บทที่ 1249 ร่างที่สอง

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,249 ร่างที่สอง

“ตายซะเถอะ!”

หลินเป่ยเฉินระเบิดพลังออกมาอีกครั้ง

เมื่อใช้วิชาเวทมนตร์เพลิงดับสูญ หลินเป่ยเฉินก็มีพลังพุ่งสูงมากกว่าเดิมถึงสี่เท่า รัศมีความร้อนจากเปลวไฟในร่างกายของเขาแผ่ปกคลุมไปทั่วเมืองร้างกลางทะเลทราย

เด็กหนุ่มใช้ออกไปด้วยกระบวนท่ากระบี่ที่หนึ่งและกระบวนท่ากระบี่ที่สอง

ขณะนี้ ราชาหมาป่าอสูรไม่กล้าประมาทอีกต่อไป

รัศมีคุกคามจากกระบี่เพลิงโลกันตร์ที่ใช้ออกมาด้วยท่วงท่าวิชากระบี่สิบเจ็ดคาบสมุทร ซึ่งบัดนี้มีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะทำอันตรายมันได้แล้ว

กระโดดหลบ

ร่างของราชาหมาป่าศิลาเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด

มันมีความรวดเร็วน่าหวาดกลัว

การโจมตีของหลินเป่ยเฉินจึงพุ่งเข้าใส่ก้อนหินและพื้นดินเท่านั้น

หลินเป่ยเฉินพยายามรั้งกระบี่กลับมา

ครืน!

ทันใดนั้น ก้อนหินขนาดใหญ่ที่มีความสูงเท่ากับตึกสามชั้นพลันถูกโยนเข้ามาหาหลินเป่ยเฉินจากทางด้านหน้าและด้านหลัง

“ฝันไปเถอะ”

หลินเป่ยเฉินส่งเสียงคำราม ถือกระบี่ด้วยสองมือตวัดฟันฉับ

ด้วยกระบวนท่ากระบี่ที่สาม

คมกระบี่สาดประกายในอากาศ

เปลวไฟลุกโชนร้อนแรง

ก้อนหินใหญ่ทั้งสองก้อนถูกผ่าครึ่ง สะเก็ดไฟสาดกระจาย พื้นผิวที่ถูกตัดขาดมีความเรียบเนียนยิ่งกว่าแผ่นกระจก หลังจากนั้น เปลวไฟสีแดงเพลิงก็ลุกโชน กว่าที่ก้อนหินทั้งสองก้อนนั้นจะตกกระทบพื้นดิน พวกมันก็ละลายกลายเป็นหินเหลวร้อนฉ่าไปหมดสิ้น

ราชาหมาป่าศิลาซ่อนตัวอยู่หลังก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่ง มันอาศัยจังหวะนี้พุ่งออกมาโจมตีใส่หลินเป่ยเฉินอย่างต่อเนื่อง

“ออกมาก็ดีแล้ว ข้ากำลังรอเจ้าอยู่พอดี”

หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความสะใจ

กลยุทธ์แอบซ่อนตัวและใช้ก้อนหินเหล่านี้ออกมาเบี่ยงเบนความสนใจ ราชาหมาป่าศิลาใช้ได้ผลมานับครั้งไม่ถ้วนกับเทพเจ้าผู้อื่น แต่สำหรับกับหลินเป่ยเฉินที่เคยดูซีรีส์แนวกำลังภายในมานับไม่ถ้วน มีหรือที่เขาจะหลงกลลูกไม้ตื้น ๆ เช่นนี้?

กระบี่ในมือของเขาฟาดฟันต่อเนื่อง

กระบวนท่ากระบี่ที่แปด

กระบวนท่าใหม่ล่าสุดที่เพิ่งฝึกฝน

รังสีกระบี่สาดพุ่งออกมาจากปลายนิ้วมือของหลินเป่ยเฉิน

หากมีผู้คนในโลกยุคปัจจุบันเห็นภาพนี้ นี่แทบไม่ต่างจากการยิงลำแสงเลเซอร์อย่างน่าตื่นตาตื่นใจใส่ราชาหมาป่าศิลาผู้ร้ายกาจ

ลำแสงกระบี่ถูกยิงใส่ใบหน้าของมัน

ทันใดนั้น ร่างกายอันใหญ่ยักษ์ของราชาหมาป่าศิลาก็ลุกโชนด้วยเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์

“อุ๊วะฮ่า ๆๆ…”

หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “หมาขี้เรื้อน อบอุ่นดีหรือไม่?”

