เรือนรก!
ชื่อเรียกนี้หลินสวินได้ยินเป็นครั้งแรก
แต่ไม่อาจคิดมากแล้ว เพราะตอนนี้มีผู้ฝึกปราณมากมายกำลังเคลื่อนผ่านอากาศมา ยึดครองตำแหน่งได้เปรียบ หมายจะแย่งข้ามฝั่งทันทีที่เรือเล็กสีดำมาถึง!
“รนหาที่ตาย!”
มีคนตะโกน รอบตัวแผ่แสงเพลิงสว่างไสวออกมา โจมตีผู้แข็งแกร่งที่อยู่ตรงหน้าจนปลิวออกไปทั้งอย่างนั้น
คนที่เปล่งแสงเพลิงไปทั่วทั้งตัวคนนี้เป็นชายหนุ่มชุดคลุมชาดคนหนึ่ง ดวงตาเจิดจ้า ร่างกายล่ำสันกำยำ มีผมยาวสีขาวหิมะทั้งหัว
นี่คือทั่วป๋าหุน ผู้สืบทอดเรือนหกมายาแห่งแดนกาฬทักษิณ สัตว์ประหลาดยุคโบราณที่แข็งแกร่งอย่างที่สุดคนหนึ่ง!
“หากกล้าเข้าใกล้จะฆ่าให้หมด!”
เสียงทุ้มต่ำเย็นชาดังขึ้น หญิงคนหนึ่งลอยตัวมาถึง เงาร่างงดงาม แสงมรรคสีฟ้าอ่อนวนเวียนอยู่รอบตัว
นางดวงตางดงามคิ้วเรียวสวย นัยน์ตาเป็นประกาย รูปลักษณ์โดดเด่นอย่างมาก แต่กลิ่นอายที่แผ่ออกจากตัวกลับเย็นเยียบราวกับน้ำแข็งนิลกาฬ พาให้คนตัวสั่นอย่างไม่ทราบสาเหตุ
เซวียเป่าจี!
สัตว์ประหลาดยุคโบราณที่มาจากหอเทียมฟ้าแห่งแดนชัยบูรพา
ผู้ฝึกปราณจำนวนไม่น้อยนัยน์ตาหดรัดลง เป็นฝ่ายหลีกทางให้เอง
แต่ที่พาให้คนสะท้านใจคือ ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งหลบช้าเพียงเสี้ยว ก็ถูกเซวียเป่าจียกมือจบชีวิตไปแล้ว!
แสงสีฟ้าที่ราวกับไอหมอกผืนหนึ่งแผ่ขยาย ทำให้ศพของคนผู้นั้นสลายหายไป ราวกับละลายอย่างไรอย่างนั้น
หลินสวินขมวดคิ้วโดยพลัน การกระทำของผู้หญิงคนนี้บางทีอาจเพื่อข่มขวัญเหล่าผู้กล้า แต่ก็ออกจะโหดร้ายเกินไปหน่อย
ทั่วป๋าหุนหันมองเซวียเป่าจีแวบหนึ่ง สายตาวูบไหว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ขัดขวาง เห็นได้ชัดว่ายอมรับในความสามารถของเซวียเป่าจี
“ฮ่าๆๆ ฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำนรกนี้คือ ‘แท่นบูชานรกเทพ’ ซึ่งเป็นที่ซ่อนของศุภโชคพลิกฟ้าในตำนานสินะ ครั้งนี้ข้าจะไปดูสักครั้ง!”
พร้อมกับเสียงหัวเราะดัง ชายหนุ่มรูปลักษณ์หยาบกร้าน กลิ่นอายเหี้ยมหาญและอันตรายคนหนึ่งพุ่งเข้ามาราวกับลมพายุรุนแรง
เสียงร้องแตกตื่นดังขึ้นในที่นั้น หลายคนหลบไม่ทันถูกลมพายุที่ห่อหุ้มเงาร่างของชายหนุ่มคนนี้มากระแทกชนจนกระจัดกระจาย ล้มระเนระนาดเต็มพื้น
“ตงหยางถิง สัตว์ประหลาดยุคโบราณจากตระกูลอริยมรรคตงหยาง!”
