บทที่ 1248 หรือว่าเขาเป็นนายน้อยของพวกเจ้า

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,248 หรือว่าเขาเป็นนายน้อยของพวกเจ้า

“ยังปากดีอยู่อีกหรือ?”

ดวงตาของราชาหมาป่าเป็นประกายเย็นชาและคุกคาม “ถ้าอย่างนั้น ก็จงรับมือการโจมตีของข้า”

มันเคลื่อนไหวร่างกายพุ่งเข้ามาหาหลินเป่ยเฉินอีกครั้ง

ด้วยความเร็วราวกับสายฟ้าฟาด

ครั้งนี้ หลินเป่ยเฉินเตรียมตัวรับมืออยู่ก่อนแล้ว

“วิชาเวทมนตร์ เถาวัลย์สายฟ้า!”

หลินเป่ยเฉินยึดกุมกระบี่ด้วยสองมือ พลางร้องตะโกนออกไปเสียงดังฟังชัด

เมื่อใช้วิชาเวทมนตร์ออกมา เถาวัลย์เหล่านั้นก็พุ่งพรวดขึ้นมาจากใต้พื้นดินในลักษณะที่มีเปลวไฟลุกท่วม และพวกมันก็พุ่งโจมตีใส่ราชาหมาป่าศิลาด้วยความรวดเร็วยิ่ง…

ดังนั้นราชาหมาป่าศิลาจึงไม่อาจหลบหนีได้อีก

มันถูกเถาวัลย์เหล่านั้นรัดพันตลอดร่างกาย

ห่างไกลออกไป

พวกของเฉียนหลงทั้งสามคนที่อยู่นอกเมืองก็อดส่งเสียงโห่ร้องออกมาไม่ได้เมื่อเห็นเช่นนี้

คิดไม่ถึงเลยว่าคุณชายปริศนาท่านนี้จะมีไพ่เด็ดอยู่ในมือ

“ฮ่า ๆ…”

หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างผู้ชนะ

โชคดีที่เขาคาดเดาเหตุการณ์ได้ทะลุปรุโปร่ง ดังนั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมา หลินเป่ยเฉินจึงเปิดใช้งานแอปเถาวัลย์สายฟ้าซึ่งเป็นวิชาที่เขาฝึกฝนมาโดยตลอด

เพราะวิชานี้จะมีประโยชน์สูงสุดก็ต่อเมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่มีความเร็วสูง

แต่ที่สำคัญก็คือเมื่อผนวกพลังปราณธาตุไฟใส่เข้าไป เถาวัลย์สายฟ้าเหล่านี้ก็จะลุกไหม้ และยิ่งมีความอันตรายเพิ่มขึ้นไปอีก

เมื่อถูกเถาวัลย์สายฟ้าที่มีเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์รัดพันร่างกาย ผู้ที่จะรอดชีวิตได้ก็ต้องมีผิวหนังห่อหุ้มร่างกายหนาสามถึงสี่ชั้นขึ้นไปเท่านั้น

สมแล้วที่เป็นวิชาเวทมนตร์ระดับสอง…

เอ๊ะ?

เดี๋ยวก่อนนะ วิชาเวทมนตร์ระดับสองอย่างนั้นหรือ?

เมื่อหลินเป่ยเฉินนึกได้ถึงตรงนี้ เขาก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติ

วิชาเวทมนตร์ระดับสอง…

จะสามารถจัดการกับสัตว์อสูรที่มีพลังเทียบเท่าขั้นยอดนักรบเทวะได้หรือไม่?

ระหว่างที่หลินเป่ยเฉินเกิดคำถามนี้ขึ้นในใจ กรงเล็บหมาป่าก็แทงทะลุออกมาจากภายใต้เถาวัลย์อัคคี ทำให้ดวงตาของคุณชายหลินเบิกโตด้วยความไม่อยากเชื่อ

ผึ่ง!

