ปึง!
ทีแรกเป็นศีรษะที่ร่วงลงพื้น เลือดสาดกระเซ็น
จากนั้นร่างของฮวาเทียนไห่ก็ล้มลงพื้น
ในที่นั้นพลันเงียบกริบอย่างที่สุด ความหวาดผวาอันยากจะอธิบายแผ่ขยายขึ้นในใจของผู้แข็งแกร่งทุกคนในนั้น
ฮวาเทียนไห่เป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณของเผ่าแรดพยัคฆ์ พลังต่อสู้เหี้ยมหาญที่สุด มิฉะนั้นก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่เบื้องหน้าแท่นบูชานรกเทพ คงไม่มีทางยึดตำแหน่งที่อยู่หน้าสุดได้
แต่ตอนนี้เพียงชั่วพริบตาเดียว เขาก็ถูกเทพมารหลินสังหารแล้ว!
ภาพนองเลือดนี้สะเทือนขวัญทุกคนในนั้นทันที
แม้แต่พวกหวังจื่ออิง เซวียเป่าจี ทั่วป๋าหุที่มีความแค้นกับหลินสวิน ตอนนี้สีหน้าต่างอึมครึมขึ้นมา
ยิ่งรู้จักหลินสวิน ก็ยิ่งเข้าใจความน่ากลัวของเจ้าหมอนี่!
หวังเสวียนอวี๋หรี่ตา จากนั้นยิ้มออกมา สายตาลึกล้ำชวนค้นหา
ในความเงียบเชียบบุตรนรกในชุดเลือดที่บุคลิกท่าทางโดดเด่นอย่างมากปรบมือชื่นชม “เยี่ยมยอด ถ้าไม่เห็นกับตาก็ไม่กล้าเชื่อว่าในโลกนี้ยังมีบุคคลระดับนี้”
เสียงปรบมือและเสียงชื่นชมทำลายความเงียบ แต่กลับทำให้บรรยากาศแปลกประหลาดขึ้นมาเล็กน้อย
ฮวาเทียนไห่ตายแล้ว แต่ตอนนี้กลับไม่มีใครถามถึง…
แม้แต่บุตรนรกยังมองข้ามการตายของเขาโดยตรง ในคำพูดเต็มไปด้วยความชื่นชมที่มีต่อหลินสวิน!
“บนโลกนี้เรื่องที่ทำให้เจ้าไม่กล้าเชื่อยังมีอีกมาก เหตุใดต้องตื่นตูมขนาดนี้”
หลินสวินพูดอย่างเฉยชา
น้ำเสียงกลับแฝงรสชาติการเย้ยหยัน
ใครจะคิดว่าบุตรนรกลับไม่สนใจ ทั้งยังหัวเราะลั่นขึ้นมา กล่าวเสียงถอนหายใจ “ที่สหายยุทธ์พูดเป็นเรื่องจริง ข้าหลับใหลมาหมื่นสมัย เรื่องราวบนโลกปัจจุบันไม่ใช่สิ่งที่ข้ารู้มานานแล้ว เพราะฉะนั้นจึงมีหลายอย่างที่ต้องให้ทุกคนสอน”
หลินสวินหรี่ตาลง เจ้าหมอนี่เจ้าเล่ห์มากจริงๆ!
“สหายยุทธ์ หากเจ้าอยู่ต่อ ข้ารับรองว่านอกจากคัมภีร์โบราณเล่มนี้และโอสถเทพต้นนี้แล้ว ยังมีศุภโชคอื่นๆ มอบให้ ไม่รู้ว่าเจ้าคิดอย่างไร”
บุตรนรกเอ่ยขึ้น ท่าทางเชื้อเชิญด้วยความจริงใจอย่างที่สุด
นี่ทำให้ในใจผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ ต่างรู้สึกไม่เป็นธรรม เขาหลินสวินมีสิทธิ์อะไรถึงได้รับการปฏิบัติด้วยดีเช่นนี้ ส่วนพวกเขากลับทำได้เพียงมองตาละห้อย
“บุตรนรก เจ้าทำเช่นนี้เหมือนจะไม่ยุติธรรมไปหน่อยหรือเปล่า”
มีคนขมวดคิ้วพูด
คนอื่นๆ ก็พากันพูดขึ้นเช่นกัน
บุตรนรกหัวเราะฮ่าๆ “ทุกท่านอย่าได้ใจร้อน ทุกคนที่เลือกจะอยู่ต่อล้วนมีโอกาสได้รับวาสนา!”
