หลังจากหารือกันเล็กน้อย ทุกคนก็เห็นพ้องตรงกันว่าฉินอวี้โม่และเหลิ่งซวงเสวี่ยควรได้รับสิทธิ์ทั้งสองที่สำหรับการเข้าร่วมหอชั้นในโดยตรง
เดิมทีพรสวรรค์และความแข็งแกร่งของทั้งสองก็จัดอยู่ในสิบอันดับแรกและสามารถผ่านการประเมินเพื่อเข้าร่วมหอชั้นในได้อย่างง่ายดาย ทว่าเพื่อมิให้สองสิทธิ์ที่ได้มาต้องสูญเปล่าและลดปัญหาในอนาคต การรับทั้งสองสิทธิ์ดังกล่าวจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
หลังจากเสร็จสิ้นการหารือ ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับไปพักผ่อนในเรือนของตน อย่างไรก็ตาม แม้ฉินอวี้โม่และเหลิ่งซวงเสวี่ยจะได้รับสิทธิ์เข้าร่วมหอชั้นในแล้ว พวกนางก็ยังต้องเข้าร่วมการประเมินของหอชั้นนอกที่จะมาถึง
การประเมินของหอชั้นนอกคือการประเมินความแข็งแกร่งและพรสวรรค์ของศิษย์นอกจำนวนมาก สิ่งที่สำคัญคือผู้ที่แสดงผลงานได้ดีจะมีโอกาสดึงดูดความสนใจและเตะตาบรรดาผู้อาวุโสของหอชั้นในได้ เพราะเหตุนั้นมันจึงถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับศิษย์นอกทุกคน
ยิ่งไปกว่านั้น ฉินอวี้โม่ก็ยังถือเป็นเพียงศิษย์ฝึกหัดของนิกายหมื่นกระบี่เท่านั้นและการประเมินของหอชั้นนอกจะทำให้นางกลายเป็นศิษย์ของนิกายหมื่นกระบี่อย่างเต็มตัว
ในเวลานี้ ทุกคนก็ไม่เหนื่อยล้ากันมากนักเนื่องจากก่อนหน้านี้พวกนางได้พักผ่อนกันในนิกายพันปีศาจแล้ว นอกจากนี้ การที่เดินทางกลับมาที่นิกายหมื่นกระบี่ด้วยคฤหาสน์เฟิงหัวก็เป็นเรื่องที่สะดวกสบายมาก จึงทำให้ทุกคนกระปรี้กระเปร่ากันเช่นเดิม
ในเวลานี้ เถาเซี่ยวเซี่ยว ฉินอวี้โม่และเหลิ่งซวงเสวี่ยก็กำลังพูดคุยกันอยู่ในห้องส่วนตัวของฉินอวี้โม่เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงหลายวันที่ผ่านมา
“หนึ่งเดือนหลังจากการประเมินของหอชั้นนอกก็จะเป็นการคัดเลือกเพื่อเลื่อนชั้นเป็นศิษย์ใน หนูอ้วนเถา…เจ้าต้องทำให้เต็มที่ล่ะ เราทั้งสองจะรอเจ้าที่หอชั้นใน”
ฉินอวี้โม่จิ้มแก้มนิ่มของเด็กสาวและกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
“ข้าทราบดี ท่านไม่ต้องห่วงหรอก เดือนหน้าข้าจะตามท่านทั้งสองไปที่หอชั้นในอย่างแน่นอน พี่อวี้โม่และพี่เหลิ่งอย่าลืมจองห้องพักไว้ให้ข้าด้วยล่ะ”
เถาเซี่ยวเซี่ยวยิ้มอย่างมั่นอกมั่นใจ สำหรับนาง การประเมินของหอชั้นนอกและการเลื่อนชั้นเป็นศิษย์ในเปรียบเสมือนดั่งการเดินท่องชมวิวเท่านั้น ซึ่งนางมั่นใจว่าจะผ่านไปได้อย่างง่ายดายโดยที่ไม่เผชิญกับอุปสรรคใด
