ตอนที่ 1838 ราชานิรันดร์เพลิงสวรรค์

Alchemy Emperor of the Divine Dao

สุนัขตัวดำส่ายหัวและกล่าว “เจ้าในตอนนี้ยังอ่อนแอเกินไป การรู้มากไปไม่ใช่สิ่งที่ดีเท่าไหร่ แต่เดิมแล้วนายท่านหมาตั้งใจจะชี้นำเจ้าจนถึงระดับราชานิรันดร์ แต่ด้วยระดับพลังของข้าที่เพิ่มขึ้น เกรงว่าเหล่าอสูรเฒ่าจะเคลื่อนไหวเสียก่อน หากข้ายังอยู่รอบตัวเจ้าต่อไป เจ้าจะเป็นอันตรายไปด้วย”

หลิงฮันกลายเป็นไร้คำพูด ขนาดอดีตราชาระดับระดับแปดหรือเก้ายังเรียกว่าอสูรเฒ่า ศัตรูที่สุนัขตัวดำกล่าวถึงคือตัวตนระดับใดกัน?

จะต้องเป็นราชานิรันดร์ระดับเก้าอย่างแน่นอน!

“แท้จริงแล้วภูเขาไฟลูกนี้คืออะไรกันแน่?” หลิงฮันเอ่ยถาม

สุนัขตัวดำมองไปยังยอดภูเขาไฟและกล่าว “มีสหายผู้หนึ่งล่วงหล่นลงที่นี่ เนื่องจากทะลวงผ่านระดับราชานิรันดร์ระดับเก้าล้มเหลว สหายผู้นั้นจงใจฝังร่างของตนเองเอาไว้ที่นี่ เพื่อที่จะมอบแก่นกำเนิดพลังของตนเองให้กับคนยุคหลัง”

หลิงฮันตกตะลึงจนร่างสั่นสะท้าน เขากล่าว “จริงอยู่ที่ราชานิรันดร์ระดับเก้าคือระดับพลังสูงสุด แต่มีความจำเป็นด้วยรึที่ราชานิรันดร์ระดับแปดจะต้องเสี่ยงชีวิตตนเอง เพื่อทะลวงผ่านระดับ?” เพียงแค่เป็นราชานิรันดร์ระดับแปดก็หาคนที่จะสามารถเป็นศัตรูด้วยยากแล้ว แถมยังมีอายุขัยไร้ขีดจำกัดอีก มีเหตุผลอันใดที่ต้องฝืนทะลวงผ่านราชานิรันดร์ระดับเก้า?

หากรอไปอีกหลายยุคสมัยเพื่อรวบรวมอำนาจต้นกำเนิดสวรรค์และปฐพี หรือสมุนไพรนิรันดร์ ไม่ใช่ว่าจะสามารถทะลวงผ่านระดับได้ปลอดภัยกว่ารึ?

ทำไมต้องรีบทะลวงผ่านจนตัวเองตายด้วย?

“เจ้าหนู เจ้าคงไม่เข้าใจสินะ!” สุนัขตัวดำตบไหล่หลิงฮัน “มองผิวเผินดินแดนแห่งเซียนอาจจะดูสงบสุข แต่ในความเป็นจริงแล้ว ภายใต้ความสงบสุขอันเป็นเปลือกนอกนั้น มีหายนะที่น่าสะพรึงกลัวซ่อนอยู่”

“เจ้าต้องรีบเติบโตให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นพายุมืดจะปัดเป่าทุกสิ่งจนพินาศย่อยยับ!”