นี่คือกระบวนท่าเผด็จศึกของเขา

นี่คือกระบวนท่าแห่งชัยชนะ

หากเป็นในซีรีส์แนวกำลังภายในที่เขาเคยดู นี่ก็ถึงตอนที่พระเอกจะได้รับชัยชนะในที่สุด

แต่หลินเป่ยเฉินยังไม่หยุดเพียงเท่านี้

เขารู้ดีว่าความประมาทสามารถชักนำเภทภัยมาสู่ตนเองได้มากเพียงใด ดังนั้นเขาจึงยิงลำแสงกระบี่ใส่ราชาหมาป่าศิลาอย่างต่อเนื่อง

ส่งผลให้ราชาหมาป่าลอยกระเด็นไปด้านหลัง

ตู้ม!

ร่างกายใหญ่ยักษ์จมหายลงไปใต้พื้นดิน

เปลวไฟและลำแสงกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนถูกยิงลงมาจากกลางอากาศ เป้าหมายยังคงอยู่ที่ร่างกายของราชาหมาป่าศิลาตัวนั้น

ห่างไกลออกไป

บนก้อนหินใหญ่นอกเมืองร้าง

เฉียนหลงกระโดดขึ้นมาด้วยความดีใจ

“ให้ตายสิ ไม่เสียทีที่เป็นคุณชายผู้กล้าหาญ เขาช่างทรงพลังเหลือเกิน ข้าคิดอยู่แล้วว่าเขาต้องไม่พ่ายแพ้เด็ดขาด”

เฉียนหลงปรบมือด้วยความชื่นชม

หวังจ้านกับเสี่ยวป๋อได้แต่หันมองหน้ากัน

นายน้อยของพวกมันช่างตลบตะแลงเหลือเกิน

เมื่อสักครู่ ยังบอกว่าตนเองไม่มีอันใดข้องเกี่ยวกับคุณชายผู้กล้าหาญท่านนั้นอยู่เลยไม่ใช่หรือ?

บัดนี้ กลับมามีความจงรักภักดีอีกแล้ว?

“ไปเถอะ พวกเรารีบเข้าไปช่วยคุณชายกันดีกว่า”

เฉียนหลงพูดออกมาด้วยความกระตือรือร้น “ในฐานะผู้ติดตามที่ซื่อสัตย์ ถ้าพวกเรายื่นมือเข้าไปช่วยเหลือยามวิกฤต คุณชายจะต้องประทับใจมากแน่ ๆ พวกเจ้าว่าจริงหรือไม่?”

เพียงพูดจบ

ในตัวเมืองร้างก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว

เป็นจังหวะเดียวกับที่ร่างของราชาหมาป่าศิลาลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าและปลดปล่อยพลังกดดันออกมาอย่างเกรี้ยวกราด เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์บนตัวมันถูกดับแทบหมดสิ้น และบัดนี้ ราชาหมาป่าศิลาก็กำลังแผดเสียงคำรามออกมาอย่างน่าหวาดกลัวมากกว่าเดิมหลายเท่า

พลั่ก!

ราชาหมาป่าศิลาต่อยหมัดออกมาข้างหน้า

หลินเป่ยเฉินที่ไม่ทันตั้งตัวถูกต่อยลอยกระเด็นออกไป

เมื่อเห็นดังนั้น เฉียนหลงก็รีบกระโดดกลับเข้าที่ซ่อนตัวทันที

“ข้ารู้สึกเหมือนตนเองจะเป็นลม”

เขาหมอบอยู่หลังก้อนหินใหญ่และกล่าวว่า “ฮ่า ๆๆ ดีนะเนี่ยที่เมื่อสักครู่ไม่ได้ใจร้อนผลีผลามเข้าไป ไม่งั้นคงได้ตายกลายเป็นผีเฝ้าทะเลทรายไปแล้ว…”

หวังจ้านกับเสี่ยวป๋อพูดอะไรไม่ออก

ไม่เป็นไร

เฉียนหลงเป็นนายน้อยของพวกเขา และนายน้อยย่อมพูดถูกเสมอ!!