ได้ยินเหมือนเสียงสายยางถูกตัดขาด

ร่างของหลินเป่ยเฉินลอยกระเด็น

มือขวาของเขากำกระบี่เพลิงโลกันตร์ไม่ยอมปล่อย ในขณะที่ตัวคนลอยกระเด็นออกมาเสมือนกับกระสอบป่านเก่าขาดใบหนึ่ง

โลหิตสาดกระจายเต็มท้องฟ้า

“แม่งเอ๊ย…”

หลินเป่ยเฉินสบถคำหยาบออกมา

ครั้งนี้คู่ต่อสู้แข็งแกร่งมากเกินไป

ไม่ว่าใช้วิชาใดก็ไม่ได้ผล

ที่ด้านนอกเมือง

พวกของเฉียนหลงทั้งสามคนเมื่อสักครู่ยังโห่ร้องด้วยความดีใจ แต่มาบัดนี้ พวกเขาต่างก็รีบกระโดดหลบซ่อนตัวอยู่หลังก้อนหินใหญ่ ด้วยความเกรงกลัวว่าจะถูกราชาหมาป่าศิลาพบเจอ

“รอก่อน หากคุณชายถูกฆ่าตายเมื่อไหร่ พวกเราค่อยรีบหนี”

เฉียนหลงลดเสียงลงกระซิบแผ่วเบา “นี่ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่ซื่อสัตย์ แต่เป็นเพราะศัตรูแข็งแกร่งมากเกินไป”

หวังจ้านกับเสี่ยวป๋อรีบพยักหน้าเห็นด้วยกับเจ้านายของตนเอง

ด้านในตัวเมือง

หลินเป่ยเฉินลุกขึ้นยืนโงนเงนบนพื้นดิน

โลหิตไหลทะลักออกมาจากปาก

เมื่อก้มมองแขนซ้ายที่ขาดหายไป เขาก็ต้องกัดฟันกรอด

นี่คือครั้งแรกที่เขาบาดเจ็บหนักถึงเพียงนี้

ให้ตายสิ

ซวีเหิงบอกว่าเมื่อพาสหายร่วมรบทั้งสามคนไปถึงพื้นที่ปลอดภัยแล้ว ก็จะรีบกลับมาช่วยเหลือเขาไม่ใช่หรือ?

แล้วทำไมถึงยังไม่โผล่หัวมาอีก?

หมอนั่นหนีไปแล้วใช่หรือไม่?

อุตส่าห์หลงชื่นชมว่าเป็นวีรบุรุษตัวจริง แต่ที่ไหนได้ ธาตุแท้กลับเป็นสุนัขตาขาว กลัวตายเหมือนกันสินะ?

ในเวลาเดียวกันนี้

ราชาหมาป่าศิลาใช้เวลาเพียงไม่นาน ก็สามารถปลดพันธนาการจากเถาวัลย์สายฟ้าได้สำเร็จ และเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์จากพลังอัคคีเทวะของหลินเป่ยเฉินก็ทำได้เพียงเผาไหม้ขนบนลำตัวของมันไปเพียงไม่กี่เส้นเท่านั้น

“นับว่าเจ้ามีพลังร้ายกาจไม่เบา”

ราชาหมาป่าศิลากล่าวด้วยน้ำเสียงเสียใจ “แต่น่าเสียดายที่เจ้าไม่รู้จักการควบคุมพลัง… เจ้าอ่อนแอเกินกว่าที่จะครอบครองพลังเช่นนี้”

“เฮอะ”

หลินเป่ยเฉินกระอักเลือดออกมาจากปากอีกครั้ง

แบบนี้มันดูถูกกันซึ่งหน้าเลยนี่หว่า

เด็กหนุ่มพยายามรวบรวมพลังศักดิ์สิทธิ์ในร่างกายและใช้พลังปราณธาตุไฟรักษาแขนข้างที่ถูกตัดขาดออกไป

พลัน ตอแขนของเขามีเปลวไฟลุกโชน

เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น แขนซ้ายข้างใหม่ก็งอกยาวออกมาด้วยผิวพรรณที่เรียบเนียน ปราศจากริ้วรอยขีดข่วนและบาดแผลฉกรรจ์

มิหนำซ้ำ ยังอุดมด้วยกล้ามเนื้อแข็งแกร่งสมสัดส่วนอีกด้วย

เขาสามารถกลับมาถือกระบี่เพลิงโลกันตร์ด้วยสองมืออีกครั้ง

ข้อดีของการเป็นเทพเจ้าก็คือ หากไม่ได้โดนโจมตีใส่จุดสำคัญของร่างกายเช่นหัวใจหรือศีรษะ ต่อให้ได้รับบาดเจ็บอย่างไรก็ไม่ถึงขั้นเสียชีวิต หรือต่อให้แขนขาดขาขาด ก็สามารถงอกคืนกลับมาใหม่ได้เสมอ

แม้ว่ามันจะเผาผลาญพลังศักดิ์สิทธิ์ไปไม่น้อยก็ตาม

ราชาหมาป่าศิลาส่ายศีรษะด้วยความเหยียดหยาม “เมื่อพลังศักดิ์สิทธิ์ในตัวเจ้าหมดลง นั่นก็จะเป็นเวลาตายของเจ้าแล้ว… วิธีการเช่นนี้ไม่ได้ทำให้ข้าประหลาดใจ แต่กลับทำให้ข้าสมเพชเวทนาเจ้ามากขึ้น”

ขาดคำ

วูบ!