มีคนตกใจ จำฐานะของชายหนุ่มคนนั้นได้
ชั่วขณะเดียวถึงกับปรากฏบุคคลชั้นยอดในระดับมกุฎราชันสามคน ทำเอาสีหน้าของผู้ฝึกปราณไม่น้อยอึมครึมไม่แน่วนิ่งขึ้นมา
ดังคำกล่าวที่ว่าเทียบกับคนอื่นแล้วจะช้ำใจตายเอง
ในโลกภายนอก บรรดาผู้ฝึกปราณที่อยู่ในที่นี้แต่ละคนล้วนเป็นหนุ่มหล่อสาวงามที่สะเทือนแดนดินฝั่งหนึ่ง ต่างโดดเด่นสะดุดตาอย่างที่สุด แต่ละคนล้วนมีความเย่อหยิ่งของตนเอง
ทว่าตั้งแต่เข้ามาในแดนเก้าบน ในการแข่งขันช่วงชิงระหว่างผู้กล้ารุ่นเดียวกัน เหล่าผู้แข็งแกร่งที่เมื่อก่อนถูกมองว่าโดดเด่นยอดเยี่ยม พลันดูหม่นมัวอับแสงลง
นี่เรียกว่าภูเขาหนึ่งสูงล้ำกว่าอีกเขาหนึ่ง เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน
อย่างตอนนี้ พอทั่วป๋าหุนผู้สืบทอดเรือนหกมายา เซวียเป่าจีผู้สืบทอดหอเทียมฟ้า ตงหยางถิงผู้สืบทอดตระกูลตงหยางทยอยปรากฏตัว บุคลิกและพลานุภาพของพวกเขาก็พลันกดข่มผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ!
ทั้งสามยืนอยู่บนฝั่งแม่น้ำนรกสีเลือด บุคลิกแตกต่างกัน ไม่มีใครกล้ารุกล้ำ!
“หืม?”
แต่ตอนนี้ผู้ฝึกปราณหลายคนต่างสังเกตเห็นว่า มีชายหนุ่มที่เงาร่างผอมบาง สวมชุดสีขาวพระจันทร์คนหนึ่งเดินไปที่ริมฝั่ง ราวกับไม่ได้สังเกตเห็นการมีอยู่ของพวกทั่วป๋าหุน
ทั่วป๋าหุนขมวดคิ้ว เหลือบมองหลินสวินแวบหนึ่งโดยไม่ส่งเสียง
บนใบหน้าที่งดงามไร้ที่ติของเซวียเป่าจีเย็นชากว่าเดิม สายตากวาดมองหลินสวินราวกับดาบคมกริบ เผยอาการต่อต้านที่ไม่ปกปิดเลยสักนิด
“โอ๊ะ พี่ชายคนนี้ไม่แสดงตัว กลับกล้าเข้ามาใกล้ หรือจะเป็นยอดฝีมือที่ปกปิดความสามารถตัวตนคนหนึ่ง”
ท่าทางของตงหยางถิงดูแปลกใจ แต่น้ำเสียงกลับแฝงแววเย้ยหยัน
สำหรับเรื่องพวกนี้หลินสวินไม่ได้สนใจสักนิด
เรือเล็กสีดำนั่นเล็กมาก สามารถรองรับคนได้ห้าหกคนเท่านั้น คาดการณ์ได้เลยว่าเพื่อช่วงชิงโอกาสขึ้นเรือเล็กครั้งนี้ อีกเดี๋ยวจะต้องเกิดการต่อสู้ที่ดุเดือดแน่
เห็นหลินสวินสีหน้าเรียบเฉย มองข้ามพวกเซวียเป่าจี ตงหยางถิงตรงๆ ทั่วป๋าหุนก็อดอึ้งงันไปไม่ได้ แววแปลกประหลาดแวบผ่านเข้ามาในส่วนลึกของสายตา
กลิ่นอายเยียบเย็นที่แผ่ออกจากตัวเซวียเป่าจีน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุอันใดกลับยังไม่เคลื่อนไหว
ต้องรู้ว่าเมื่อครู่นี้เพราะผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งขวางทาง ถึงขั้นถูกนางจบชีวิตโดยตรง!
