บทที่ 1366 แน่นอนว่าต้องเป็นจ้าวเหมย + ตอนที่ 1367 เชอร์ล็อก โฮมส์

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 1366 แน่นอนว่าต้องเป็นจ้าวเหมย + ตอนที่ 1367 เชอร์ล็อก โฮมส์ โดย Ink Stone_Romance

ตอนที่ 1366 แน่นอนว่าต้องเป็นจ้าวเหมย

ถังม่านลี่มองเธอแวบหนึ่งนัยน์ตาฉายแววดูหมิ่นเล็กน้อย เธอไม่ชอบจ้าวเหมยแต่ก็ไม่ชอบสวีจื่อเซวียนเหมือนกัน ใครก็ตามที่ดูดีกว่าเธอก็ไม่ชอบทั้งนั้น

ในห้องเธอรู้สึกว่าเจิ้งเสวี่ยซานและฉีฉีเก๋อพอจะเข้าตามากหน่อย เหริ่นเขี่ยนเชี่ยนก็โอเค ถึงแม้ว่าจะพูดจาไม่น่าฟัง แต่เป็นคนมีเงิน ใจกว้างพอควร สี่ปีในรั่วมหาวิทยาลัยถ้าเธออยากมีชีวิตอู้ฟู่ นอกจากการจับผู้ชายรวย ๆแล้ว เกาะติดเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไว้ก็สำคัญ

“แน่นอนว่าต้องมีเกรดดี ความสามารถเป็นที่ประจักษ์ยอดเยี่ยม ตัวอย่างเช่นเคยได้รับรางวัลระดับชาติหรือระดับระดับมณฑลมาก่อน” หลังจากที่สวีจื่อเซวียนได้ฟัง สีหน้าก็ดูมีความสุขเล็กน้อย คุณสมบัติของเธอตรงตามทั้งสองข้อนี้เลย

เธอสอบได้เป็นอันดับหนึ่งในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปศาสตร์ในมณฑลหูหนาน คะแนนของมณฑลหูหนานอยู่ในอันดับต้น ๆของประเทศ เธอมั่นใจว่านักศึกษาใหม่ที่มีคะแนนสูงกว่าเธอมีไม่เกินหนึ่งฝ่ามือด้วยซ้ำ

อีกทั้งเธอยังได้ตีพิมพ์บทความในหนังสือพิมพ์และนิตยสารรายใหญ่ในมณฑลหูหนาน และยังมีภาพวาดของเธอที่ได้รับรางวัลที่สองของมณฑลเลยนะ!

สวีจื่อเซวียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น บางทีเธออาจจะได้เป็นตัวแทนของนักศึกษาใหม่ก็ได้?

แบบนี้แล้วพ่อของเขาคงเชิดหน้าชูตาในโรงเรียนได้มากกว่าเดิม!

ถังม่านลี่เห็นสีหน้าท่าทางของสวีจื่อเซวียนแวบเดียวก็รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะพูดด้วยเสียงยุแหย่ว่า “พวกเราที่มาจากครอบครัวฐานะธรรมดาอย่าไปคิดเลย ต่อให้ยอดเยี่ยมโดดเด่นแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ เรื่องที่ต้องเป็นหน้าเป็นตาแบบนี้ ทางมหาวิทยาลัยต้องสงวนไว้ให้สำหรับนักเรียนที่มาจากครอบครัวที่มีฐานะทางสังคมดีอยู่แล้ว”

พูดถึงตรงนี้ถังม่านลี่ก็เหลือบมองจ้าวเหมยที่อยู่ไม่ไกลเหมือนจะตั้งใจแต่ก็ไม่ตั้งใจ สวีจื่อเซวียนปวดใจจี๊ด ๆ ถึงนึกขึ้นได้ว่าในชั้นยังมีสิ่งขัดขวางอยู่ ใบหน้าสะสวยนั้นก็อดทำหน้าบึ้งตึงไม่ได้

จ้าวเหมยก็แค่อาศัยวงศ์ตระกูลผู้ดีถึงได้มีชื่อเสียงขึ้นมาหน่อย เปลี่ยนใครมาเป็นตัวแทนนักศึกษาใหม่ก็ได้แต่ห้ามเป็นจ้าวเหมยเด็ดขาด!