ร่างของมันก็เคลื่อนไหวอีกครั้ง

เปรี้ยง!

หลินเป่ยเฉินถูกมวลพลังกระแทกเข้าใส่

โลหิตสาดกระจาย

ม่านหมอกเลือดแผ่ปกคลุมในอากาศ

ปรากฏว่าแขนข้างใหม่ของเขาถูกตัดขาดสะบั้นไปเป็นครั้งที่สอง

และแขนขวาก็เกือบถูกตัดขาดไปเช่นกัน

พลั่ก!

กรงเล็บหมาป่ากระแทกใส่หน้าอกของเขา

กร็อบ! กร็อบ!

ได้ยินเสียงกระดูกแตกหัก

กระดูกหน้าอกของหลินเป่ยเฉินยุบตัวลงไป

และกระดูกที่แตกหักของเขาก็ทิ่มทะลวงอวัยวะภายในราวกับคมมีด

ราชาหมาป่าศิลารั้งมือกลับมาและม้วนตัวตีลังกากลับไปยืนอยู่ที่เดิม

ในอากาศ ร่างที่อยู่ในสภาพสะบักสะบอมของหลินเป่ยเฉินค่อย ๆ ร่วงหล่นกระแทกพื้นดินอย่างเชื่องช้า

ห่างไกลออกไป

ด้านหลังก้อนหินใหญ่นอกเมือง

เฉียนหลงและองครักษ์เมื่อเห็นเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ ดวงตาของพวกเขาก็แทบถลนออกนอกเบ้า

“คุณชายแย่แล้ว”

“ใช่แล้วขอรับ ปล่อยไว้เช่นนี้คุณชายตายแน่ พวกเราเข้าไปช่วยเหลือเขาดีหรือไม่?”

หวังจ้านกับเสี่ยวป๋อกระซิบถาม

“พวกเจ้าพูดอะไรออกมา?”

เฉียนหลงมององครักษ์ทั้งสองคนด้วยสีหน้าแปลกประหลาด “พวกเราจะเอาอะไรไปช่วยเขา? คุณชายหน้าโง่คนนั้นมีอันใดเกี่ยวข้องกับพวกเรา? หรือว่าเขาเป็นนายน้อยของพวกเจ้า?”

หวังจ้านกับเสี่ยวป๋อพูดอะไรไม่ออก

นายน้อยของพวกเขายังคงเป็นนายน้อยคนเดิมจริง ๆ

พลั่ก!

หลินเป่ยเฉินตกลงไปกระแทกพื้นดิน

จังหวะที่ตัวเขาตกกระแทกพื้น แขนข้างใหม่ก็งอกกลับคืนมาแล้ว

เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์เผาไหม้อย่างดุเดือด

“เกิดมาสองชาติ ยังไม่เคยมีใครทำข้าบอบช้ำขนาดนี้มาก่อน”

หลินเป่ยเฉินใบหน้ากระตุกด้วยความโกรธแค้น “เจ้าคิดหรือว่าข้าจะมีฝีมือเพียงเท่านี้?”

พลังอัคคีเทวะลุกโชน

หลินเป่ยเฉินยังคงเหลือท่าไม้ตายสำคัญ

ครั้งนี้ สิ่งที่เขากำลังจะใช้ก็คือวิชาเวทมนตร์เพลิงดับสูญที่ได้มาจากจางรั่วหลิน

มันเป็นเคล็ดวิชาที่ช่วยทำให้พลังการโจมตีของเขารุนแรงมากกว่าเดิมถึงสี่เท่า

ลักษณะการทำงานของวิชาเพลิงดับสูญคล้ายคลึงกับวิชาโลหิตกระชากวิญญาณ กล่าวคือ แม้มันจะช่วยเพิ่มพลังให้เขาได้ในระยะเวลาจำกัด แต่พลังที่เพิ่มขึ้นมาก็เพียงพอที่จะใช้โค่นล้มคู่ต่อสู้ได้แล้ว

เปลวไฟสีแดงเพลิงยังคงลุกโชนขึ้นมาจากร่างกายของหลินเป่ยเฉิน

จิตสังหารของเขาพุ่งทะยานแรงกล้า