ครั้นคำพูดนี้ออกมา ในใจทุกคนจึงรู้สึกเป็นธรรมขึ้นไม่น้อย
แต่ก็มีคนไม่เชื่อ อย่างเช่นหวังเสวียนอวี๋
เขาขมวดคิ้ว ท่าทางไม่เข้าใจแล้วเอ่ย “เพียงแค่คำพูดประโยคเดียว ไม่สามารถทำให้มองเห็นความจริงใจใดๆ ได้ ยิ่งไปกว่านั้นเพียงแค่พูดคุยกันเท่านั้น เหตุใดสหายยุทธ์จำเป็นต้องใช้วาสนาและศุภโชคมาเป็นสิ่งล่อใจ”
ในใจทุกคนพลันสะท้านขึ้นมา หวังเสวียนอวี๋ชี้ประเด็นของปัญหาออกมา!
จริงด้วย เหตุใดจึงต้องอยู่ต่อ เพียงเพื่อพูดคุยกันเท่านั้นหรือ
หวังเสวียนอวี๋สีหน้านิ่งสงบ พูดอย่างเนิบช้า “พูดอย่างไม่เกรงใจอีกสักประโยค เจ้าไม่กลัวว่าเราจะลงมือพร้อมกัน ช่วงชิงศุภโชคในตัวเจ้าหรือ”
ประโยคนี้ทำให้บรรยากาศในที่นั้นเปลี่ยนไป สายตาของผู้แข็งแกร่งหลายคนต่างวูบไหวขึ้นมา
บุตรนรกเห็นเช่นนี้ ดวงตาที่แดงราวกับเพชรสีเลือดหดรัดลงเล็กน้อย เงียบไปครู่หนึ่งแล้วจู่ๆ ก็ถอนหายใจอย่างเนิบช้าเอ่ยว่า “ดูเหมือนว่า เพียงแค่คำพูดคงยากจะทำให้ทุกคนประทับใจได้แล้ว..”
ฟุ่บ!
เงาร่างของเขาทะยานขึ้นฟ้า ผมยาวสีเลือดพลิ้วไหวอย่างบ้าคลั่ง อานุภาพที่น่าสะพรึงไร้ขอบเขตก็แพร่กระจายออกจากร่างกายของเขา
หลายคนกลั้นหายใจ สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ส่วนบุคคลชั้นยอดอย่างหวังเสวียนอวี๋ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาเช่นกัน
ฮูม…
บุตรนรกสะบัดแขนเสื้อ สมบัติแต่ละอย่างปรากฏขึ้น ลำแสงสว่างไสว แผ่บรรยากาศที่น่าตกใจ มีคัมภีร์โบราณหนังสัตว์ มีกระถางหยกลึกลับ มีโอสถเทพและของอื่นๆ
ชั่วขณะเดียวที่ตรงนั้นแสงสมบัติรวมตัว ดึงดูดสายตาของทุกคน!
“นี่ก็คือความจริงใจของข้า!”