หลิงฮันรู้ว่าต่อให้ถามรายละเอียดไปสุนัขตัวดำย่อมไม่ยอมบอกเขาแน่ ก็เหมือนกับหอคอยน้อยที่มักเลี่ยงตอบคำถามของเขามาโดยตลอด เพราะพลังของเขายังอ่อนแอเกินไป

เขาพยักหน้าอย่างช้าๆ ถึงแม้เขาจะสงสัยว่าพายุมืดที่ว่านั้นคืออะไร แต่ตอนนี้เขาก็ต้องตั้งสมาธิไปกับการยกระดับพลังของตนเอง

“แล้วราชานิรันดร์ผู้ล่วงหล่น มีความเกี่ยวข้องอันใดกับเพลิงเก้าสวรรค์รึ?” หลิงฮันถาม

สุนัขตัวดำหัวเราะและกล่าว “อำนาจต้นกำเนิดสวรรค์และปฐพีนั้นสามารถพัฒนาตนเองได้ เพลิงเก้าสวรรค์นั้นหากมันเติบโตจนมีความนึกคิดเป็นของตนเองเมื่อใด มันจะไม่ใช่อำนาจต้นกำเนิดสวรรค์และปฐพีอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นสิ่งมีชีวิต!”

หลิงฮันชะงักก่อนจะกล่าว “เจ้าหมายความว่าราชานิรันดร์ผู้นี้คือสิ่งมีชีวิต ที่พัฒนาแล้วของเพลิงเก้าสวรรค์งั้นรึ?”

“ถูกต้องแล้ว!” สุนัขตัวดำพยักหน้า “ราชานิรันดร์ผู้นี้มีชื่อว่าราชานิรันดร์เพลิงสวรรค์ หลังจากที่หมอนั่นเสียชีวิตแล้ว เศษเสี้ยวอำนาจเปลวเพลิงที่หลงเหลืออยู่ก็ได้ผสานรวมกัน กลายเป็นเพลิงเก้าสวรรค์ตนใหม่ เพียงแต่ว่าศพของราชานิรันดร์นั้น แม้เวลาจะผ่านไปหลายร้อยล้านปีก็ยังไม่เสื่อมสลาย หมอนั่นจึงจงใจทิ้งแก่นกำเนิดพลังของตนเองเอาไว้ให้กับคนรุ่นหลัง”

จากคำพูดของสุนัขตัวดำ ดูเหมือนว่าราชานิรันดร์เพลิงสวรรค์ผู้นี้จะทะลวงผ่านระดับราชานิรันดร์ระดับเก้าล้มเหลว แต่ก็ยังเอาตัวรอดได้อยู่ เพียงแต่ว่าแทนที่จะทำแบบนั้นเขากลับเลือกที่จะสละชีวิตของตนเอง เพื่อมอบแก่นกำเนิดพลังให้กับคนยุคหลัง

ความเสียสละเช่นนี้ ทำให้หลิงฮันรู้สึกเลื่อมใสอย่างแท้จริง

“มาเร็วเจ้าหนู ด้วยแก่นกำเนิดพลังของราชานิรันดร์ใช้เวลาเตรียมการมาเป็นเวลาหลายร้อยล้านปี จะสามารถช่วยให้โอกาสบรรลุห้านิพพานของเจ้าเพิ่มสูงขึ้น”

ขนาดด้วยความช่วยเหลือของแก่นกำเนิดราชานิรันดร์ ที่สั่งสมมาเป็นเวลาหลายร้อยปี ก็ยังช่วยได้แค่ทำให้โอกาสบรรลุห้านิพพานเพิ่มขึ้นงั้นรึ? ห้านิพพานเป็นระดับที่บรรลุได้ยากขนาดนั้นเชียว?

“ระดับห้านิพพานเป็นระดับพลังที่บรรลุได้ยากก็จริง แต่รากฐานของเจ้าก็ยังอ่อนแอเกินไปเช่นกัน ถึงแม้เจ้าจะขัดเกลาพลังบ่มเพาะจนบรรลุขั้นพลังที่สมบูรณ์ทุกระดับตั้งแต่จากโลกใบเล็ก แต่รากฐานพลังของเจ้าก็ไม่ได้รับการชี้แนะจากขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์ที่ยิ่งใหญ่” สุนัขตัวดำถอนหายใจ “ตอนนี้โอกาสที่เจ้าจะได้พลิกสวรรค์เปลี่ยนชะตาชีวิตมาถึงแล้ว!”

