บทที่ 1247 ปากโสโครก เจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังพูดอยู่กับผู้ใด

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,247 ปากโสโครก เจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังพูดอยู่กับผู้ใด

“ไม่ต้องตื่นเต้น ระหว่างพวกเราไม่เคยมีความแค้นกันมาก่อน”

หลินเป่ยเฉินกระชับกระบี่เพลิงโลกันตร์ในมือและค่อย ๆ ก้าวเดินออกไปข้างหน้า น้ำเสียงแข็งกร้าว รอยยิ้มเหยียดหยามปรากฏบนริมฝีปาก เขาเชิดหน้าขึ้นขณะกล่าวต่อ “แต่ข้าเห็นว่าเจ้ามีร่างกายราคาแพง หากชำรุดทรุดโทรมไปคงน่าเสียดายแย่ ดังนั้นข้าจึงหวังว่าเจ้าจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี จงยอมให้ข้าฆ่าตายง่าย ๆ เถอะนะ แล้วข้าจะทำให้เจ้าไม่ต้องทรมาน”

“ปากโสโครก เจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังพูดอยู่กับผู้ใด?”

ราชาหมาป่าศิลาก้มหน้ามองลงมาที่หลินเป่ยเฉินด้วยแววตาเย็นชาและอำมหิต รังสีสังหารแผ่ออกมาจากร่างกาย “เจ้ามนุษย์ผู้ต่ำต้อย ข้ารู้สึกได้ถึงพลังที่แปลกประหลาดในตัวเจ้า ให้ตายเถอะ สุดท้ายเจ้าก็เป็นหนึ่งในพวกเทพเจ้าจอมปลอมเหล่านั้น ช่างน่าเสียดายจริง ๆ”

หลินเป่ยเฉินปลดผนึกตำแหน่งเซียนกระบี่ของตนเอง ดังนั้นเขาจึงมีสถานะเป็นเทพเจ้าผู้หนึ่ง

และราชาหมาป่าศิลาตัวนี้เกลียดชังเทพเจ้าที่สุด

ไม่มีผู้ใดทราบเหตุผลที่แน่ชัด

บางทีอาจเป็นเพราะว่าเทพเจ้าไล่ล่าอสูรมาช้านานกระมัง?

แต่สำหรับคุณชายหลิน ไม่ว่าราชาหมาป่าศิลาจะโกรธจะเกลียดเขาเพียงใด นั่นก็ไม่มีผลต่อเขาเลย

เพราะราชาหมาป่าศิลาในสายตาของหลินเป่ยเฉิน เป็นเพียงซากสัตว์อสูรที่จะนำไปแลกเป็นคะแนนศรัทธาได้จำนวนมหาศาลเท่านั้น

“เลิกพูดมากแล้วรับกระบี่เถอะ”

หลินเป่ยเฉินยกกระบี่เพลิงโลกันตร์ในมือขึ้นตวัดฟาดฟันออกไป

วูบ!

กระบวนท่ากระบี่ที่สอง

รังสีกระบี่พุ่งตรงเข้าไปที่หว่างคิ้วและลำคอของราชาหมาป่าศิลา

เคร้ง! เคร้ง!

พลัน สะเก็ดไฟสาดกระจายในอากาศ

ราชาหมาป่าศิลายังคงยืนอยู่ที่เดิม

สะเก็ดไฟระเบิดตัวเบื้องหน้ามัน

พลาดเป้า?

รังสีกระบี่ของหลินเป่ยเฉินพลาดเป้าได้อย่างไร?

หรือว่าราชาหมาป่าศิลามีม่านพลังที่แข็งแกร่งมากพอที่จะต้านทานอานุภาพของหนึ่งในกระบวนท่าจากวิชากระบี่สิบเจ็ดคาบสมุทร?

หลินเป่ยเฉินตกตะลึงไม่น้อย

นี่คือครั้งแรกที่เขาเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้

อาศัยเพียงม่านพลังก็สามารถรับการโจมตีของเขาได้แล้ว

หัวใจของเด็กหนุ่มกระตุกวูบ

พรึ่บ!