หลินเป่ยเฉินลุกขึ้นมายืนโงนเงนบนพื้นดิน

ดวงตาเห็นดวงดาวระยิบระยับ

ในเวลาเดียวกันนี้

ชุดเกราะที่ราชาหมาป่าศิลาสวมใส่อยู่บนตัวก็สลายหายไป

ผิวหนังของมันถูกเปลวไฟเผาไหม้จนกลายเป็นสีดำ

กลิ่นของเนื้อไหม้ไฟจนสุกได้ที่ลอยมาตามสายลม กล้ามเนื้อบนใบหน้าของมันถูกเผาไหม้ไปครึ่งหนึ่ง ทำให้ดูอัปลักษณ์และน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง…

ร่างกายของมันยังคงมีเปลวไฟลุกโชนอยู่เล็กน้อย

สภาพบาดเจ็บยับเยิน

แต่กลับยังไม่เสียชีวิต

หลินเป่ยเฉินสะบัดศีรษะไล่ความมึนงง

เขาเตรียมตัวใช้กระบวนท่ากระบี่ที่แปดออกไปอีกครั้ง

แต่ทันใดนั้น เด็กหนุ่มก็ได้ยินเหมือนเสียงงูลอกคราบดังออกมาจากร่างกายของราชาหมาป่าศิลา แล้วผิวหนังกับเนื้อที่ไหม้เกรียมเหล่านั้นก็ค่อย ๆ หลุดร่วงลงมาจากร่างกายของมัน

โลหิตสีแดงไหลย้อมลำตัวของราชาหมาป่าศิลา

กล้ามเนื้อและผิวหนังเริ่มเติมเต็มกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนสามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า

ราชาหมาป่าศิลาสามารถฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น ไม่ต่างไปจากความสามารถพิเศษของพวกซูเปอร์ฮีโร่ในหนังสือการ์ตูน

หลินเป่ยเฉินตกตะลึงพรึงเพริด

เขารีบเรียกสติของตนเองกลับคืนมาโดยเร็ว

“ย๊ากกก…”

หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงคำรามออกมาอีกครั้ง

นี่คือร่างที่สองของราชาหมาป่าศิลา

ข้อมูลจากแอปความรู้คู่ปัญญาได้แจ้งเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า ราชาหมาป่าศิลาจะมีอยู่ด้วยกันสองร่าง

ร่างมนุษย์หมาป่าคือร่างแรก

ส่วนร่างอสูรหมาป่าคือร่างที่สอง

ต่อให้ใช้ปลายนิ้วเท้าคิดแทนสมอง ไม่ว่าผู้ใดก็ต้องทราบว่าร่างที่สองย่อมมีความแข็งแกร่งมากกว่าร่างแรก

และร่างของราชาหมาป่าศิลาที่อยู่เบื้องหน้าหลินเป่ยเฉินในขณะนี้ นอกจากมันจะดูแข็งแรงดีดังเดิมแล้ว…

มันยังดูน่ากลัวมากกว่าเดิมอีกด้วย!!

ร่างอสูรซ่อนอยู่ภายใต้ผิวหนังมนุษย์ ขนทั่วตัวของมันกลายเป็นสีแดง กล้ามเนื้อปูดโปนตลอดทั้งร่าง ดวงตาแดงก่ำ เขี้ยวขาววับ กรงเล็บเป็นประกายแวววาวราวกับถูกทำขึ้นมาจากเหล็กกล้าและทองคำศักดิ์สิทธิ์…

พลังกดดันแผ่ออกมาอย่างหนาแน่น

เมื่อเจอมวลพลังกดดันของราชาหมาป่าศิลาระลอกนี้เข้าไป เปลวไฟที่ลุกโชนอยู่ทั่วตัวหลินเป่ยเฉินก็แทบจะดับวูบลงแล้ว

หลังปลดผนึกร่างที่สองของตนเองออกมา ราชาหมาป่าศิลาก็มีความดุร้ายและแข็งแกร่งมากกว่าเดิมหลายเท่า

เมื่อได้เผชิญหน้ากัน หลินเป่ยเฉินก็รู้แล้วว่าเพราะเหตุใด ราชาหมาป่าศิลาถึงถูกยกย่องให้เป็นยอดสัตว์อสูรที่อยู่จุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร เพราะเมื่ออีกฝ่ายระเบิดพลังกดดันออกมา หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกหนักอึ้งคล้ายกับถูกภูเขาทั้งลูกกดทับลงมา ทำให้เขาแทบจะต้องคุกเข่าลงไปบนพื้นดินแล้ว

กระดูกตลอดร่างกายของเด็กหนุ่มส่งเสียงดังเปรี๊ยะปร๊ะ จนแทบจะรับพลังกดดันเหล่านี้ไม่ไหวอีกต่อไป…

“คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่ามดปลวกเช่นเจ้าจะทำให้ข้าต้องปลดผนึกร่างที่สองออกมา… น่าเสียดายที่ร่างแรกซึ่งข้าต้องใช้เวลาหลอมรวมพลังมาเนิ่นนาน กลับต้องมาแตกสลายไปเพราะเจ้า”

ราชาหมาป่าศิลากล่าวด้วยเสียงเย็นชา ลักษณะท่าทางออกจะโกรธแค้นอยู่ไม่เบา

ดวงตาแดงก่ำเป็นประกายวาวโรจน์กวาดมองตลอดร่างกายของหลินเป่ยเฉิน

ผมทุกเส้นบนศีรษะของหลินเป่ยเฉินพลันลุกชันขึ้นมา

นี่มัน…

ช่องว่างของขั้นพลังถูกขยายออกไปอีกครั้ง

วิชาเพลิงดับสูญไม่มีประโยชน์อีกแล้ว

หลินเป่ยเฉินลองชั่งน้ำหนักอยู่ในใจ

เขาจะสู้ต่อไปดีหรือไม่?