หลิงฮันไม่เชื่อสิ่งที่สุนัขตัวดำกล่าว เขามั่นใจว่าตัวเขานั้นไม่ได้มีศักยภาพที่ด้อยไปกว่าใคร ดูอย่างAnchorจื่อเหอปิงอวิ๋นกับลั่วAnchorจ่างเฟิงเป็นตัวอย่าง ทั้งสองเป็นถึงผู้สืบทอดขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์แท้ๆ แต่ก็ยังถูกเขาสังหารทั้งๆที่เขามีระดับพลังที่ต่ำกว่า

เมื่อสุนัขตัวดำเห็นท่าทางไม่ยินยอมของหลิงฮัน มันก็กล่าว “เจ้าคิดว่าข้าจะนำเจ้าไปเปรียบเทียบกับเศษสวะพวกนั้นรึ? ผิดแล้ว อัจฉริยะที่จะอยู่ในสายตาของนายท่านหมาได้ มีเพียงผู้สืบทอดของขุมอำนาจราชานิรันดร์ระดับเจ็ดขึ้นไปเท่านั้น!”

“หากเจ้าได้พบเจอ เจ้าจะรู้ว่าอัจฉริยะที่แท้จริงนั้นน่าสะพรึงกลัวเพียงใด”

เมื่อได้ยินที่สุนัขตัวดำกล่าว ความหยิ่งผยองของหลิงฮันก็ค่อยๆลดลง

“เหอๆ ดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันตกนั้นแข็งแกร่งกว่าดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันออกก็จริง เพียงแต่ในดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันออกเองก็มีขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์ระดับเก้าอยู่มากมาย เจ้าแค่ยังไม่เคยพบเจอพวกเขา เลยไม่รู้ว่าอัจฉริยะที่แท้จริงนั้นเป็นเช่นไร” สุนัขตัวดำกล่าว

“อย่าหาข้าบั่นทอนกำลังใจของเจ้าเลยนะ แต่หากเทียบเจ้ากับผู้สืบทอดของขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์ที่ทรงพลังอย่างแท้จริงล่ะก็ พลังของเจ้าถูกจัดอยู่ในระดับล่างไปถึงกลางเท่านั้น”

หลิงฮันรู้สึกไม่ยินยอมและกล่าว “อย่าลืมว่าข้ายังมีอำนาจต้นกำเนิดสวรรค์และปฐพีอยู่ถึงสอง”

“เพราะข้านับสิ่งนั้นรวมไปแล้วไงล่ะ เจ้าถึงถูกจัดอยู่ในระดับล่างไปถึงกลาง เหอๆ” สุนัขตัวดำส่ายหัว

หลิงฮันนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนที่จิตวิญญาณสู้รบจะลุกโชน เขามองไปยังยอดภูเขาไฟและกล่าว “ถ้างั้นหลังจากที่ข้าพลิกสวรรค์เปลี่ยนชะตาชีวิตแล้วล่ะ?”

“อาจจะจัดอยู่ในระดับกลาง หรือไม่ก็กลางไปถึงบน” สุนัขตัวดำกล่าวอย่างไม่มั่นใจ

อย่างมากก็แค่ระดับกลางไปถึงบนเองรึ?

หลิงฮันเผยสีหน้าไม่เชื่อ นี่สุนัขไร้บางอายตนนี้คงไม่ได้จงใจพูดเพื่อบั่นท่อนจิตใจของเขาหรอกนะ?

“เหอะๆ ถ้าข้าบอกกับเจ้าว่า มีใครบางคนถึงขนาดสละร่างกายตนเองนับพันครั้ง เพื่อที่จะบรรลุระดับห้านิพพานล่ะก็ เจ้าจะไม่ตกตะลึงจนเผลอผายลมเลยรึ?” สุนัขตัวดำกล่าวด้วยรอยยิ้ม