“ท่านพี่ทั้งสอง หอชั้นในเต็มไปด้วยยอดฝีมือมากมาย แม้พรสวรรค์และความแข็งแกร่งของพวกท่านจะล้ำเลิศเหนือผู้อื่น หลังจากเข้าไปที่นั่น พวกท่านก็อาจจะเผชิญกับปัญหาบางอย่างได้ เมื่อถึงตอนนั้น หากจัดการด้วยตัวเองไม่ได้ ท่านสามารถขอความช่วยเหลือจากศิษย์อันดับหนึ่งของทำเนียบสวรรค์ของหอชั้นในได้ ศิษย์พี่ว่านหลิวอวิ๋นจะช่วยพวกท่านได้อย่างแน่นอน”
เถาเซี่ยวเซี่ยวกล่าวด้วยเสียงเบาและฟังดูสนิทสนมกับว่านหลิวอวิ๋นผู้นั้นเป็นอย่างมาก
ทั้งฉินอวี้โม่และเหลิ่งซวงเสวี่ยเคยได้ยินชื่อของว่านหลิวอวิ๋นมาก่อน เขาเป็นศิษย์อันดับหนึ่งในทำเนียบสวรรค์ของหอชั้นในซึ่งมีความแข็งแกร่งและพรสวรรค์ที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาศิษย์รุ่นเยาว์ของนิกายหมื่นกระบี่ เพียงเท่านี้ก็พอจะจินตนาการถึงสถานะของเขาในนิกายได้ การที่เถาเซี่ยวเซี่ยวกำชับให้พวกนางขอความช่วยเหลือจากว่านหลิวอวิ๋น แสดงให้เห็นว่านางไว้วางใจในตัวบุรุษหนุ่มผู้นั้นเป็นอย่างมาก เมื่อได้ทราบเช่นนี้ ตัวตนที่แท้จริงของเถาเซี่ยวเซี่ยวก็เริ่มชัดเจนขึ้นทีละน้อย
“ตกลง เราเข้าใจแล้ว”
ฉินอวี้โม่และเหลิ่งซวงเสวี่ยตอบกลับอย่างพร้อมเพรียงก่อนย้ำชื่อของว่านหลิวอวิ๋นเบา ๆ หลายครา แม้ไม่คิดที่จะรบกวนหรือขอความช่วยเหลือจากเขา ทว่าหากเกิดปัญหาที่เกินรับมือขึ้นจริง ๆ การมีตัวช่วยก็ย่อมเป็นเรื่องที่ดี
จากนั้นทั้งสามก็พูดคุยกันอีกพักใหญ่ก่อนแยกย้ายกันกลับเข้าไปพักผ่อนในห้องของตนเอง หลังจากผ่านค่ำคืนแห่งความเงียบสงบและถึงเช้าตรู่ของวันต่อมา ทุกคนก็มารวมตัวกันที่ลานจัตุรัสของหอชั้นนอกอีกครั้งเพื่อเข้าร่วมการประเมินของหอชั้นนอก
การประเมินของหอชั้นนอกก็ถือว่าเรียบง่ายเป็นอย่างมาก ทางเจ้าหน้าที่ของนิกายหมื่นกระบี่จะเตรียมหินวิญญาณสำหรับการประเมินไว้ให้ โดยศิษย์เพียงต้องวางมือลงบนนั้นเพื่อทดสอบอายุและระดับพลังในปัจจุบัน เพียงเท่านี้ก็ถือว่าการประเมินเป็นอันเสร็จสมบูรณ์
ผู้อาวุโสซึ่งทำหน้าที่ดูแลหอชั้นนอกก็จะทำการการประเมินด้วยตนเองเป็นครั้งสุดท้ายโดยวัดจากอายุและระดับความแข็งแกร่ง รวมถึงระยะเวลานับตั้งแต่เข้าร่วมนิกายหมื่นกระบี่ของพวกเขา
ทุกคนเข้ารับการประเมินตามลำดับและความแข็งแกร่งในปัจจุบันของพวกเขาก็ถูกเปิดเผยต่อหน้าทุกคน