เขาจะดึงราชาหมาป่าตัวนี้เข้าไปในอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ดีหรือไม่?

แต่เขากำลังอยู่ในการแข่งขันซึ่งจัดขึ้นโดยสภาเทพเจ้า ที่นี่ไม่ใช่หุบผาอเวจี ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมีเทพเจ้าคอยสังเกตการแข่งขันอยู่แน่นอน และหากใช้พลังออกไป กลุ่มเทพเจ้าก็อาจจะค้นพบว่าเขาใช้วิชาห้าธาตุหลอมวิญญาณซึ่งเป็นวิชาต้องห้าม และเมื่อถึงตอนนั้น ทุกอย่างก็คงไม่สนุกอีกแล้ว

“เอ่อ หากข้าจะบอกว่าก่อนหน้านี้ พวกเราเพียงเข้าใจผิดกันมาตลอด เจ้าจะเชื่อหรือไม่?”

หลินเป่ยเฉินพยายามปั้นหน้ายิ้มแย้มอย่างเป็นมิตร

เฮ้อ เรานี่โง่จริง ๆ

เขาไม่นึกไม่ฝันเลยว่าวันหนึ่งตนเองจะหน้ามืดตามัวเพราะเงินทองจำนวนมหาศาล

หลินเป่ยเฉินเอาแต่คิดว่าราชาหมาป่าศิลาตัวนี้มีมูลค่าเป็นคะแนนศรัทธาถึงห้าพันล้านแต้ม

ดังนั้นเขาจึงลืมคิดไปโดยปริยายว่ามันคุ้มค่ากับการเสี่ยงตายหรือไม่

ครั้งนี้ นับว่าเขาวู่วามเกินไปแล้วจริง ๆ

“เข้าใจผิดอย่างนั้นหรือ?”

ราชาหมาป่าศิลาระเบิดเสียงหัวเราะแผ่วเบา “เจ้าคิดว่าอย่างไร?”

“ข้าต้องขออภัยเป็นอย่างสูง”

หลินเป่ยเฉินประสานมือค้อมคำนับและกล่าวต่อ “ข้าไม่คิดอยู่รบกวนอีก ลาก่อน”

พูดจบ เขาก็หมุนตัว เดินออกมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ตู้ม!

ทันใดนั้น ราชาหมาป่าศิลาปลดปล่อยพลังออกมาอีกครั้ง

ร่างของมันลอยขึ้นไปในอากาศ

การเคลื่อนไหวมีความรวดเร็วมากกว่าเดิม

สัญชาตญาณของหลินเป่ยเฉินร้องเตือนว่ามีอันตรายคืบคลานเข้ามาใกล้ ทันใดนั้น เด็กหนุ่มก็รู้สึกเย็นวาบที่ท้ายทอย เพราะว่าเขาถูกกรงเล็บหมาป่าตะปบลงมา

ฮึ่ย!

หลินเป่ยเฉินรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาในทันใด

เขาอุตส่าห์หาทางลงให้ทั้งสองฝ่ายได้อย่างสวยงามแล้วเชียว…

ครืน!

แผ่นดินสั่นสะเทือน

พื้นดินเกิดรอยแตกร้าว

ราชาหมาป่าศิลากดร่างของหลินเป่ยเฉินจมหายลงไปใต้ดินด้วยกันทั้งคู่

“เด็กน้อย เจ้าไม่ควรทำให้ข้าต้องปลดผนึกร่างที่สองออกมาเลย”

เสียงกระซิบของราชาหมาป่าดังขึ้นในหัวของหลินเป่ยเฉิน “มิเช่นนั้น เจ้าคงได้ตายสบายมากกว่านี้หลายหมื่นเท่า”

นอกเมืองร้าง

ห่างไกลออกไป ด้านหลังก้อนหินใหญ่

“จบสิ้นแล้ว จบสิ้นแล้ว…”

ใบหน้าของเฉียนหลงซีดเผือด ริมฝีปากสั่นระริก “คุณชายของข้าจบสิ้นแล้ว… ราชาหมาป่าศิลาเผยร่างที่แท้จริงของมันออกมาแล้ว”

หวังจ้านกับเสี่ยวป๋อที่อยู่ด้านข้างก็ได้แต่หันมองหน้ากันตัวสั่นเทา

พลังกดดันจากร่างที่สองของราชาหมาป่าศิลามีความน่าสะพรึงกลัวมากจริง ๆ

แม้พวกเขาจะอยู่ไกลออกมาหลายลี้ แต่ทั้งสามคนก็ยังรู้สึกได้ถึงมวลพลังเหล่านั้นราวกับตนเองอยู่ใกล้ชิด

“นายน้อย พวกเราจะทำอย่างไรดีขอรับ?”