เจิ้งเสวี่ยซานก็มีความคิดเช่นเดียวกับสวีจื่อเซวียน เธอก็อยากเป็นตัวแทนนักศึกษาใหม่ เรื่องที่ได้หน้าขนาดนี้มีใครบ้างไม่ต้องการ?

เจิ้งเสวี่ยซานขบฟันแน่นตัดสินใจว่าวันหยุดสุดสัปดาห์นี้จะไปหาคุณปู่ให้เขาหาเส้นสายในมหาวิทยาลัย ดูสิว่าพอจะช่วยให้เป็นเธอได้ไหม

อีกทั้งต้องเล่าเรื่องจ้าวเหมยให้คุณปู่ฟัง เผื่อให้คุณปู่ช่วยคิดหาหนทาง

“คุณจ้าวเหมย มาหาฉันที่ห้องทำงานหน่อย” เจียงจื้อหรู่เรียกหาเหมยเหมย

สวีจื่อเซวียนและเจิ้งเสวี่ยซานต่างก็หน้าถอดสี ลางสังหรณ์บอกพวกเธอว่าเจียงจื้อหรู่เรียกจ้าวเหมยในเวลานี้ อาจเกี่ยวข้องกับเรื่องตัวแทนนักศึกษาใหม่ แต่ถังม่านลี่ก็ยังพูดว่า “อาจารย์เจียงจะให้จ้าวเหมยเป็นตัวแทนของนักศึกษาใหม่เหรอ?”

เจิ้งเสวี่ยซานรู้สึกจุกอยู่ในอก อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ตัวแทนของนักศึกษาใหม่ถูกกำหนดโดยผู้นำของมหาวิทยาลัย อาจารย์เจียงเป็นแค่อาจารย์ประจำชั้น มีอำนาจจัดการที่ไหน!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่ชอบเจิ้งเสวี่ยซาน จงใจพูดเพื่อให้เธอกลุ้มใจมากขึ้นกว่าเดิม “ก็ไม่แน่หรอกนะ บางทีทางมหาวิทยาลัยอาจจะจัดการไว้นานแล้ว ตอนนี้เลยให้อาจารย์เจียงมาแจ้งให้จ้าวเหมยรู้ก็ได้!”

เห็นสีหน้าของเจิ้งเสวี่ยซานและสวีจื่อเซวียนดูไม่ค่อยได้ อารมณ์ของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ดีขึ้นมาก ถึงอย่างไรทั้งคณะกรรมการนักศึกษาหรือตัวแทนนักศึกษาใหม่เธอล้วนไม่สนใจทั้งนั้น การเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเมืองหลวงเพียงเพื่อได้รับประกาศนียบัตรที่ดูดีก็เท่านั้นเอง จะสนใจว่าใครจะเป็นตัวแทนนักศึกษาใหม่ไปทำไม!

ให้สวีจื่อเซวียนและเจิ้งเสวี่ยซานสองคนนั้นเป็น สู้ให้จ้าวเหมยได้เป็นเสียยังดีกว่า!

“ฉันว่านะถ้าจ้าวเหมยเป็นตัวแทนของนักนักศึกษาใหม่ก็ดีจะตายไป เธอเป็นถึงนักเขียนชื่อดังที่มีหนังสือจำหน่ายในต่างประเทศ อีกทั้งภาพวาดก็ยังได้รับรางวัลระดับประเทศ แถมยังเคยออกทีวีอีก การเต้นก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน ใช่แล้ว ครูสอนเต้นของจ้าวเหมยเป็นถึงปรมาจารย์ด้านการเต้นอันดับหนึ่งของประเทศด้วย โอ้โฮ……ถ้าจ้าวเหมยได้เป็นตัวแทนของนักศึกษาใหม่นะ ฉันยอมซูฮกให้เลย!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดอย่างจงใจ

ฉีฉีเก๋อได้ฟังก็รู้สึกแปลกใจ เธอยังไม่รู้เรื่องของเหมยเหมยก็เลยถามเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน

เดิมทีเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่อยากจะสนใจเธอ แต่เห็นผู้หญิงคนนี้เพิ่งมาก็สนิทสนมกับจ้าวเหมยแล้วจึงไม่กล้าสร้างเรื่องขุ่นเคืองใจ เลยเล่าเรื่องของเหมยเหมยทั้งหมดให้ฟัง ฉีฉีเก๋ออุทานด้วยความประหลาดใจ ยกนิ้วโป้งให้

“เหมยเหมยเก่งมากเลย ถ้าหากเธอเป็นตัวแทนของนักศึกษาใหม่จริง ๆ ฉันก็ยอมรับ สุดยอดไปเลย!”

