ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 1022 พิธีเปิดสำนักแห่งกว่างเฉิง

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ในอดีต เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋รับคำเชิญของจักรพรรดิแพร เดินทางไปเป็นแขกที่ที่บำเพ็ญหลีเฮิ่นน้อย แต่ผลลัพธ์สุดท้ายช่างน่ากระอักระอ่วน เพราะเจ้าบ้านไม่อยู่

อีกทั้งการไปในครั้งนั้นก็ไม่ได้เห็นตัวคน ทำให้คนอื่นๆ ในยอดเขาอัศจรรย์เช่นพวกฟู่ถิงรู้สึกร้อนใจ

สุดท้ายจักรพรรดิแพรไม่มา แต่ทวนพระอังคารกลับมาแทน นี่จึงทำให้พวกเยี่ยนจ้าวเกอและฟู่ถิงพลัดหลงเข้าไปในโถงเซียน ส่วนเยี่ยนตี๋ได้รับเมฆแปลงกำเนิด

พอเรื่องนี้จบลง ฟู่ถิงก็รู้สึกละอายใจมาโดยตลอด

แต่ว่าในเหตุใดตอนนั้นจักรพรรดิแพรจึงผิดสัญญา ที่แล้วมาล้วนไม่มีคำอธิบาย เรื่องราวได้แต่จบลงโดยไร้ข้อสรุป

คาดไม่ถึงว่า ครั้งนี้จะเกิดสถานการณ์ที่คล้ายกันขึ้น

จักรพรรดิแพรมักจะทำอะไรตามใจชอบ ไร้ข้อผูกมัด แต่ว่าที่แล้วมาล้วนให้ความสำคัญกับคำมั่นสัญญา

การผิดสัญญาเช่นครั้งก่อน ถือว่าผิดปกติ ครั้งนี้ถ้าเกิดขึ้นอีก ยิ่งบันดาลให้ผู้คนเกิดความสงสัย

ถ้าหากบอกว่าจงใจเล่นงานเยี่ยนจ้าวเกอและเขากว่างเฉิง เขาก็คล้ายกับไม่ต้องเคลื่อนไหวในลักษณะนี้

ด้วยฐานะตำแหน่งของเขา ถ้าหากไม่คิดมา แค่พูดให้ชัดเจนก็พอ ไม่จำเป็นต้องทำผิดสัญญาหลังจากที่แต่งเรื่องหลอกลวงแม้แต่น้อย

แต่เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เรื่องราวก็แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติอย่างชัดเจน

เยี่ยนจ้าวเกอได้กลิ่นแผนร้ายอย่างหนึ่งจากด้านใน

‘ทวนพระอังคารลงมือท้าสู่ ปรากฏตัวขัดขวางจักรพรรดิแพรงามอีกแล้วหรือ’ เยี่ยนจ้าวเกอครุ่นคิด ‘หรือว่าครั้งนี้เขาถูกพัวพันไว้เหมือนกับครั้งที่สถานบำเพ็ญหลีเฮิ่นน้อย’

ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน เมื่อเกิดเรื่อกแทรกซ้อนเช่นนี้ขึ้นมา ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เหมือนมีคนคอยหนุนหลัง

เยี่ยนจ้าวเกอเหมือนนึกอะไรออก กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถึงแม้จักรพรรดิแพรจะไม่มา แต่พวกเราสามารถเริ่มพิธีตามกำหนดการได้ บางทีจักรพรรดิแพรอาจมาถึงช้าหน่อยกระมัง”

เหมือนกับในตอนที่นัดสู้กับทวนพระอังคาร

ประมุขอาคเนย์เฉาเจี๋ยไม่คัดค้าน “จักรพรรดิแพรไม่มีทางถือสา”

เยี่ยนตี๋พยักหน้า ติดต่อกับตัวแทนของยอดเขาอัศจรรย์ที่มาถึง

อีกฝ่ายรู้สึกประดักประเดิดอยู่บ้าง ทว่าก็ไม่ได้คัดค้านความคิดของเขากว่างเฉิง

คุณชายดินเฉินคุนหัวนั่งอยู่ท่ามกลางแขกเหรื่อ รินสุรารับประทานอาหาร สายตากวาดมองระหว่างคนของเขากว่างเฉิงกับยอดเขาอัศจรรย์เล็กน้อย

สุดท้ายสายตาหยุดอยู่บนตัวจอมยุทธ์ยอดเขาอัศจรรย์

‘จักรพรรดิแพรงาม…ผิดนัดแล้ว?’ เฉินคุนใช้นิ้วถูกขอบแก้ว ตาเป็นประกายเล็กน้อย ‘ครั้งนี้มีความหมายนัก’

เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของเขา เยี่ยนจ้าวเกอก็มองมา

เฉินคุนหัวละสายตา ยิ้มพร้อมกับชูแก้วให้กับเยี่ยนจ้าวเกออย่างเป็นมิตร

เยี่ยนจ้าวเกอเลิกคิ้วขึ้น มองเขาครั้งหนึ่ง สุดท้ายยิ้มขึ้น ไม่ได้กล่าวอะไร หมุนกายจากไป

“หือ?” เฉินคุนหัวเห็นดังนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าก็จางลงหลายส่วน

ตาเขาเป็นประกายอยู่บ้าง จับจ้องเงาหลังของเยี่ยนจ้าวเกอคล้ายคิดทำอะไร แต่หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ตัดใจ

ร่างของเฉินคุนหัวผ่อนคลายลง รินสุราให้กับตัวเอง ยกขึ้นดื่มอย่างยินดี

ประมุขอาคเนย์เฉาเจี๋ยกับแม่เฒ่ากระบี่อาคเนย์ตั้งแต่ทักทายกันบนที่นั่ง ตอนนี้ก็สงบจิตใจ คอยดูการเปลี่ยนแปลงอย่างเยือกเย็น

ตอนนี้เขาโถงทองกับเขากว่างเฉิงหนึ่งร่วงทุกคนล่มหนึ่งโรจน์ทุกคนรุ่ง ศัตรูที่บุกเขากว่างเฉิง ก็เท่ากับบุกเขาโถงทองด้วย

เยี่ยนจ้าวเกอยืนเยื้องมาทางด้านของหลังเยี่ยนตี๋ บนที่นั่งฝั่งตรงข้าม ยอดฝีมือระดับสูงของเขากว่างเฉิงเช่นหยวนเจิ้งเฟิงและฟางจุ่นต่างนั่งอยู่ที่นั่นเงียบๆ

เวลาเริ่มพิธีอย่างเป็นทางการสุดท้ายก็มาถึง เยี่ยนตี๋ยืนนิ่งอยู่กับที่ กวาดสายตามองรอบๆ

ไม่ได้กล่าววาจา สายตาเองก็ไม่ได้ดุร้าย

ทว่าด้านในตำหนักบนยอดเขานภากาศเงียบสงัดลงในชั่วพริบตา ทุกคนรู้ว่าทุกอย่างกำลังจะเริ่มอย่างเป็นทางการ

อิงหลงถูปั้นสิ้นสีจริงจัง ตั้งสมาธิถือไม้ตีระฆัง ตีใส่ระฆังทองที่อยู่ด้านข้าง

เสียงระฆังยิ่งใหญ่ดังขึ้น กระจายออกไปไกล สะท้อนไปมา สั่นสะเทือนแก้วหู ทั่วทั้งเขากว่างเฉิงเต็มไปด้วยบรรยากาศจริงจัง

สำนักบนยอดเขาคุนตี้ใต้ตีนเขา คนหนุ่มสาวที่คิดจะกราบเข้าเป็นศิษย์ของเขากว่างเฉิงรออยู่ที่นั่นส่วนหนึ่ง

เดิมทียังมีเสียงอุทานอยู่หลายส่วน แต่พร้อมกับที่ระฆังดังขึ้น ทุกคนก็เงียบเสียงลง ต่างมีสีหน้าเคร่งขรึม

เสียงระฆังดังครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกคนใต้ตีนเขายิ่งเครียดเคร่งกว่าเดิม

“สำนักเราเปิดเขารับผู้มีความสามารถ สหายร่วมเส้นทางทุกท่านมาเยี่ยมเยือน เขากว่างเฉิงรู้สึกเป็นเกียรติยิ่ง” เสียงของเยี่ยนตี๋สะท้อนไปมาระหว่างฟ้าดิน “ข้าผู้แซ่เยี่ยนในฐานะเจ้าสำนักคนปัจจุบันแห่งกว่างเฉิง ขอบคุณสหายร่วมเส้นทางทุกท่าน ณ ที่นี้ด้วย”

ทุกคนในตำหนักใหญ่ยามนี้มองเยี่ยนตี๋ที่กำลังพูดด้วยความสงบนิ่ง

ว่ากันอย่างยุติธรรม เขากว่าวเฉิงในปัจจุบันนี้ หากพูดกันด้านชื่อเสียงแล้ว คนที่มีบารมีมากที่สุด ก็คือเยี่ยนจ้าวเกอที่เป็นลูกศิษย์รุ่นที่สาม

ผลการต่อสู้ของสงครามบนเขามหาวิญญาณและเขารอบวงโดดเด่นเกินไป ฉายามนุษย์เซียนผู้ถูกเนรเทศเลื่องระบือไปทั่วโลกซ้อนโลก