หวังจ้านขอคำแนะนำ “พวกเราสมควรหนีดีหรือไม่?”

เสี่ยวป๋อก็กล่าวว่า “ใช่แล้วขอรับ เรารีบไปหาที่ซ่อนตัว รอให้เวลาในการทำภารกิจหมดลง เมื่อถึงตอนนั้น เราอาจจะยังรอดชีวิตอยู่”

เฉียนหลงขมวดคิ้วขบคิดอยู่เล็กน้อย ก็ให้คำตอบออกมาว่า “รอดูไปก่อน”

ยังจะต้องรอดูอันใดอีก?

แม้แต่ตัวของเฉียนหลงก็ไม่รู้เช่นกัน

แต่เขาคิดว่าตนเองสมควรรอ

ลางสังหรณ์บอกเขาเช่นนั้น

สำหรับผู้คนที่รู้จักเฉียนหลงเป็นอย่างดี ย่อมทราบว่าชายหนุ่มมีลางสังหรณ์แม่นยำยิ่งกว่าสตรีเสียอีก

อย่างน้อยหลายปีที่ผ่านมา ลางสังหรณ์ของเขาก็ไม่เคยผิดพลาด

และในยามหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ เฉียนหลงก็เลือกที่จะเชื่อความรู้สึกของตนเอง ในสายตาของผู้คน นี่อาจเป็นการกระทำที่โง่เขลา แต่มันก็มักจะทำให้เฉียนหลงอยู่รอดปลอดภัยมาโดยตลอด

ครั้งนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน

เฉียนหลงรวบรวมความกล้าหาญยื่นหน้าออกไปจ้องมองทางเมืองร้างที่อยู่ห่างไกล

จังหวะที่เขากำลังถูกความหวาดกลัวเข้ากลืนกินและตัดสินใจที่จะเลิกล้มการรอคอย ทันใดนั้น ดวงตาของเฉียนหลงก็เบิกโพลง ร่างกายสั่นเทาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

ห่างไกลออกไป

ในทะเลทรายอันกว้างใหญ่ ศีรษะของคนผู้หนึ่งได้ทะลุขึ้นมาจากใต้พื้นทราย

เส้นผมเปียกชุ่มไปด้วยโลหิต ดวงตาเหม่อลอยไร้ชีวิต

เป็นศีรษะของคนตายผู้หนึ่ง

เป็นศีรษะของคุณชายผู้กล้าหาญท่านนั้น

คุณชาย… ตายแล้วจริงหรือ?

สัญชาตญาณของเฉียนหลงผิดพลาดอย่างนั้นหรือ?

“แม่จ๋า…”

เฉียนหลงร้องอุทานออกมา ยามที่ต้องการจะวิ่งหนี สองขากลับปราศจากเรี่ยวแรง แม้แต่จะลุกขึ้นยืนก็ยังทำไม่ได้ เขาได้แต่ออกคำสั่งด้วยความลนลานว่า “เร็วเข้า ช่วยพยุงข้าขึ้นไป รีบพาข้าหลบหนี…”

เขากวาดสายตามองรอบตัว

บัดนี้ หวังจ้านกับเสี่ยวป๋อวิ่งเตลิดไปไกลแล้ว ไม่เหลียวหน้ามองกลับมาหาเขาเลยสักนิดเดียว…

“เจ้าพวกตัวบัดซบ!”

เฉียนหลงแทบจะเป็นลมอยู่ตรงนั้น

แม้แต่องครักษ์ที่ทางตระกูลของเขาส่งมาก็ยังพึ่งพาไม่ได้

ในยามวิกฤต ถึงกับหลบหนีเอาตัวรอดโดยไม่คิดชีวิต

เฉียนหลงได้แต่กอดก้อนหินตัวสั่นเทา พยายามจะรวบรวมพละกำลังกลับคืนมา และสายตาก็ชำเลืองมองไปทางเมืองร้างกลางทะเลทรายโดยไม่รู้ตัว

ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้ง!!