ตงหยางถิงอึดอัดเล็กน้อย การท้าทายของเขาถูกมองข้ามไปดื้อๆ ให้ความรู้สึกเหมือนถูกดูหมิ่น แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้ห้ามหลินสวินเข้าใกล้
“ทำไม เจ้าคิดจะเทียบเคียงพวกข้าหรือ ดูให้ดี นี่คือที่ที่เจ้าควรอยู่”
เซวียเป่าจีส่งเสียงขึ้นมาอย่างกลั้นไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ในน้ำเสียงมีความเย็นเยียบเสียดกระดูก
ในขณะที่พูดนางชี้ตำแหน่งที่ห่างจากตนหนึ่งจั้ง บอกหลินสวินว่าเขาหยุดฝีเท้าเพียงเท่านี้
เพราะหากหลินสวินเดินหน้าต่อ ก็เท่ากับมาถึงด้านหลังนางแล้ว สำหรับผู้แข็งแกร่งคนใดๆ ล้วนกลายเป็นการคุกคาม!
หลินสวินหยุดฝีเท้าจริงๆ ไม่เดินหน้าต่อ
นี่ทำให้ทั่วป๋าหุนและตงหยางถิงที่จับตามองความเคลื่อนไหวของหลินสวินมาโดยตลอดต่างผิดหวังเล็กน้อย เหมือนว่าเรื่องครื้นเครงยังไม่ทันเริ่มขึ้นก็จบลงอย่างรวดเร็วแล้ว
เซวียเป่าจีเห็นเช่นนี้ในใจโล่งอกไปไม่น้อยอย่างไม่ทราบสาเหตุ มุมปากเผยองศาโค้งอันเย็นเยียบพร้อมพูดว่า “ถือว่าเจ้ารู้จักกาลเทศะ ก่อนหน้านี้หากเจ้ากล้าเข้ามาอีก ตอนนี้หัวคงหลุดออกจากบ่าแล้ว”
คำพูดนี้เห็นได้ชัดว่าแฝงการดูถูก
หลินสวินยิ้มน้อยๆ ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ
เขายังไม่ถึงขั้นจะลงมือเพราะการพูดเสียดสีเล็กๆ น้อยๆ
เห็นท่าทีของหลินสวินถูกเซวียเป่าจีข่มไปอย่างสิ้นเชิง ถึงขั้นไม่กล้าท้วงเถียง ทั่วป๋าหุนกับตงหยางถิงยังอดผิดหวังไม่ได้
ในใจลอบพึมพำ หรือว่าตนดูผิดไป เจ้าหมอนี่ไม่ได้เป็นคนร้ายกาจแข็งแกร่งอะไร
ทุกคนที่อยู่ห่างออกไปมองเห็นเพียงเงาร่างของหลินสวิน กลับไม่มีใครสังเกตว่าคนหนุ่มที่ไม่เคยปริปากพูดตั้งแต่ต้นจนจบ ถ่อมตัวและนิ่งเฉยอย่างมากคนนี้ ก็คือเทพมารหลินที่ชื่อเสียงดุดันสะเทือนฟ้า
ทว่าแม้จำไม่ได้ก็เป็นเรื่องปกติ
บางทีพวกเขาอาจจะเคยได้ยินชื่อของหลินสวิน แต่คนที่เคยเห็นหลินสวินจริงๆ กลับมีเพียงไม่กี่คน
กลางแม่น้ำโลหิตที่พลิกม้วน เรือเล็กสีดำค่อยๆ ใกล้เข้ามาแล้ว สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
บนฝั่งบรรยากาศเคร่งครัดตึงเครียดขึ้นกว่าเดิม
ทุกคนล้วนรวบรวมพลังรอคอย เตรียมพร้อมแก่งแย่ง
บางทีคนไม่น้อยอาจจะหวาดเกรงพวกทั่วป๋าหุนสามคน แต่พื้นที่ของเรือนรกนั่นสามารถบรรจุคนได้ห้าหกคน
นี่ก็หมายความว่า นอกจากพวกทั่วป๋าหุนสามคน ยังมีอีกสองสามคนที่จะได้รับโอกาสขึ้นเรือ!
ในเวลาเดียวกันพวกทั่วป๋าหุนก็ลอบเตรียมพร้อมเช่นกัน ในสถานการณ์เช่นนี้แน่นอนว่าพวกเขาก็ไม่กล้าประมาท เลี่ยงไม่ให้เกิดเรื่องผิดพลาดใดๆ
“สหาย ถอยหน่อย ที่แห่งนี้ข้าครองแล้ว!”
