หลัวซิวลูบ ๆ ศีรษะของเสี่ยวเจียงหมิง ปลอบโยนอารมณ์เขา ในขณะเดียวกันเขาก็หกระเหินเดินฟ้า ลอยอยู่เหนือนภา มีอัคคีเทพลอยวนเป็นเกลียวอยู่รอบกาย มุ่งหน้าไปเผชิญกับเทพมารที่ลอยอยู่บนฟ้า

“ข้ารับหอกหนึ่งของเจ้าไว้ไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”ชายชราฝั่งตรงข้ามโกรธมากจนหลุดหัวเราะออกมา“มหาจักรพรรดิยุทธ์กระจอก ๆ กล้าพูดจาโอหังเช่นนี้ น่าขำชะมัด!”

หลัวซิวไม่ได้พูดจาไร้สาระกับเขา ค่อย ๆ ยื่นฝ่ามือออกไป ทันทีที่หอกยุทธ์มังกรดำปรากฏก็มีไอสังหารที่ดุร้ายโหดเหี้ยมถาโถมออกมา กลิ่นอายแห่งความตายค่อย ๆ แพร่กระจายออกไป

“นัดเดียวนิพพาน!”

เขาย่างเท้าออกไปหนึ่งก้าว ราวกับเงาร่างสูงตระหง่านและใหญ่โตขึ้นมาภายในชั่วพริบตาเดียว แทงหอกรบที่อยู่ในมือออกไป คนและหอกรวมกันเป็นหนึ่ง กลายเป็นลำแสงสีดำ เหมือนดั่งเสี้ยววินาทีหนึ่งได้หยุดนิ่งจนตราบชั่วนิรันดร์

สีหน้าของชายชราที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเปลี่ยนไปเยอะมาก เบิกตาจนกลมโต เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งความตายที่น่าสยดสยองอย่างไร้ขอบเขตพุ่งพรวดขึ้นมาในจิตใจ ทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองได้ตายจากโลกนี้ไปแล้ว

“ปัง!”

หอกรบที่มีแสงมืดลอยวนเป็นเกลียวอยู่รอบ ๆ พุ่งทลายฟ้าเข้ามา ทำให้ทะลวงรัศมีเทพคุ้มกันที่สาดส่องมาจากอัญมณีแห่งเทพมารไปภายในพริบตา ก่อนจะทิ่มแทงเข้าไปตรงหว่างคิ้วของเขา บดทำลายตัวหยั่งรู้ของเขาจนสิ้นซาก

เสี้ยววินาทีที่เกราะป้องกันของหอคอยเทวถูกทำลาย อัคคีเทพชิงเทียนก็ลุกลามเข้าไปภายในเช่นกัน ทำให้ร่างปีศาจเทพของชายชราผู้นี้ถูกแผดเผาจนกลายเป็นเถ้าธุลี เหลือเพียงช่องจิตที่แวววาวจับตาหนึ่งดวงลอยอยู่ ณ ตำแหน่งเดิม

“เป็นพลานุภาพที่ทรงพลังมาก!”

หลัวซิวรู้สึกพึงพอใจต่อท่านัดเดียวนิพพานที่มาจากการทุ่มยกระดับกฎความตายของตัวเองมาก ๆ

อัญมณีแห่งเทพมารเป็นสมบัติที่แข็งแรงมาก ๆ แต่สุดท้ายก็ถูกเขาแทงจนทะลุอยู่ดี เห็นได้เลยว่าพลังอมตะของนัดเดียวนิพพานนี้ มีพลานุภาพยิ่งใหญ่เพียงใด

“อาจารย์พี่ ท่านเก่งกาจจังเลยขอรับ”

เสี่ยวเจียงหมิงกำหมัดแน่น คลับคล้ายเหมือนเคยพบเห็นภาพเหตุการณ์นี้มาก่อน ครั้นนั้นเทพมารคนหนึ่งจะสังหารเขา ก็เป็นเพราะการปรากฏตัวของอาจารย์พี่ท่านนี้เช่นกัน เขาสังหารฝ่ายตรงข้ามอย่างน่าเกรงขามและช่วยชีวิตตัวเองเอาไว้

ตั้งแต่ที่เสี่ยวเจียงหมิงเริ่มติดตามหลัวซิว สรรพนามที่เขาเรียกแทนหลัวซิว จากพี่ใหญ่ก็กลายเป็นอาจารย์พี่

