เห็นได้ชัดเจนว่าช่องจิตของนางแตกสลายไปแล้ว จึงส่งผลให้แดนผลการฝึกตนลดลง ผลการฝึกตนเหลือเพียงระดับมหายุทธ์

หากช่องจิตของเทพมารธรรมดาทั่วไปแตกสลาย ผลสุดท้ายเทพมารคนดังกล่าวก็แทบจะอกสั่นขวัญหายและต้องตายอย่างแน่นอน แต่นางกลับสามารถมีชีวิตรอดต่อมาได้ แค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้เห็นแล้วว่าศักยภาพของนางไม่ธรรมดามาก ๆ

ช่องจิตแตกสลาย ซึ่งเทียบเท่ากับการตกลงมาจากบัลลังก์เทพ ไม่ว่าจะใช้ยาเซียนอะไรก็ไม่มีประโยชน์ มีเพียงอาศัยตบะของตัวเอง ฟื้นฟูให้ผลการฝึกตนค่อย ๆ กลับคืนมาทีละนิด

จากการตรวจสอบ ผลการฝึกตนของช่าจื่อเยียนสูญสิ้นไปโดยสิ้นเชิงอยู่ในสภาวะที่สิ้นกำลัง หลัวซิวก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดนางถึงปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เหตุใดนางถึงหายตัวไปนานเช่นนี้ และเพราะเหตุใดนางถึงไม่กลับไปที่สำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมิน?

และในเวลานี้เอง ภายในขอบเขตตัวสำนึกของหลัวซิวก็มีเงาดำสามสี่ร่างปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ความเร็วในการเคลื่อนที่ของคนเหล่านี้ไม่ช้า พวกเขาปรากฏอยู่ในสายตาเขาอย่างรวดเร็ว

“หื้ม? ภายในป่าลมสายฟ้านี้มีคนอยู่ด้วยอย่างนั้นหรือ?”

คนที่พูดคำนี้คือชายที่ผิวพรรณค่อนข้างดำคล้ำคนหนึ่ง ข้างกายเขายังมีชายอีกสามคน บนตัวต่างมีออร่าของผู้แข็งแกร่งแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์แผ่กระจายออกมา

หลัวซิวใช้ตัวสำนึกกวาดสำรวจไปทางทั้งสี่คนนั้น บนตัวทั้งสี่ไม่มีสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับสำนักเซียนไร้เจตสิกอต่อย่างใด พอจะเห็นได้เลยว่าทั้งสี่คนนี้ไม่ใช่ศิษย์ในสำนักเซียนไร้เจตสิกแต่อย่างใด

“พ่อหนุ่ม ส่งสตรีที่อยู่ในมือเจ้ามาให้พวกข้าได้หรือไม่?”ชายหนุ่มผิวดำคล้ำคนนั้นเห็นหลัวซิวกำลังประคองร่างช่าจื่อเยียนอยู่ เขาจึงขมวดคิ้วแล้วถาม

“ส่งให้พวกเจ้า?”

มีจิตจะฆ่าอันดุดันปรากฏในแววตาหลัวซิว เห็นเพียงเขายกฝ่ามือขึ้นมา ก็มีมังกรกระบี่ห้าตัวบินออกมาจากฝ่ามือเขา

“ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! ……”

สหายทั้งสามของชายหนุ่มผิวดำคล้ำถูกมังกรกระบี่รัดคอและตายไปในชั่วพริบตาเดียว ศีรษะระเบิดแตกจนเกิดเป็นหมอกเลือด

“เจ้า.…..”

ชายหนุ่มคนดังกล่าวนึกไม่ถึงเลยว่าหลัวซิวจะลงมือโจมตีโดยตรง และสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือสหายทั้งสามของตนถูกฆ่าในชั่วพริบตาเดียว ศักยภาพของไอ้หมอนี่ที่อยู่ตรงหน้าอยู่ระดับใดกันแน่?

