นางใช้ตัวสำนึกสะกิดตัวต้องห้ามทำให้ถังหยุนที่กำลังฝึกตนปิดขังอยู่ตกใจตื่น หลังจากที่ทำการซักถามแล้วพบว่าหลัวซิวพาเสี่ยวเจียงหมิงออกไปแล้ว

นี่จึงทำให้สีหน้าของซุ๋นซินเหลียนเปลี่ยนไปจนถอดสี มีผู้แข็งแกร่งในสำนักเซียนไร้เจตสิกวนเวียนอยู่บริเวณรอบ ๆ สำนักศักดิ์สิทธิ์ ทันทีที่เสี่ยวเจียงหมิงออกไปข้างนอก หากถูกคนในสำนักเซียนไร้เจตสิกหมายตาไว้ละก็ เขาต้องตกอยู่ในภายร้ายแน่นอน!

นางหกระเหินลอยขึ้นฟ้าในทันที บินออกไปจากสำนักเขาสำนักศักดิ์สิทธิ์ด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด

“หวังว่าจะยังไม่สายเกินไปนะ……”

หลังจากที่ซุ๋นซินเหลียนบินออกไปจากสำนักเขาของสำนักศักดิ์สิทธิ์หลายหมื่นไมล์แล้ว มือใหญ่ที่มีแสงสีทองเปล่งประกายก็ร่วงลงมาจากฟ้าอย่างฉับพลัน ครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่มาก แผ่คลุมลงมาทางศีรษะนาง

“ซุ๋นซินเหลียน วันนี้ไอ้เดรัจฉานนั่นต้องได้ตายอย่างแน่นอน เจ้าอย่าได้คิดเพ้อเจ้อไปช่วยมัน!”เสียงอันน่าเกรงขามดังสะเทือนเลื่อนลั่นมาจากก้อนเมฆ

ซุ๋นซินเหลียนตกใจหนักมาก เมื่อดูจากอำนาจบารมีของผู้ที่ลงมือโจมตีนาง เห็นได้ชัดเจนเลยว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้แข็งแกร่งเทพมารช่วงปลายที่ไม่ด้อยไปกว่านาง

เห็นเพียงนางเริ่มทำมือเพื่อร่ายพลังตราประทับ ลำแสงสีทองพุ่งทะยานขึ้นฟ้า กลายเป็นปราณกระบี่ วิชาที่นางฝึกเมื่อเริ่มย่างกรายลงบนเส้นทางแห่งการฝึกยุทธ์คือวิชาค่ายกล ปราณกระบี่ดังกล่าวมิใช่พลังอมตะ แต่เป็นปราณกระบี่ที่เกิดขึ้นโดยการรวมกันของค่ายกลและสัญลักษณ์ ซึ่งเทียบเท่ากับค่ายกลโจมตีหนึ่งค่าย

ตู้มม!

มือใหญ่ที่มีแสงสีทองเปล่งประกายนั่นปะทะกับปราณกระบี่ ท้องฟ้าที่ว่างเปล่าสั่นสะเทือนจนเสียงดังครั่นครืน ปราณกระบี่แตกสลาย และด้านบนมือใหญ่แสงทองนั่นก็มีรอยเลือดปรากฏเช่นกัน

อานุภาพที่ผู้แข็งแกร่งเทพมารทั้งสองคนปะทะกันเรียกได้ว่าใหญ่โตมโหฬารมาก หลัวซิวที่อยู่ห่างออกไปไกลหลายหมื่นไมล์ก็สัมผัสได้เช่นกัน เขาจึงหันหน้ากลับมามอง

“เหตุใดระหว่างทางมาถึงมีเทพมารประมือกัน?”

เขาขมวดคิ้ว เนื่องจากเขาสัมผัสได้ว่าทิศทางของคลื่นพลังที่ส่งมา เป็นจุดที่ตัวเองเพิ่งเดินทางผ่าน

“วันนี้กากแดนของสำนักเทียนช่าจะถูกขจัดอย่างสิ้นซากแล้ว!”

ทันใดนั้นเอง อากาศเหนือศีรษะที่ว่างเปล่าก็เปิดออก มีมือใหญ่ยื่นลงมาจากด้านบน จับลงมาด้านล่าง หวังจะบีบมังกรทองรวมไปถึงมนุษย์อีกสองคนที่ยืนอยู่ด้านบนให้ตายไปพร้อมกัน

“สำนักเซียนไร้เจตสิก?”