“อนาคตเจ้าก็แข็งแกร่งอย่างนี้ได้เช่นกัน”หลัวซิวลูบศีรษะเขาพลางยิ้มพลางพูด

มังกรทองบินทะยานขึ้นฟ้า หลัวซิวพาเสี่ยวเจียงหมิงมุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางของเมืองแก้วเทวต่อ

หลังจากที่ผ่านไปพักหนึ่ง ชายชราที่เลือดอาบท่วมตัวผู้หนึ่งแหวกอากาศที่ว่างเปล่าออกและปรากฏตัวอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ใช้ตัวสำนึกกวาดสำรวจดูบริเวณรอบ ๆ ก่อนจะทำให้สีหน้าเขาหม่นหมองลงไป“ศิษย์น้องตายแล้วอย่างนั้นหรือ? หรือว่ายังมีผู้แข็งแกร่งคนอื่น ๆ ในสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินคอยคุ้มกันเจ้าเด็กเปรตนั่นอยู่”

“โครม!”

และในตอนนี้เอง อากาศที่อยู่เหนือหัวเขาก็ถูกบดจนละเอียด เข็มทิศค่ายกลที่ใหญ่โตมโหฬารบดอัดปริภูมิ แสงค่ายที่นับไม่ถ้วนผสมผสานกัน วิวัฒนาการเป็นรูปแบบการโจมตีต่าง ๆ ที่มีพลานุภาพไร้ขอบเขต

ชายชราจากสำนักเซียนไร้เจตสิกผู้นี้ตัวสั่นอย่างอดไม่ได้ ผลการฝึกตนของเขาและซุ๋นซินเหลียนอยู่ในระดับเดียวกัน แต่ศักยภาพของเขากลับด้อยกว่าเล็กน้อย เดิมทีเขาคิดที่จะถ่วงเวลาให้ศิษย์น้องไปฆ่ากากแดนในสำนักเทียนช่า กลับนึกไม่ถึงเลยว่าศิษย์น้องของตัวเองจะตายจะไปอย่างไม่กระจ่างชัดแจ้ง

……

“ที่นี่คือที่ใด?”

หลังจากที่ผ่านไปหลายชั่วโมง หลัวซิวไปถึงบนท้องฟ้าของป่าไม้แห่งหนึ่ง ชั้นบรรยากาศของป่าไม้แห่งนี้ครึ้มฟ้าครึ้มฝน มืดครึ้มไปหมด ราวกับพายุมรสุมกำลังจะมาเยือนยังไงอย่างนั้น

ที่นี่มีเสียงลมคำรามอย่างบ้าคลั่ง พายุทอร์นาโดที่ใหญ่โตมหึมาลูกหนึ่งกำลังหมุนอยู่กลางอากาศ ความเร็วในการเคลื่อนที่ของมันรวดเร็วมาก ๆ จากความเร็วของจินเฟยเทียน เขาไม่สามารถหลบพายุทอร์นาโดลูกนี้ได้เลยด้วยซ้ำ

จากผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 4 ของจินเฟยเทียน ถึงขั้นไม่สามารถต้านอะไรได้เลยแม้แต่น้อย หลังจากที่ถูกพายุทอร์นาโดพัดหมุนเข้าไปแล้ว เขาก็ไม่สามารถควบคุมร่างกายตัวเองได้อีก ถูกพายุทอร์นาโดพัดพาไป ไม่สามารถหลุดพ้นจากพายุลูกนี้ได้

“ท่านนาย นี่คือพายุมหาทอร์นาโดขอรับ!”

จินเฟยเทียนร้องอย่างตะลึงงัน สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่องพลางพูด: “ดูท่าพวกเราน่าจะไม่ทันได้ระวังเผลอเข้ามาในป่าลมสายฟ้าแล้ว”

ป่าลมสายฟ้าเป็นพื้นที่ที่อันตรายที่หนึ่ง มีพลังอัสนีวาโยตลบไปทั่วทุกสารทิศ แต่กลับไม่เหมาะแก่การฝึกตนตระหนักรู้ ด้วยเหตุนี้พลังอัสนีวาโยในที่แห่งนี้จึงรุนแรงและโหดเหี้ยมมาก เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังการทำลายล้าง