…………………………………………..

ตอนที่ 1367 เชอร์ล็อก โฮมส์

เจิ้งเสวี่ยซานและสวีจื่อเซวียนรู้สึกจุกเข้าที่อกอีกครั้ง ใจคิดอยากจะหนีไปไม่อยากฟังผีเน่าน่ารังเกียจสองคนนี้พูดอีก แต่อีกใจพวกเธอก็อยากรอให้จ้าวเหมยออกมาก่อน ในเวลานั้นปากสว่างถังม่านลี่จะต้องถามอาจารย์เจียงอย่างแน่นอนว่าเขาพูดอะไรกับจ้าวเหมย

ด้วยใจที่ใคร่รู้ถึงแม้ว่าเจิ้งเสวี่ยซานและสวีจื่อเซวียนจะไม่สบายใจอย่างที่สุด แต่เท้ากลับไม่ขยับเขยื้อนเหมือนตะปูยังไงอย่างนั้น

“ฉันรออันน่า ก่อนหน้านั้นตกลงกันแล้วว่าจะไปกินข้าวที่โรงอาหารด้วยกัน” เจิ้งเสวี่ยซานเหมือนกลัวว่าคนอื่นจะคิดเยอะจึงจงใจอธิบาย

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพ่นเสียงฮึออกมา ใจจริงอยากประชดสักคำว่า ‘ตอแหล’ แต่พอมาคิด ๆดูแล้วตอนนี้เขาเป็นหัวหน้าห้อง ถ้าหากวันหลังเกิดขัดแข้งขัดขาเธอขึ้นมาคงไม่ใช่เรื่องดี จึงต้องกลั้นเสียง ‘ฮึ’ นั้นเอาไว้ แต่กลับอัดอั้นจนแทบทนไม่ไหว

คิดดูแล้วคุณหนูใหญ่เหริ่นอย่างเธอต้องมาอัดอั้นอะไรแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?

ยิ่งไปกว่านั้นสถานการณ์อยู่เบื้องหน้าของเธอเสียด้วย ไม่ได้การ…เธอต้องหาทางจัดการหาจุดอ่อนของเจิ้งเสวี่ยซาน วันหน้าถึงจะรับมือกับพวกผู้หญิงเหล่านี้ได้ง่ายหน่อย ดูสิว่าวันหลังหล่อนจะกล้าตบตาทำเป็นใจกว้างต่อหน้าเธออีกไหม!

เหมยเหมยตามเจียงจื้อหรู่ไปที่ห้องทำงานเป็นห้องเดี่ยวที่ตกแต่งอย่างหรูหรามาก มีภาพวาดหลายภาพแขวนอยู่บนผนัง การวาดไม่เหมือนผู้เชี่ยวชาญแต่ทักษะฝีมือก็ไม่ธรรมดา ตรงกลางห้องห้อยต้นเศรษฐีเรือนในที่แตกกิ่งก้านเขียวชอุ่ม ขอบหน้าต่างยังเต็มไปด้วยกล้วยไม้นานาชนิด

มีตู้เย็นขนาดเล็กวางอยู่มุมห้อง คาดไม่ถึงว่าใต้ผ้าม่านจะมีเตียงเตียงเหล็กที่ประกอบไว้แล้ววางอยู่ ซึ่งไม่ปิดบานประตูให้ดีปรากฏให้เห็นผ้าคลุมเตียงสีฟ้าอ่อน แสดงให้เห็นว่าอาจารย์เจียงคนนี้บางทีก็นอนค้างที่ห้องทำงาน เพียงแค่ไม่รู้ว่าเขาโสดหรือแต่งงานแล้ว?

