บทที่ 1370 ได้รับการเหน็บแนม + ตอนที่ 1371 ไม่ได้ตั้งใจจะเสียบ

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 1370 ได้รับการเหน็บแนม + ตอนที่ 1371 ไม่ได้ตั้งใจจะเสียบ โดย Ink Stone_Romance

 ตอนที่ 1370 ได้รับการเหน็บแนม

เหมยเหมยออกจากห้องทำงานก็เดินลงไปชั้นล่าง แต่กลับเห็นพวกเจิ้งเสวี่ยซานอยู่ใต้อาคารห้องทำงานครบทุกคน แม้แต่สีอันน่าก็อยู่ที่นี่

“พวกเธอทำไมยังไม่กลับหอพักอีกเหรอ?” เหมยเหมยถามอย่างสงสัย

ฉีฉีเก๋อเป็นคนตรงไปตรงมาจึงพูดเสียงดังว่า “พวกเขาอยากจะรู้ว่าอาจารย์เจียงเรียกหาเธอไปคุยเรื่องอะไร!”

สีหน้าของเจิ้งเสวี่ยซานตึงชะงักเล็กน้อย แอบโมโหฉีฉีเก๋อยัยโง่นี่ หัวเราะด้วยท่าทีเกินจริง “อากาศร้อนเกินไป ที่นี่ค่อนข้างร่มรื่นมีเงาต้นไม้อยู่พอดี”

“เมื่อครู่เธอยังพูดอยู่เลยว่ารออันน่าไปกินข้าวด้วยกันไม่ใช่เหรอ?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดแดกดันอย่างไม่เกรงใจ

รอยยิ้มของเจิ้งเสวี่ยซานเจื่อนลงเรื่อยๆจนแทบจะรักษาเอาไว้ไม่ได้ อยากจะชักสีหน้าใส่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยน นังอ้วนสมควรตายคนนี้เป็นอริกับเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถ้าไม่ใช่เพื่อรักษาภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบของเธอแล้วล่ะก็ เธอปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเอากรรไกรแทงลงไปที่ร่างของนังอัวนนี่ให้พรุนเลย

นังอ้วนสมควรตาย สมน้ำหน้าที่มีเนื้อไขมันเยอะขนาดนี้!

สีอันน่าแสร้งทำเป็นถามเหมยเหมยโดยไม่ได้เจตนา “อาจารย์เจียงเรียกหาไปคุยเรื่องอะไรเหรอ?”

“ไม่มีอะไร แค่ถามว่าปรับตัวใช้ชีวิตที่มหาวิทยาลัยได้หรือเปล่าก็แค่นั้น” เหมยเหมยปิดบังอย่างเฉียบแหลม ทำไมเธอจะมองสายตาอยากรู้อยากเห็นของคนพวกนั้นไม่ออก

ถ้าเธอพูดความจริงรับรองข่าวลือคงแพร่ไปทั่วมหาวิทยาลัยแน่ ถึงแม้ว่าหลังจากพรุ่งนี้ข่าวลือก็จะยังคงแพร่กระจายไป แต่ตอนนี้หลีกเลี่ยงได้ก็ควรหลีกเลี่ยง

ถังม่านลี่เบียดเข้ามา สายตาเป็นประกายพูดอย่างสงสัยว่า “ไม่มีทาง ทำไมอาจารย์เจียงไม่ถามฉันบ้างล่ะ แล้วก็ไม่ถามคนอื่นเหมือนกัน ทำไมถึงเรียกเธอไปถามไถ่อยู่คนเดียว?”

“เพราะว่าเธอดูบึกบึนมาก อาจารย์เจียงเห็นว่าต่อให้เธอจะกินหัวไชเท้าทุกวันก็เติบโตได้เป็นอย่างดี จะเสียเวลาไปทำไม” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์

แต่ละคนกินอิ่มอยู่สบายไม่มีอะไรทำ ก็แค่เรื่องตัวแทนนักศึกษาใหม่ไม่ใช่เหรอ!

ไม่ใช่ภูเขาทองภูเขาเงินเสียหน่อย มีอะไรดีให้แย่งชิงกันนัก!