หลัวซิวหยีตาลงเล็กน้อย เริ่มกระตุ้นพลังแปรเสวียนเทียนในใจ เตาเทพบินออกมาจากร่างกายเขา และพุ่งชนเข้ากับมือใหญ่นั่นจนดังสะเทือนเลื่อนลั่น

ตู้ม!

มือใหญ่ถูกเตาเทพพุ่งชนจนแตกสลายในครั้งเดียว คลื่นพลังที่บ้าคลั่งซัดกระหน่ำออกไปทุกสารทิศอย่างรุนแรง ทำให้ทุกสิ่งอย่างที่มีรูปร่างดับสลายไป

“หื้ม? เป็นแค่ผู้น้อยมหาจักรพรรดิยุทธ์กระจอก ๆ แต่สามารถต้านทานการโจมตีหนึ่งของข้าได้อย่างนั้นหรือ?”

กลางอากาศอันว่างเปล่าที่แหวกออก มีชายชราผู้หนึ่งเดินออกมาจากด้านใน แววตามีความคิดที่จะฆ่าเป็นประกาย “นางซุ๋นซินเหลียนนั่นถูกผู้แข็งแกร่งในสำนักเซียน ข้าขวางไว้แล้ว พวกเจ้าเตรียมตัวตายอย่างสบายใจซะเถอะ!”

ความน่าเกรงขามของเทพมารมโหฬารพันลึกมาก ทำให้มังกรทองอย่างจินเฟยเทียนตัวสั่นเทาอย่างไม่หยุดหย่อน มีเพียงเสี่ยวเจียงหมิงเท่านั้นที่มีความแค้นปรากฏในแววตา ภายใต้การคุ้มกันจากออร่าของหลัวซิว เขาจึงไม่ถูกออร่าของเทพมารกดอัด

“ไอ้แก่ คนที่ต้องตายคือเจ้าต่างหาก”

หลัวซิวไม่ยี่หระ ยกมือขึ้นแล้วจิ้มนิ้วลงกลางอากาศที่ว่างเปล่า อัคคีเทพชิงเทียนลุกโชนขึ้น กลายเป็นนกเทพสีเขียวตัวหนึ่ง อานุภาพของอัคคีเทพสามารถแผดเผาทุกสรรพสิ่งในจักรวาลให้มอดไหม้

ชายชราที่ปรากฏนี้คือผู้อาวุโสในสำนักเซียนไร้เจตสิก ผลการฝึกตนอยู่ที่เทพมารขั้น 3 เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังอานุภาพของอัคคีเทพชิงเทียน สีหน้าเขาจึงเปลี่ยนไปเล็กน้อย

แต่ทว่าเขาก็ใจเย็นลงมาได้ภายในชั่วพริบตา ยิ้มอย่างดุร้ายพลางพูด: “ผู้น้อยมหาจักรพรรดิยุทธ์กระจอก ๆ มีอัคคีเทพครอบครองด้วยอย่างนั้นหรือ ดูท่าเจ้าน่าจะเป็นศิษย์อัจฉริยะคนหนึ่งในสำนักแดนศักดิ์สิทธิ์สินะ?”

เขาโบกมือทีหนึ่งเรียกหอคอยเทวออกมา สาดรัศมีเทพลงมาคุ้มกันรอบกาย อัคคีเทพลุกโชนและโถมเข้ามา แต่กลับไม่สามารถทำลายเกราะป้องกันของอัญมณีแห่งเทพมารชิ้นนี้ได้

“สำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเทียนเป็นศัตรูกับสำนักเซียนไร้เจตสิกข้าหลายครั้งหลายหน วันนี้หากกำจัดอัจฉริยะอย่างเจ้าทิ้ง ต้องทำให้สำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเทียนเจ็บปวดมากแน่นอน ฮ่าฮ่า……”

ชายชราแหงนหน้าขึ้นฟ้าพลางหัวเราะเสียงดังลั่น เขาถือดีในผลการฝึกตนระดับเทพมาร จึงไม่ได้นำหลัวซิวที่เป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์เล็ก ๆ คนหนึ่งมาไว้ในสายตา มองว่าเขาเป็นคู่ต่อสู้ที่สามารถฆ่าให้ตายได้อย่างง่ายดาย

“เทพมารแล้วอย่างไร? แต่ก็รับหอกหนึ่งของข้าไว้ไม่ได้!”