เสียงของบุตรนรกทุ้มต่ำ แฝงความแหบพร่าอันเป็นเอกลักษณ์ “สหายยุทธ์ที่เลือกจะอยู่ต่อ ล้วนสามารถได้รับสมบัติชิ้นหนึ่งในนี้”
ทันใดนั้นลมหายใจของทุกคนต่างถี่กระชั้นขึ้นมา
“แน่นอนว่าหากทุกท่านมีจิตคิดไม่ซื่อ อยากใช้ความสามารถช่วงชิง ก็สามารถลงมือได้ตอนนี้เลย”
ดวงตาเลือดของบุตรนรกราวกับสายฟ้า กวาดมองถ้วนทั่ว
ทันใดนั้นผู้แข็งแกร่งหลายคนที่เตรียมพร้อมลงมือ ในใจพลันหนาวเยือกขึ้นมา สกัดกั้นความวู่วามที่จะลงมือ
“เลือกจะอยู่ต่อ มีเงื่อนไขอื่นหรือไม่”
มีคนถาม
บุตรนรกยิ้มพูด “ไม่ผิด ข้าเพิ่งปรากฏตัวบนโลก หัวเดียวกระเทียมลีบ อยากจะรวบรวมลูกน้องที่มีอุดมการณ์เดียวกันพิชิตโลกด้วยกัน ทุกท่านสามารถผ่านความยากลำบากมาถึงที่นี่ ความสามารถแน่นอนว่าต้องโดดเด่นในบรรดาคนรุ่นเดียวกัน ย่อมมีคุณสมบัติให้ข้าใช้งาน”
คำพูดนี้มีความเผด็จการอันเย่อหยิ่ง
ราวกับว่าหากสามารถติดตามถวายชีวิตข้างๆ เขา ก็เป็นเกียรติที่หายากอย่างที่สุดแล้ว
แต่สำหรับผู้แข็งแกร่งในที่นั้น คำพูดนี้กลับเสียดหูมาก ทำให้สีหน้าของพวกเขามืดทะมึน
ในบรรดาพวกเขา ใครบ้างที่ไม่ใช่มกุฎที่บรรลุราชัน ยิ่งไม่ขาดสัตว์ประหลาดยุคโบราณชั้นยอด ทุกคนล้วนมีความเย่อหยิ่งของตัวเอง
ในสถานการณ์เช่นนี้ใครจะยอมอยู่เบื้องล่างคนอื่น
“ที่แท้ นี่ถึงจะเป็นจุดประสงค์ที่แท้จริงของเจ้า”
หวังเสวียนอวี๋ลุกขึ้น หว่างคิ้วแฝงความเย็นเยียบ
ห่างออกไป ในใจหลินสวินเองก็หัวเราะเยาะไม่หยุด มีจุดประสงค์อื่นจริงๆ ด้วย
แน่นอนว่าก็มีคนหวั่นไหวกับเงื่อนไขที่บุตรนรกเสนออย่างมาก ทั้งได้รับวาสนา ทั้งได้เข้าร่วมกองกำลังของบุตรนรก ความยั่วยวนใจยิ่งใหญ่ไม่ธรรมดา
และแน่นอนว่าทั้งหมดต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ว่า บุตรนรกจะต้องมีความสามารถเพียงพอให้พวกเขายอมรับ!
“ทุกท่านรู้หรือไม่ว่า การติดตามอยู่ข้างกายข้าหมายความถึงอะไร”
เสื้อผ้าของบุตรนรกโบกสะบัด มีความเย่อหยิ่งเหลือล้น “นับตั้งแต่ก่อนประวัติกาล ข้าก็หลับใหลอยู่ในแดนเก้าบนแห่งนี้ ความลับ วาสนาและรากฐานที่ครอบครองในมือ มากกว่าที่ทุกคนสามารถเข้าใจได้”
“ตอนนี้ข้าบอกทุกคนได้เพียงว่า การปรากฏตัวในโลกครั้งนี้ ลูกน้องที่ติดตามเป็นมือซ้ายขวาของข้า ต่อไปล้วนมีโอกาสบรรลุอริยะ!”
ได้ยินคำพูดนี้ทุกคนในที่นั้นต่างตกใจ
ขอบเขตมกุฎระดับราชันก็ถือเป็นปาฏิหาริย์ที่เพียงพอจะดึงดูดความสนใจของทุกคนแล้ว แต่ตอนนี้ จู่ๆ บุตรนรกยังโยนโอกาส ‘ขอบเขตมกุฎระดับอริยะ’ มาเช่นนี้ ใครจะไม่หวั่นไหว
“แน่นอนว่าการบรรลุอริยะ ไม่ว่าสำหรับข้าหรือทุกท่านที่นี่ก็ยังไวไปที่จะพูดถึง”
บุตรนรกเอามือไพล่หลัง มองลงมายังทุกคนจากฟากฟ้าพร้อมพูดว่า “ตอนนี้ คนที่ติดตามอยู่เคียงข้างข้าล้วนสามารถได้รับศุภโชค สามารถได้รับการชี้แนะจากข้า และสามารถศึกษามหามรรคร่วมกับข้า!”