เหนือความคาดหมาย ไม่รอให้เรือเล็กสีดำเข้ามาใกล้ฝั่งจริงๆ เสียงตะโกนเสียงหนึ่งดังขึ้นกะทันหัน
พร้อมกับเสียงนั่น ชายหนุ่มในชุดคลุมไหมเข็มขัดหยก ท่าทางสง่างามคนหนึ่งทะยานตัวกลางอากาศเข้ามา พุ่งไปยังตำแหน่งที่หลินสวินอยู่โดยตรง
ตูม!
ไม่มีการถามว่าหลินสวินยินยอมหรือไม่ ชายหนุ่มคนนั้นก็ลงมือแล้ว ฝ่ามือแปลงเป็นกระถางใหญ่สีทองอร่าม กระแทกมาทางหลินสวินอย่างแรง
เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มคนนี้เล็งเล่นงานหลินสวินโดยเฉพาะ!
ที่เป็นเช่นนี้เพราะก่อนหน้านี้หลินสวินเลือกจะหยุดเท้าและไม่ท้วงเถียงต่อหน้าเซวียเป่าจี จนทำให้ชายหนุ่มคนนี้คิดไปว่าหลินสวินเป็นพวกที่สามารถรังแกได้!
และพอเห็นชายหนุ่มชุดคลุมไหมลงมือ ประกายเย็นเยียบก็แวบผ่านสายตาของพวกทั่วป๋าหุน
แต่เมื่อเห็นว่าเจาะจงเล่นงานหลินสวินคนเดียว พวกเขาก็โล่งอกขึ้นมาทันที
พวกเขากลับเวทนาหลินสวินขึ้นมาบ้างแล้ว
เสือกระดาษสร้างสถานการณ์ข่มขวัญตบตา อย่างไรก็ต้องถูกเปิดโปง พวกเขาไม่ลงมือก็ใช่ว่าคนอื่นๆ จะไม่ทำ!
หลินสวินไม่อยากลงมือที่นี่จริงๆ มิฉะนั้นเมื่อครู่นี้เขาก็คงไม่เลือกหยุดฝีเท้าและไม่ท้วงเถียงตอนที่เจอคำพูดที่แฝงความดูถูกของเซวียเป่าจี
แต่เห็นได้ชัดมากว่า มีคนเข้าใจการถ่อมตัวของเขาว่าเป็นความอ่อนแอที่สามารถรังแกได้!
พูดแล้วเหมือนช้าแต่กลับรวดเร็วนัก พลันเห็นกระถางยักษ์ที่แปลงจากลมฝ่ามือทะลวงสังหารมา หลินสวินไม่หลบไม่หนี เงาร่างไม่ขยับสักนิด ถึงขั้นไม่หันกลับมาด้วยซ้ำ
ราวกับไม่รู้สึกรู้สากับการโจมตีนี้แม้แต่น้อย!
ฝ่ามือของหลายคนอดเหงื่อซึมไม่ได้ และมีคนตะลึง หรือพวกเขามองผิดไป ที่ก่อนหน้านี้เจ้าหมอนี่ท่าทางถ่อมตัวและนิ่งเฉยมาโดยตลอดมิได้เป็นการจงใจปกปิด แต่กำลังวางมาดตบตาทุกคน
ตูม!
ขณะที่จิตใจของทุกคนกำลังล่องลอย พลันเกิดเสียงดังขึ้นในที่นั้น ห้วงอากาศระเบิดออก
หลินสวินยืนอยู่ที่เดิม เงาร่างไม่เคยขยับแม้แต่น้อย มีเพียงเสื้อผ้าที่โบกสะบัดไปตามสายลมจนเกิดเสียงดัง
แต่ชายหนุ่มที่ออกโจมตีนั่นกลับส่งเสียงร้องอย่างหวาดกลัว ทั้งร่างกระเด็นลอยโค้งเป็นองศางามกลางอากาศ จากนั้นร่วงลงแม่น้ำโลหิต
ตูม!