มังกรกระบี่ห้าตัวบินวนอยู่รอบ ๆ ปิดกั้นทางหนีทุกทางของเขาไว้ ขอเพียงหลัวซิวใช้จิตนึกคิด เขาก็สามารถฆ่าคนดังกล่าวให้แหลกละเอียดเป็นฝุ่นผง

“พูดมา พวกเจ้าคือผู้ใด เหตุใดจึงไล่ล่านาง?”หลัวซิวถามด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น

ชายคนดังกล่าวไม่กล้าขัดขืน ก่อนจะเล่าต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้ออกมาอย่างละเอียด

พวกเขาทั้งสี่ไม่ใช่ผู้บำเพ็ญตนอิสระในกองกำลังใดทั้งนั้น เมื่อไม่นานมานี้พวกเขาทั้งสี่ร่วมมือกันฝึกฝนสั่งสมประสบการณ์อยู่ด้านนอก พร้อมทั้งตามหาสมบัติและทรัพยากรที่ใช้ในการฝึกตนด้วยกัน ก่อนจะบังเอิญพบกับช่าจื่อเยียนที่ได้รับบาดเจ็บ

ตอนนั้นพวกเขาพบเห็นภาพเหตุการณ์ที่ช่าจื่อเยียนหยิบยาออกมากินเพื่อใช้รักษาบาดแผล พบว่ายาที่นางกินมีคลื่นออร่าของกฎพลังเทพปรากฏลาง ๆ เห็นได้ชัดเจนเลยว่านั่นยาระดับเทพมาร

บวกกับพวกเขาพบว่าออร่าที่อยู่บนตัวช่าจื่อเยียนอ่อนแอ คลื่นพลังออร่าก็อยู่แค่ระดับมหายุทธ์ ดังนั้นจึงมีความโลภผุดขึ้นในจิตใจพวกเขา อีกสองคนยังเห็นว่าโฉมหน้าของนางงดงามมากจนเป็นฉนวนที่สามารถทำให้บ้านเมืองล่มสลายได้ จึงยิ่งมีความคิดชั่วอื่น ๆ ผุดขึ้นมา

แม้ผลการฝึกตนของช่าจื่อเยียนจะลดลง แต่ทว่าศักยภาพของนางกลับไม่ธรรมดา หลังจากที่ลงมือแล้วนางก็ไม่ได้สู้กับคนเหล่านี้ต่อ แต่เป็นการหนีตายตลอดทาง และบุกรุกเข้ามาในป่าลมสายไฟนี้อย่างไม่ได้ตั้งใจ

“สมควรตาย!”

หลังจากที่ถามเสร็จ หลัวซิวไม่ให้โอกาสคนดังกล่าวได้ขอร้องอ้อนวอนอะไรด้วยซ้ำ มังกรกระบี่ทั้งห้าพุ่งตรงลงมาจนดังสะเทือนเลื่อนลั่น ฆ่าคนสุดท้ายที่เหลือตายเป็นเถ้าธุลี

ภายในป่าลมสายฟ้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความอันตราย โชคดีที่ตัวเองพบเจอช่าจื่อเยียนก่อน มิเช่นนั้นหากนางได้พบเจอกับอสูรทมิฬกลุ่มนั้นอีกละก็ ผลที่ตามมาต้องหนักหนาสาหัสจนจินตนาการไม่ได้แน่นอน

หลังจากที่ผ่านไปพักหนึ่ง ช่าจื่อเยียนก็ค่อย ๆ ฟื้นขึ้นมา เมื่อนางลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นหน้าหลัวซิว ก็มีความขมขื่นเสี้ยวหนึ่งกระพริบผ่านไปในแววตานาง

พลางนึกในใจว่านางเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพมารขั้นสูงคนหนึ่ง แต่กลับถูกมหาจักรพรรดิยุทธ์สามสี่คนไล่ล่าจนจนตรอก และต้องหลบหนีเข้ามาในป่าลมสายฟ้าที่เต็มไปด้วยความอันตรายนี้อย่างควบคุมไม่ได้

“ผู้อาวุโส ท่านฟื้นแล้วหรือ”หลัวซิวเห็นว่านางฟื้นขึ้นมาแล้ว จึงอมยิ้มให้นางเล็กน้อย