ทั้งที่นั้นฮือฮา สีหน้าต่างแตกต่างกันออกไป
หลายคนถูกเกลี้ยกล่อมอย่างสิ้นเชิงแล้ว
แต่ในนั้นไม่รวมหลินสวิน พูดไปพูดมาก็หนีไม่พ้นล่อลวงใจเพื่อผลประโยชน์ เป็นวิธีรับลูกน้องมาเพื่อรับใช้ตนก็เท่านั้น
“หากพวกข้าอยากจากไปล่ะ”
หวังเสวียนอวี๋พูดเรียบๆ เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็ไม่ได้ถูกจูงใจจนหน้ามืดตามัว
“จากไปแน่นอนว่าไม่ใช่เป็นไปไม่ได้”
สายตาของบุตรนรกมองไปทางหวังเสวียนอวี๋ สีหน้าเย็นชาขึ้นมาบ้างแล้ว “เรื่องบังคับจิตใจกัน ข้าไม่เคยทำ ก่อนหน้านี้ทุกท่านคงได้รับวาสนาในแดนนรกแห่งนี้ไม่น้อยสินะ แดนนรกแห่งนี้เป็นอาณาเขตของข้า หากจากไปเช่นนี้จะเสียมารยาทเกินไปหน่อยหรือเปล่า”
“ซี้ซั้ว!”
หวังเสวียนอวี๋พูดเสียงเย็น “ด้วยคำพูดประโยคเดียวของเจ้า แดนนรกแห่งนี้ก็เป็นอาณาเขตของเจ้าแล้วหรือ พูดจาโอ้อวดเกินไปจริงๆ เหตุใดเจ้าไม่บอกว่า แดนมกุฎนี้ก็เป็นของเจ้าด้วยล่ะ”
ได้ยินคำพูดนี้ ทำให้สายตาที่หลินสวินมองหวังเสวียนอวี๋เปลี่ยนไปอย่างอดไม่ได้ แต่ความคิดที่จะปล้นเขาไม่เปลี่ยนเพราะเรื่องนี้แน่
เพียงแต่ประโยคต่อไปของหวังเสวียนอวี๋ ทำให้หลินสวินจนคำพูด
“พี่หลิน เจ้าเองก็เห็นแล้วว่า วันนี้หากคิดจะจากไปก็ต้องผ่านด่านบุตรนรกที่พูดจาโอ้อวดเกินจริงผู้นี้ พวกเราควรจะเคลื่อนไหวด้วยกันใช่หรือไม่”
สายตาของหวังเสวียนอวี๋มองมายังหลินสวิน ใบหน้าจริงใจเต็มประดา
หลินสวินเกือบกลอกตาใส่อย่างอดไม่อยู่ ข้าสนิทกับเจ้ามากหรือ
“ไม่จำเป็น ข้าคิดว่าเดินทางใครทางมันดีกว่า”
หลินสวินปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
หากร่วมมือกับหวังเสวียนอวี๋ เคลื่อนไหวไปพร้อมกัน ในอนาคตหากจะไปปล้นเขาก็จะทำไม่ลงแล้วมิใช่หรือ
ตอนนี้เองบุตรนรกเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา “ไม่ต้องลำบากขนาดนั้น ใครสามารถจต้านทานสามกระบวนท่าของข้าได้ ข้ารับรองว่าจะไม่ขวางการจากไปของพวกเจ้า!”