เปลวไฟลุกโชนท่วมท้นกระบี่ในมือมากขึ้น

ในเมื่อโจมตีด้วยกระบวนท่าแรกไม่เป็นผล อย่างนั้นก็ต้องเพิ่มพลังศักดิ์สิทธิ์ใส่เข้าไปในกระบี่

หลินเป่ยเฉินถลันกายรวดเร็วยิ่งขึ้น

กระบวนท่ากระบี่ที่หก

คมกระบี่ถูกฟันออกไป

จุดแข็งของกระบวนท่ากระบี่ที่หกคือการต่อสู้ในระยะประชิด

ดังนั้นหลินเป่ยเฉินจึงไม่สนใจม่านพลังที่กำบังเบื้องหน้าของราชาหมาป่าศิลา เขากระโดดเข้าไปควงกระบี่ฟันใส่ในระยะเพียงไม่กี่วา

สีหน้าของราชาหมาป่าศิลาแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย

มันยกแขนขึ้น ใช้หลังมือรับกระบี่

กระบี่ที่ลุกโชนด้วยเปลวไฟแทงใส่หลังมือของมัน

เคร้ง!

เสียงโลหะกระทบกันดังกังวานเสียดหู

เปลวไฟลุกลามสู่หลังมือของราชาหมาป่าศิลาอย่างบ้าคลั่ง

ไม่ต่างจากสะเก็ดไฟพบเจอน้ำมัน

แต่ทันใดนั้น หลินเป่ยเฉินกลับรู้สึกได้ถึงพลังดีดสะท้อนอย่างรุนแรง

ตัวเขาลอยกระเด็นกลับออกมา

เชี่ยเอ๊ย!

เด็กหนุ่มลอบสบถอยู่ในใจ

ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากว่าพวกของซวีเหิงจะลงมือ ทำไมถึงได้รวบรวมพลังนานขนาดนั้น เพราะการโจมตีของราชาหมาป่าศิลาเพียงกระบวนท่าเดียว ก็เพียงพอที่จะส่งพวกเขาไปเกิดใหม่ได้แล้ว

ราชาหมาป่าศิลาตัวนี้คือคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เขาเคยพบเจอ นับตั้งแต่ที่หลินเป่ยเฉินทะลุมิติมาจากชาติภพที่แล้ว

โชคดีที่เขาบรรลุขอบเขตอัคคีเทวะได้เรียบร้อย…

เดี๋ยวก่อนนะ?

จังหวะที่ทิ้งตัวกลับลงมายืนอยู่บนพื้นดิน หลินเป่ยเฉินก็เบิกตาโพลง

ตุบ!

นี่แตกต่างจากสิ่งที่เขาจินตนาการเอาไว้

เพราะเขาเห็นกับตาว่าเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ของตนเองลามขึ้นไปลุกไหม้อยู่บนหลังมือของราชาหมาป่า แต่ทันใดนั้น เปลวไฟกลับหยุดชะงัก ก่อนที่พวกมันจะสลายกลายเป็นเพียงหมอกควันสายหนึ่ง

สิ่งสำคัญคือเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ของหลินเป่ยเฉินดับมอดไปแล้ว

“ข้าไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มานานแล้ว…”

ราชาหมาป่าศิลาจ้องมองหลังมือของตนเอง มันรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดแสบร้อนขณะกล่าวว่า “ความรู้สึกเจ็บปวดเช่นนี้… ฮ่า ๆ น่าเสียดายที่เจ้าฆ่าข้าไม่ได้ เจ้ามีคุณสมบัติดีพอ เสียแต่ว่าขั้นพลังของเจ้าต่ำต้อยมากเกินไป”

กล่าวจบ ร่างของมันก็เคลื่อนไหวพุ่งวาบ

หลินเป่ยเฉินรู้สึกเหมือนกับมีมวลดอกไม้บานสะพรั่งขึ้นเบื้องหน้า

สัญชาตญาณแจ้งเตือนว่ามีอันตรายใหญ่หลวงกำลังคุกคามเข้ามา

“กำแพงวายุ”

เขาควงกระบี่ไฟสร้างกำแพงแห่งสายลม

ในเวลาเดียวกันนี้ หลินเป่ยเฉินก็ล่าถอยอย่างรวดเร็ว

วูบ!