แต่ว่าขณะที่มองเยี่ยนตี๋ กลับไม่มีใครกล้าดูแคลน

เป็นเพราะว่าผลการต่อสู้ของเยี่ยนจ้าวเกอโดดเด่นเกินไป ดังนั้นประวัติก่อนหน้าของเขาจึงเริ่มถูกทุกคนเก็บรวบรวมและศึกษาเป็นการเฉพาะอย่างต่อเนื่อง

ในกระบวนการนี้ สงครามใหญ่ที่ตัดสินตำแหน่งผู้ปกครองซึ่งเกิดขึ้นใต้ตีนเขากว่างเฉิงในอดีต ก็เข้าสู่สายตาของคนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ถูกศึกษาอย่างละเอียดทีละนิด

ดังนั้นไม่ใช่แค่เยี่ยนจ้าวเกอเท่านั้น เยี่ยนตี๋ยังดึงดูดความสนใจของทั่วทั้งโลกซ้อนโลกด้วย

หนึ่งดาบเปิดเส้นทางสวรรค์ ลอยสู่โลกซ้อนโลก เพิ่งมาถึงก็สังหารเสวียนมู่อ๋องที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้าย

ต่อจากนั้นในสงครามเขากว่างเฉิง ก็ได้ใช้พลังฝึกปรือระดับเทวะสำแดง สู้กับคู่ต่อสู้ที่ได้ปีนขึ้นสะพานเซียน

ถึงแม้ว่าจะเป็นสงครามที่โกลาหล แต่เมื่อนับจำนวนในตอนสุดท้ายแล้ว นอกจากผู้วิเศษเซิงกับคังผิงในระดับสะพานเซียนแล้ว คนอื่นๆ ล้วนตายด้วยดาบของเขาทั้งสิ้น!

กวนลี่เต๋อ ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียน

เสวียนเฉิงอ๋อง ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด ขั้นสะพานเซียนระยะกลาง

นักพรตสือ เฮ่อตงเฉิง กู้จาง ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ด ขั้นสะพานเซียนระยะต้น

หากตัดอคติและความคิดดูแคลนในดีต หยุดคาดเดามั่วซั่วและหาข้ออ้าง หลังจากที่เหล่าจอมยุทธ์นอกจากในเขตตะวันอาคเนย์สืบสถานการณ์ที่แท้จริงของสงครามใต้เขากว่างเฉิงในตอนนั้นอย่างจริงจัง ระดับความตกตะลึงก็ไม่ด้อยกว่าตอนที่พวกเขาเพิ่งได้ทราบถึงสงครามบนเขามหาวิญญาณของเยี่ยนจ้าวเกอเลย

นับตั้งแต่ลอยขึ้นมาถึงโลกซ้อนโลกจนถึงวันนี้ เป็นเวลาราวๆ สิบสามปีแล้ว

เยี่ยนจ้าวเกอเลื่อนจากระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ ขั้นเทวะสำแดงระยะต้น ขึ้นสู่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด ขั้นสะพานเซียนระยะกลาง

ความเร็วนี้ทำให้ทั่วทั้งโลกซ้อนโลกแตกตื่น

ไม่เพียงแต่มีความสามารถล้ำเลิศ พรสวรรค์ยังน่าตื่นตระหนก

ขณะมองดูเยี่ยนตี๋ที่กำลังดำเนินพิธี และเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ด้านข้างเขา ทุกคนต่างก็มีความรู้สึกซับซ้อน

อัจฉริยะบุรุษที่โดดเด่นเช่นนี้กลับล่วงเกินประมุขทักษิณ ล่วงเกินจักรพรรดิเอกภพกำเนิด

พิธีเปิดสำนักในวันนี้เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นการกำหนดชะตาชีวิตของพวกเขา

ในตอนนี้แขกเหรื่อนั่งเต็มที่นั่ง เขากว่างเฉิงเปิดสำนัก พวกเยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋เหมือนกับกำลังเจอกับช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุด

และก็อาจจะเป็นช่วงเวลาที่อันตรายที่สุดตั้งแต่เกิดมา

เยี่ยนตี๋ที่ดำเนินพิธีกำลังจะเอ่ยปากกล่าววาจา สายตาพลันกลายเป็นคมกริบ มองไปยังที่ไกลเหมือนกับทะลุข้ามสิ่งก่อสร้าง

เยี่ยนจ้าวเกอกับประมุขอาคเนย์เฉาเจี๋ยก็ทำเช่นเดียวกัน

จากทางตะวันออกเฉียงเหนือของทะเลหวงเจีย มีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งซึ่งผสมผสานกันกำลังเข้าใกล้อย่างรวดเร็ว