“ฮ่า ๆ…”

ฉีฉีเก๋ออดหัวเราะเสียงดังไม่ได้เอามาเทียบกล้ามแขนของตัวเอง “ใช่แล้ว เธอดูสิฉันร่างบึกบึนขนาดนี้ อาจารย์ก็ไม่ได้เรียกหาฉัน เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเองก็ด้วย”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกรอกตามองบน พูดอย่างไม่พอใจว่า “ฉันไม่บึกบึนเท่าเธอหรอก ฉันคือคนอ้วน หิวสามวันก็ร่วงแล้ว ของเธอเป็นกล้ามเนื้อแน่น ๆ อดข้าวสามสามสิบวันก็ไม่เป็นไรหรอก”

แม่เจ้า ถ้าหากไม่เห็นแก่ว่าจ้าวเหมยชอบผู้หญิงบึกบึนคนนี้ล่ะก็ เธอคงพุ่งตรงเข้าซัดผู้หญิงคนนี้แล้วหาพวกผู้ชายมาจับผู้หญิงคนนี้แขวนเป็นกระสอบแน่นอน!

ไม่รู้หรือไงว่าคุณหนูใหญ่เหริ่นไม่ชอบให้คนอื่นพูดว่าเธอบึกบึนเป็นที่สุด!

ก่อนหน้านั้นสีอันน่าและถังม่านลี่ได้พูดถึงตัวแทนนักศึกษาใหม่ก็โดนสองคนนี้ทำเอาเจ็บใจแทบตาย บรรยากาศมาคุ สีหน้าของถังม่านลี่ดูไม่ได้เป็นอย่างมาก แต่ไหนแต่ไรมาเธอมักจะคุยโวว่าเธอเป็นคนสวย แน่นอนว่าเธอไม่ชอบที่จะได้ยินคนอื่นพูดว่าเธอบึกบึน

ในความเป็นจริงเธอบึกบึนกว่าจ้าวเหมยจริง ๆ  ช่วยไม่ได้…เธอต้องทำงานตั้งแต่เด็ก แน่นอนว่ามือเท้าก็ต้องใหญ่และแข็งแรงกว่าอยู่แล้ว

ถังม่านลี่ชี้ไปที่ร่างเล็กบางของสีอันน่าอย่างไม่ยอมรับ ตะโกนเสียงดังว่า “งั้นทำไมอาจารย์ไม่เรียกหาอันน่าด้วยล่ะ อันน่าก็ไม่ได้แข็งแรงบึกบึนเหมือนกันนี่ใช่ไหม?”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกำลังโมโหอยู่พอดี เวลานี้เธอมองใครก็ไม่เข้าตาทั้งนั้น โดยเฉพาะคนที่ผอมกว่าเธอ ชำเลืองมองสีอันน่าแล้วก็กรอกตามองบนพูดว่า “ไม่บึกบึนแต่ดำ แค่ดูก็รู้แล้วว่าเลี้ยงง่าย”

หน้าอกของสีอันน่าเหมือนโดนมีดแทงเลือดไหลออกซิบๆ จ้องเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอย่างเคียดแค้น เกลียดที่สุดก็คือคนอื่นพูดว่าเธอดำ

ถังม่านลี่เป็นคนชอบดันทุรัง อาจจะเป็นเพราะเธอหวังว่าทุก ๆคนจะเหมือนกับเธอ นั่นก็คือโดนเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแดกดันใส่สักที แบบนี้ใจของเธอถึงจะรู้สึกสงบลงได้บ้าง ชี้ไปหาทีละคน และนี่ก็สองคนแล้ว

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ไม่ทำให้เธอผิดหวัง ชี้แล้วก็วิพากษ์วิจารณ์ทีละคน

เจิ้งเสวี่ยซาน ——อายุเยอะแล้ว หากยังไม่ดูแลตัวเองไม่ได้ เสียเวลาที่เกิดมาได้ตั้งหลายปีแล้ว

สวีจื่อเซวียน ——โตมาจากมณฑลเล็ก ๆจะดูแลตัวเองไม่เป็นได้อย่างไร? (ในความคิดของคุณหนูใหญ่เหริ่น สถานที่พวกเล็ก ๆนั้นก็เหมือนวัชพืช ที่สามารถเติบโตได้แม้ว่าเจอลมเจอแดดก็ตาม)

หลังจากที่ได้เหน็บแนมไปทีละคนเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็หายหงุดหงิดแล้ว จึงไปกินอาหารเลิศรสที่ร้านอาหารหลังมหาวิทยาลัยอย่างมีความสุข ทิ้งสองสามคนนั้นที่กำลังโมโหหน้าดำหน้าเขียวไว้ด้านหลัง!