แต่ดูจากอายุของเขามีแนวโน้มที่จะแต่งงานแล้ว รวมไปถึงอาจจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับภรรยา อยู่ในสถานะสงครามเย็นหรือการแยกกันอยู่ ไม่งั้นเขาคงจะไม่นอนที่ห้องทำงาน

เพราะว่าหนังสือการ์ตูนเรื่องใหม่เล่มที่สองของเหมยเหมย ค่อนข้างจะเลียนแบบการ์ตูนการไขคดีด้วยการอนุมานชื่อดังของประเทศญี่ปุ่น ตอนนั้นไม่รู้ว่าการ์ตูนเรื่องนี้ทำเงินกับคนในประเทศได้เท่าไหร่ แน่นอนว่าเธอไม่สามารถลอกเลียนได้ คดีต่าง ๆในหนังสือเป็นความคิดของเธอเองหรือเค้าโครงคดีจากประวัติศาสตร์ที่มีให้เห็นมาก่อน

เธอหาข้อมูลมากมายทุกวัน ดังนั้นเธอจึงเหนื่อยกับการวาดเล่มสองมากแต่กระแสตอบรับก็ดีมากเช่นกัน เพิ่งออกมาได้สามอาทิตย์ก็ขาดตลาด อาหลินฮั่นเหวินรับเงินจนมือไม้อ่อนไปหมดแล้ว

อีกทั้งตอนนี้สำนักพิมพ์สตาร์ก็ได้เป็นอันดับหนึ่งในสำนักพิมพ์ฮ่องกงแล้ว วันพลัสกับโฉวฉินตกอันดับถอยไปอยู่อันดับสองแล้ว ตอนนี้สู้สำนักพิมพ์สตาร์ไม่ได้หรอก

และด้วยเหตุนี้ทุกครั้งที่เหมยเหมยไปที่ใหม่หรือเจอคนแปลกหน้าก็จะทำการวิเคราะห์โดยไม่รู้ตัว เหมือนกับเชอร์ล็อก โฮมส์

เวลานี้เหมยเหมยวินิจฉัยชี้ขาดเรียบร้อยแล้วว่าอาจารย์ประจำชั้นคนใหม่ของเธอคุณเจียงจื้อหรู่ มีแนวโน้มที่จะอยู่ในสถานการณ์ทำสงครามเย็นกับภรรยาแยกกันอยู่ อีกทั้งในบ้านน่าจะมีเบื้องลึกเบื้องหลังอยู่ด้วย ไม่อย่างนั้นอาจารย์ประจำชั้นตัวเล็ก ๆอย่างเขาที่ไม่ได้เป็นรองศาสตราจารย์ด้วยซ้ำ เป็นไปไม่ได้อย่างยิ่งที่จะมีสวัสดิการห้องทำงานเดี่ยว

“นั่งสิ อยากจะดื่มอะไรไหม?”

เจียงจื้อหรู่ไหนเลยจะรู้ว่าถูกนักเรียนขุดคุ้ยข้อมูลส่วนตัวจนเกลี้ยง เดินไปเปิดตู้เย็นเอ่ยถาม

“ขอบคุณอาจารย์เจียง หนูไม่ดื่มค่ะ อาจารย์เรียกหาหนูมีเรื่องอะไรเหรอคะ?”

เหมยเหมยยิ้มปฏิเสธในใจกลับฉงน มองดูแล้วอาจารย์เจียงคนนี้เหมือนพวกหนอนหนังสือ ตามหลักการแล้วน่าจะชอบชงชาอะไรจำพวกนั้นมากกว่า ไม่คิดเลยว่าจะชอบพวกเครื่องดื่มน้ำอัดลม

เมื่อครู่เธอแอบมองอยู่แวบหนึ่ง ในตู้เย็นเต็มไปด้วยโค้กและสไปรท์มากมาย ที่แท้ก็มองคนจากภายนอกไม่ได้จริง ๆ!

“ฉันไม่ชอบดื่มชา คงต้องลำบากเธอดื่มน้ำเปล่าแล้วล่ะ”

สีหน้าของเจียงจื้อหรู่ขยับเล็กน้อยดูเหมือนจะคิดบางอย่างได้ เขาเทน้ำร้อนหนึ่งแก้วส่งให้เหมยเหมย ตัวเองหยิบโค้กมาหนึ่งกระป๋องแล้วนั่งลงหน้าเหมยเหมย

…………………………………………..