ในแม่น้ำโลหิตเจียวกระดูกขาวหิมะตัวใหญ่พุ่งออกมา อ้าปากกลืนกินร่างของชายหนุ่มคนนั้นไปทันที จากนั้นหายไปใต้แม่น้ำโลหิตอีกครั้ง
ไม่มีแม้แต่เสียงร้องโหยหวน
ทุกคนอึ้งจนอ้าปากค้าง ขยี้ตา ต่างสงสัยว่าเป็นภาพลวงตา
เพราะตั้งแต่ต้นจนจบ พวกเขาไม่เห็นด้วยซ้ำว่าชายหนุ่มชุดคลุมไหมคนนั้นพ่ายแพ้ไปอย่างไร และถูกโยนลงในแม่น้ำโลหิตอย่างไร!
และในสายตาของพวกเขา หลินสวินยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นมาโดยตลอด สองมือไพล่หลัง เงาร่างสง่างามหันเข้าหาแม่น้ำโลหิตอันกว้างใหญ่โดยไม่มีการขยับไหวสักนิด
นี่ดูแปลกประหลาดและเหลือเชื่ออย่างที่สุด ทำให้ทุกคนตัวสั่นเทิ้มอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ส่วนสีหน้าของพวกทั่วป๋าหุน เซวียเป่าจีและตงหยางถิงต่างเปลี่ยนไปเล็กน้อย สายตาที่มองหลินสวินพลันเปลี่ยนไปทันที
ด้วยพลังต่อสู้และสายตาของพวกเขา ย่อมสังเกตเห็นว่าแม้หลินสวินไม่เคยเคลื่อนไหว แต่บนร่างเขากลับแผ่พลังที่ยิ่งใหญ่และคลุมเครืออย่างที่สุด จับกุมชายชุดคลุมไหมคนนั้นไว้แล้วโยนเข้าไปในแม่น้ำโลหิตในคราเดียว!
และการที่สามารถจับตัวมกุฎราชันคนหนึ่งได้อย่างง่ายดาย ทำให้เขาไม่สามารถดิ้นหลุดมาได้ แค่คิดก็รู้ว่าคนหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้แข็งแกร่งเพียงใด
“เป็นยอดฝีมือที่เก็บซ่อนพลังตามคาด!” ตงหยางถิงตบมือหัวเราะชอบใจ
มุมปากของทั่วป๋าหุนเหยียดขยับเล็กน้อยอย่างยากจะสังเกตเห็น ในใจรู้ดีว่าเมื่อครู่นี้พวกเขาเกือบจะล่วงเกินคนร้ายกาจผู้หนึ่งแล้ว!
โชคดีที่ตั้งแต่ต้นจบเขาไม่เคยแสดงความเป็นศัตรูใดๆ
“เจ้า…”
ใบหน้างามของเซวียเป่าจีอึมครึมไม่นิ่งอยู่บ้าง ต้องรู้ว่าเมื่อครู่นี้นางได้ข่มขู่หลินสวินไป สั่งให้เขาหยุดเท้า และยังเอ่ยคำพูดดูถูกไม่น้อย
เพียงแต่ตอนที่นางคิดจะพูดอะไรสักอย่าง เรือเล็กสีดำก็มาถึงฝั่งแล้ว!
สวบ!
ทุกคนรู้สึกเพียงว่าภาพตรงหน้าพร่าเลือน เงาร่างของหลินสวินก็หายไปจากที่เดิมแล้ว พอปรากฏตัวอีกครั้งเขาก็มาถึงบนเรือเล็กสีดำแล้ว
ส่วนเซวียเป่าจีไม่อาจคิดมากความ เริ่มลงมือทันที!
ไม่เพียงแค่นาง คนอื่นๆ เองก็ต่างพุ่งมาทางเรือเล็กสีดำ
การต่อสู้ปะทุขึ้นอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
ทว่ากลับไม่มีคนกล้าลงมือกับพวกหลินสวิน ทั่วป๋าหุน
บนเรือเล็กสีดำ ฝีพายโครงกระดูกราวกับไม่รู้สึกรู้สากับเรื่องพวกนี้ หรือพูดได้ว่ามองข้ามทุกอย่างโดยสิ้นเชิง ลุกขึ้นหยิบโคมน้ำมันสีเหลืองนวลมาแขวนบนหัวเรือ
——