…………………………………………..

ตอนที่ 1371 ไม่ได้ตั้งใจจะเสียบ

เหมยเหมยรู้สึกดีกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมากขึ้นไม่น้อย แม้จะมีอุปนิสัยขี้วีนขี้เหวี่ยงเอาแต่ใจและมักแสดงตนเหนือกว่าใครในฐานะคนจากเมืองกรุง ไหนจะปากคอเราะร้ายไปบ้าง

แต่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมีจุดเด่นอย่างหนึ่งคือความตรงไปตรงมา ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ไม่ปิดบังซึ่งความจริง ที่จริงคนแบบนี้ผูกมิตรด้วยไม่ยาก

ชอบก็คุยด้วยเยอะหน่อย ไม่ชอบก็เถียงกลับไปไม่ก็ตีตัวออกห่าง ง่าย!

ไม่เหมือนคนอย่างเจิ้งเสวี่ยซานที่จะพูดอะไรต้องคิดแล้วคิดอีก กลัวผู้หญิงคนนี้หาจุดอ่อนแล้วเอามีดมาแทงข้างหลังวันใดวันหนึ่งเหมือนอู่เยวี่ยในอดีต

เดิมทีเธอตัดสินใจจะนอนค้างที่หอพักแต่เพราะต้องเตรียมคำร่างสุนทรพจน์กล่าวในพิธีเลยต้องกลับบ้าน ในหอพักมีคนมากมายจับจ้องอยู่คงสงบใจไม่ลง

“คืนนี้ฉันไม่นอนค้างที่หอ พรุ่งนี้ฉันจะมาร่วมพิธีปฐมนิเทศน์ให้ตรงเวลา” เหมยเหมยบอกต่อเจิ้งเสวี่ยซาน

ผู้หญิงคนนี้สงสัยจะเสพติดตำแหน่งหัวหน้าห้องไม่พอ ยังอาสาเป็นหัวหน้าหอพักอีกด้วย

เจิ้งเสวี่ยซานขมวดคิ้วพูดเสียงอ่อนโยน “แบบนี้ผิดกฎนะ กฎของมหาลัยเขียนไว้ว่าต่อให้เป็นนักเรียนในพื้นที่ นอกจากวันหยุดสุดสัปดาห์ก็ต้องพักที่มหาลัย จ้าวเหมยทางที่ดีเธออย่าทำตัวเหนืออภิสิทธิ์ดีกว่า”

“ฉันบอกคุณครูเจียงไว้แล้ว ครูเจียงบอกว่าเขาจะแจ้งครูหอพักเอง”

เหมยเหมยคาดไว้แล้วว่าเจิ้งเสวี่ยซานจะพูดเช่นนี้เลยจงใจไม่พูดให้จบในทีเดียว เป็นไปตามคาดเมื่อเจิ้งเสวี่ยซานแสร้งทำท่าเหมือนผู้ผดุงความถูกต้องหาว่าเธอทำตัวเหนืออภิสิทธิ์

เสี้ยมให้แตกคอกัน!

เธอไม่สนหรอกนะ!

ให้พวกเธอว่าไปเถอะว่าเธอทำตัวเหนืออภิสิทธิ์ แน่จริงพวกเธอก็ทำบ้างสิ!

เจิ้งเสวี่ยซานรู้สึกอัดอั้นเต็มอกเพราะอยากด่าคนเหลือเกิน ในเมื่อคุยกับคุณครูไว้แล้วจะมาบอกเธอทำไมอีก?

ช่วยพูดทีเดียวให้จบเลยไม่ได้หรือไง?