ทุกคนต่างตกใจ
สามกระบวนท่าหรือ
บุตรนรกมีรากฐานพลังและความเย่อหยิ่งขนาดไหนเชียว ถึงกับกล้าพูดจาเช่นนี้
“พี่หลิน ข้าคิดว่าเขาอวดดีกว่าเจ้าเสียอีก เจ้าทนได้หรือ”
หวังเสวียนอวี๋ถอนหายใจพูด
เจ้าหมอนี่ทำท่าทีว่าสนิทสนมตอนนี้ ทำเอาหลินสวินจนคำพูด เอ่ยว่า “เจ้าเป็นห่วงตัวเองก่อนเถอะ”
หวังเสวียนอวี๋ไม่สนใจ ยิ้มพูดว่า “ดูเหมือนว่า คงต้องให้ข้าทดสอบความสามารถของบุตรนรกผู้นี้ก่อนแล้ว”
พูดจบร่างเขาทะยานลอยขึ้นไปยืนอยู่บนห้วงอากาศ ในดวงตาปรากฏสัญลักษณ์แปลกประหลาดคู่หนึ่ง แปรเปลี่ยนเป็นปลาหยินหยางหมุนเวียน
ทันใดนั้นเขาประหนึ่งเปลี่ยนเป็นอีกคน แผ่กลิ่นอายดุเดือดรุนแรงทะลวงฟ้า นี่คืออานุภาพที่บ่มเพาะออกมาหลังผ่านการเข่นฆ่ามาเป็นเวลานาน พาให้คนใจสะท้าน
“มาเถอะ ให้ข้าดูว่าเจ้ามีความสามารถแค่ไหนกัน จึงกล้าคุยโวเช่นนี้”
หวังเสวียนอวี๋พูด น้ำเสียงทรงพลัง
สายตาของทุกคนล้วนจับจ้อง
หากหวังเสวียนอวี๋สามารถต้านสามกระบวนท่าของอีกฝ่ายได้ ก็เท่ากับลบล้างคำพูดโอ้อวดของบุตรนรกได้อย่างไม่ต้องสงสัย ถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่รับลูกน้องเลย บุตรนรกคงจะถูกล้อมโจมตี ช่วงชิงศุภโชคทันที!
แต่ถ้าหวังเสวียนอวี๋ไม่สามารถต้านได้ ก็เท่ากับได้พิสูจน์ความสามารถของบุตรนรก เชื่อว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ หลายคนคงพิจารณาอย่างจริงจังว่าจะอยู่รับใช้เขาหรือไม่!
“เจ้ามีเนตรสมบัติเอกอุ ที่ยากก็คือกลายเป็นมกุฎราชันแล้ว ข้าไม่อยากสร้างความลำบากใจให้เจ้าจริงๆ หากเจ้าเปลี่ยนใจตอนนี้ข้าก็ยินดี”
บุตรนรกถอนหายใจเบาๆ
“เชิญ!”
หวังเสวียนอวี๋พูดสั้นๆ ท่าทีชัดเจน
นัยน์ตาของบุตรนรกมีประกายศักดิ์สิทธิ์ไหนวน จ้องหวังเสวียนอวี๋อยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้าพูด “ช่างเถอะ ตามใจเจ้า!”
ตูม!
เพิ่งจะสิ้นเสียง เงาร่างของบุตรนรกพลันวาบไหว ราวกับรุ้งเทพสีเลือดสายหนึ่งแทงทะลุอากาศ พุ่งออกไปด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ
ในพริบตาเดียวกันเขายื่นมือเรียวยาวและขาวผ่องข้างหนึ่งออกมา กดลงไปอย่างรุนแรงราวกับมือแห่งเทพนรก ปรากฏโดยไม่ได้ตั้งใจแต่ก็จะเก็บดวงวิญญาณไปแล้ว!
การโจมตีที่เรียบง่ายและธรรมดาอย่างที่สุด กลับทำให้ทุกคนในที่นั้นหนังหัวชาวาบ
การโจมตีนี้แข็งแกร่งมาก!
ในฐานะคู่ต่อสู้ ความรู้สึกของหวังเสวียนอวี๋รุนแรงเป็นพิเศษ สีหน้าของเขาจริงจังและเคร่งขรึมอย่างที่สุด ในดวงตาสาดสัญลักษณ์แปลกประหลาดคู่หนึ่งออกมา รัดพันตัดสลับกันอยู่กลางอากาศ ส่งเสียงธรรมกังวาน
ฉึก!
ประกายแสงดำขาวสายหนนึ่งโฉบพุ่งออกมา
แสงสมบัติเอกอุ!
เพียงแต่ตอนนี้หลินสวินกลับไม่มีกะจิตกะใจสนใจการต่อสู้ที่เรียกได้ว่าตะลึงโลกนี้
เพราะจู่ๆ เขาก็พบว่า นกทมิฬที่แบกกระทะดำตัวนั้นไม่รู้ปรากฏตัวอยู่ในบริเวณที่ห่างออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ กำลังเหลียวซ้ายแลขวาอย่างลับๆ ล่อๆ…
………………….