แน่นอนว่าผู้ที่อ่อนแอที่สุดในการประเมินก็คือฉินอวี้โม่ นางยังทะลวงพลังเข้าสู่ขอบเขตเทพเซียนไม่สำเร็จและยังด้อยกว่าคนอื่น ๆ อยู่เล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ทุกคนในหอชั้นนอกตระหนักถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวของนางดี แม้ความแข็งแกร่งภายนอกจะอยู่เพียงระดับทั่วไป ทว่าความแข็งแกร่งในการต่อสู้ที่แท้จริงของนางก็ถือเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาศิษย์นอกทั้งหมด
ในบรรดาศิษย์นอกที่เข้าร่วมการประเมินในครานี้ แน่นอนว่าผู้ที่มีพลังแกร่งกล้าที่สุดคือเสิ่นเสี่ยวไห่ พลังในขอบเขตเทพเซียนสามดาราขั้นสูงสุดของเขาถือว่าไม่ต่ำเกินไปแม้เทียบกับศิษย์ในก็ตาม
เมื่อเสร็จสิ้นทุกอย่าง บรรดาผู้อาวุโสก็กลับไปหารือกันและผลการประเมินสุดท้ายจะถูกประกาศให้ทราบในอีกสามวันข้างหน้า
ทุกคนต่างก็คาดเดาผลลัพธ์ของการประเมินและหลายคนเริ่มเดิมพันด้วยเงินตราเพื่อทายผู้ที่จะครองอันดับสูงสุดของการประเมินครานี้
“การประเมินของหอชั้นนอกในครานี้ จอมยุทธ์สองอันดับแรกที่เข้าร่วมหอชั้นในไปแล้วจะไม่ได้เข้าร่วมด้วย ในหมู่คนที่เหลือ ผู้ที่ความแข็งแกร่งภายนอกอยู่ในระดับสูงสุดก็คงจะเป็นศิษย์พี่เสิ่นเสี่ยวไห่ ทว่าผู้ที่มากพรสวรรค์และมีความสามารถในการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริงก็คือศิษย์น้องฉินอวี้โม่ ครานี้อันดับหนึ่งตัดสินได้ยากจริง ๆ”
ฉินอวี้โม่และบรรดาสหายกำลังรับประทานอาหารร่วมกันในภัตตาคารแห่งหนึ่งโดยผู้คนที่นั่งอยู่ในโต๊ะรอบ ๆก็มองมาที่พวกนางเป็นครั้งคราวขณะกระซิบกระซาบกันเบา ๆ
สำหรับเรื่องที่ว่าฉินอวี้โม่หรือเสิ่นเสี่ยวไห่จะเป็นผู้ที่ครองอันดับหนึ่งในการประเมิน ทุกคนต่างก็หารือและคาดเดากันอย่างออกรส
ยิ่งไปกว่านั้น บรรดาศิษย์นอกที่สนับสนุนฉินอวี้โม่และเสิ่นเสี่ยวไห่ก็อยู่ในจำนวนที่ไล่เลี่ยกันและยากที่จะระบุผู้ชนะได้
นอกเหนือจากทั้งสอง ผู้ที่ได้รับความนิยมและเป็นที่กล่าวถึงมากที่สุดคือเหลิ่งซวงเสวี่ย ตามด้วยเซียวหมิงและอีกหลายคนที่ฉินอวี้โม่ไม่สนิทสนมนัก เถียนซินและสวีเยว่เองก็จัดเป็นหนึ่งในสิบอันดับแรกเช่นกันทว่าอยู่ในอันดับที่ไม่สูงนัก
สำหรับสามพี่น้องตระกูลเมิ่ง เนื่องจากพวกเขามักเก็บตัวเงียบไม่สุงสิงกับผู้ใด หลายคนจึงไม่ได้นึกถึงพวกเขาและไม่ถูกกล่าวถึงกันมากนัก
แน่นอนว่าด้วยความแข็งแกร่งของเมิ่งจวิน มันก็ยังไม่มากพอที่เขาจะแข่งขันเพื่อชิงอันดับต้น ๆ มาได้
ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ฟังเสียงกระซิบกระซาบรอบตัวโดยไม่สนใจมากนัก สำหรับพวกนาง ผลการประเมินเป็นสิ่งที่ไม่มีทางจะผิดพลาดไปได้ ผู้ที่จะครองอันดับแรกในการประเมินครานี้จะต้องเป็นฉินอวี้โม่อย่างแน่นอน ถึงอย่างไรฉินอวี้โม่ก็เข้าร่วมหอชั้นนอกของนิกายหมื่นกระบี่ได้เพียงไม่กี่เดือน ในขณะที่เสิ่นเสี่ยวไห่อยู่ที่นี่มานานหลายปี
“ต่อให้เจ้าและเหลิ่งซวงเสวี่ยจะครองอันดับสูง มันก็ไม่ส่งผลกระทบต่อเราหรอก การคัดเลือกเข้าหอชั้นในจะแบ่งออกเป็นแปดกลุ่มตามอันดับและแปดอันดับแรกในการประเมินของหอชั้นนอกจะเป็นตัววางของแต่ละกลุ่มซึ่งจะมีข้อได้เปรียบพอสมควร ในเมื่อเจ้าทั้งสองเข้าร่วมหอชั้นในได้แล้วและไม่ต้องเข้าร่วมการคัดเลือก เพราะฉะนั้น ไม่ว่าใครจะได้อันดับหนึ่งไปครองก็มิใช่เรื่องสำคัญหรอก”
เถียนซินและสวีเยว่กำลังพูดคุยหัวเราะกันขณะรับประทานอาหารกันอย่างสบายใจโดยที่ไม่สะทกสะท้านต่อเสียงหารือของทุกคน
ฉินอวี้โม่และอื่น ๆ ก็รับประทานอาหารอย่างมีความสุขเช่นกันราวกับการตกเป็นประเด็นของสาธารณะไม่ได้ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อพวกนาง
เวลาสองวันผ่านไปอย่างเงียบ ๆ และในเช้าตรู่ของวันที่สาม ผลการประเมินของหอชั้นนอกก็ถูกประกาศอย่างเป็นทางการ
อันดับการประเมินถูกแปะประกาศไว้บนกระดานข่าวของหอชั้นนอกซึ่งผู้ดูแลจำนวนหนึ่งของหอชั้นนอกเป็นผู้ที่ติดประกาศไว้ตั้งแต่เช้าตรู่
ด้วยการที่หอชั้นนอกมีศิษย์มากกว่าสามร้อยคนและส่วนใหญ่เข้าร่วมในการประเมินครานี้ อันดับที่ถูกประกาศออกมาจึงแบ่งออกเป็นหลาย ๆ กลุ่มเช่นกัน
ผู้ที่ครองสิบอันดับแรกล้วนได้รับคะแนนการประเมินที่ดีเยี่ยม
และก็เป็นจริงดังที่คิดไว้ รายชื่อแรกคือฉินอวี้โม่ผู้ซึ่งเข้าร่วมกับหอชั้นนอกได้เพียงไม่ถึงสามเดือน ถัดจากนางคือเสิ่นเสี่ยวไห่และเหลิ่งซวงเสวี่ย อันที่จริง ทั้งสามอันดับก็มีคะแนนที่เท่ากัน ทว่าชื่อของฉินอวี้โม่กลับอยู่ในอันดับแรกซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าบรรดาผู้อาวุโสของหอชั้นนอกโปรดปรานและคาดหวังกับนางไว้มากทีเดียว
เมิ่งฝาน เซียวหมิงและเมิ่งเถียนอยู่ในอันดับรองจากทั้งสามซึ่งได้รับคะแนนที่เท่าเทียมกัน รองจากพวกเขาทั้งสามคือเถียนซินและสวีเยว่ คะแนนของทั้งสองก็อยู่ในระดับเดียวกัน และแม้อันดับของเถาเซี่ยวเซี่ยวและเมิ่งจวินจะต่ำกว่าเล็กน้อย ทั้งสองก็ยังจัดอยู่ในยี่สิบอันดับแรก
“ดูนั่นสิ กฎของการคัดเลือกเข้าสู่หอชั้นในก็ถูกประกาศออกมาแล้ว”
สายตาของเถาเซี่ยวเซี่ยวเลื่อนไปหยุดที่ประกาศด้านข้างและอุทานด้วยความตื่นเต้นทันที