนของเขากว่างเฉิงช่างใจกล้าจริงๆ” ครู่ต่อมา ก็มีคนหนึ่งพูดอย่างเหลือเชื่อว่า “เกิดจักรพรรดิเอกภพกำเนิดกับประมุขทักษิณกลับมาจะต้องหาเรื่องพวกเขาแน่ การเปิดสำนักอย่างยิ่งใหญ่ในสถานการณ์เช่นนี้ หมายความว่าไม่เห็นพวกจักรพรรดิเอกภพในสายตากระมัง”

………………..