เหมยเหมยยิ้มคิกคักให้ฉีฉีเก๋อก่อนจะหันหลังเดินตัวปลิวไปที่โรงเก็บจักรยาน แผ่นหลังอ้อนแอ้นนั่นทำเอาพวกเจิ้งเสวี่ยซานมองจนตาแทบลุกเป็นไฟ

เหมยเหมยใช้เวลาไม่มากสำหรับการเตรียมบทสุนทรพจน์ ความจริงไม่เขียนก็ไม่เป็นไรเพราะเธอมีประสบการณ์กล่าวสุนทรพจน์โดยฉับพลัน การกล่าวสุนทรพจน์แบบฉับพลันสิบนาทีไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอ แต่เตรียมล่วงหน้าสักหน่อยก็จะดูจริงใจกว่า

เพิ่งร่างบทพูเสร็จเหยียนหมิงซู่นก็โทรมาพอดี เดิมทีเขาไม่จำเป็นต้องออกไปทำภารกิจบ่อยครั้ง ทว่าเรื่องในครั้งนี้ท่าทางจะยุ่งยากเสียหน่อย เฮ่อเหลียนชิงเลยให้เขาไปด้วยตัวเองและดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับอาวุธ

“พี่หมิงซุ่น…” เหมยเหมยร่าเริงราวกับนกจาบฝน หัวคิ้วที่ย่นเป็นขดของเหยียนหมิงซุ่นถึงคลายลงบ้าง

เรื่องทางนี้ค่อนข้างเป็นปัญหาจริงจังจนเขาปวดหัวแทบแย่ อารมณ์หงุดหงิดเหลือเกินถึงได้โทรหาภรรยาตัวน้อยเพราะอยากได้ยินเสียงของเธอ

“ทำอะไรอยู่? เพื่อนใหม่เป็นอย่างไรบ้าง? มีใครรังแกเธอไหม?”

“ไม่เลยค่ะ ตอนนี้ฉันเก่งมากเลยนะใครกล้ารังแกฉัน พี่หมิงซุ่น ฉันจะบอกพี่ให้นะว่า…ฉันรู้จักเพื่อนใหม่คนหนึ่งล่ะ เธอชื่อฉีฉีเก๋อ กินเก่งเป็นพิเศษและเป็นคนตรงไปตรงมา เธอบอกว่าจะให้…”

เหมยเหมยเล่าเรื่องที่ฉีฉีเก๋อจะให้ลูกม้าแก่เธอเสียงเจื้อยแจ้ว พอเหยียนหมิงซุ่นได้ฟังประวัติความเป็นมาของเจ้าลูกม้าตัวน้อยเลยรู้ว่าฉีฉีเก๋อเป็นลูกใครแล้ว

คุณพ่อของฉีฉีเก๋อนั้นเป็นเจ้าของฟาร์มเลี้ยงสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดของทางมองโกลเลียในและเป็นผู้ฝึกม้าที่ยอดเยี่ยมที่สุด ม้าชั้นดีได้ถูกเลี้ยงดูจากมือเขานับไม่ถ้วนและม้าแข่งส่วนมากในประเทศก็มาจากฟาร์มของฉีฉีเก๋อ

ลูกม้าตัวน้อยนี้เขาเองก็รู้เช่นกัน อีกทั้งเขายังรู้ว่าเฮ่อเหลียนเช่อตั้งใจจะครอบครองลูกม้าตัวน้อยนี้ให้ได้เพราะหนิงเฉินเซวียนชื่นชอบม้า เฮ่อเหลียนเช่อตั้งใจจะซื้อลูกม้าตัวน้อยเป็นของขวัญวันคล้ายวันเกิดครบรอบหกสิบปีให้หนิงเฉินเซวียน

เฮ่อเหลียนชิงสั่งเขาไว้นานแล้วต้องจัดการฆ่าลูกม้าตัวน้อยนั่นให้ได้ จะปล่อยให้หนิงเฉินเซวียนได้ลูกม้าตัวนั่นไปไม่ได้เด็ดขาด

กลับคิดไม่ถึงว่าคนตั้งมากมายหวังอยากได้แต่เหมยเหมยของเขากลับได้มาครองโดยไม่ได้ตั้งใจ!

…………………………