ร่างของราชาหมาป่าศิลาสามารถทะลุผ่านกำแพงวายุเข้ามาได้อย่างง่ายดาย

หลินเป่ยเฉินเตรียมตัวตั้งรับอยู่ก่อนแล้ว แต่ถึงกระนั้น เมื่อกรงเล็บหมาป่าพุ่งเข้ามา เขาก็ทำได้เพียงยกกระบี่ขึ้นปัดป้องอย่างทุลักทุเล

เปรี้ยง!

มวลพลังกระแทกเข้าใส่เด็กหนุ่มอย่างหนักหน่วง

สองแขนของหลินเป่ยเฉินชาหนึบขึ้นมาในทันใด

เด็กหนุ่มลอยกระเด็นไปด้านหลังไม่ต่างไปจากว่าวที่สายป่านขาด

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

เมื่อร่างกระแทกลงสู่พื้นดิน ไม่รู้เลยว่าหลินเป่ยเฉินกลิ้งกระเด็นไปกระแทกเสาหินล้มระเนระนาดไปอีกกี่ต้น สุดท้ายตัวของเขาก็จมลึกลงไปในหลุมกว้างขนาดใหญ่…

เหตุการณ์เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?

เท่าที่ผ่านมา การต่อสู้ส่วนใหญ่ผู้ที่จะตกอยู่ในสภาพนี้ล้วนแต่เป็นคู่ต่อสู้ของหลินเป่ยเฉินทั้งสิ้น แล้วเหตุไฉนวันนี้ถึงกลายเป็นตัวเขาเสียเองเล่า?

“แค่ก ๆ…”

หลังจากนั้นไม่กี่ลมหายใจ เด็กหนุ่มก็ปีนกลับขึ้นมาจากหลุมลึกพร้อมกับคายเศษดินเศษทรายออกมาจากปาก

ได้ยินเสียงเห่าหอนของฝูงหมาป่าดังขึ้นมาจากใต้ดิน

เมื่อสักครู่ หลินเป่ยเฉินตกลงมากระแทกกับปากทางเข้ารังของพวกอสูรหมาป่าพอดี

จังหวะนั้น หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกว่ามีอสูรหมาป่าตัวหนึ่งวิ่งออกมางับก้นของเขา เจ้าอสูรหมาป่าตัวนั้นขู่คำรามในลำคอพร้อมกับสะบัดศีรษะ พยายามจะกระชากชิ้นเนื้อให้หลุดออกไปจากก้นของหลินเป่ยเฉิน…

โชคดีที่ร่างกายของเด็กหนุ่มผ่านการฝึกฝนวิทยายุทธ์มาอย่างหนักหน่วง

คมเขี้ยวอสูรหมาป่าธรรมดาจึงไม่สามารถกัดทะลุเนื้อหนังของเขาได้

พรึ่บ!

เปลวไฟลุกโชนสว่างไสวอีกครั้ง

อสูรหมาป่าตัวที่งับก้นของหลินเป่ยเฉินพลันถูกเปลวไฟเผาไหม้สลายกลายเป็นเถ้าถ่าน

หลงเหลือเพียงผงกระดูกสีดำปี๋เท่านั้น

เมื่อหลินเป่ยเฉินอ้าปากออก เขาก็กระอักเลือดออกมาคำใหญ่

หลินเป่ยเฉินจ้องมองไปที่ราชาหมาป่าศิลา เขาสูดหายใจลึก ๆ พยายามปรับระดับพลังของตนเองขณะกัดฟันพูดว่า “เจ้าหมาขี้เรื้อน… แข็งแกร่งเหลือเกินนะ ที่นี่คงมีแต่อุจจาระดี ๆ ให้กินกระมัง?”