ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 1023 หกประมุขรวมตัวที่กว่างเฉิง

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ทะเลหวงเจียตั้งอยู่บนพรมแดนทางตะวันตกของเขตตะวันอาคเนย์

หากไปยังทิศตะวันออกเฉียงเหนือของที่นี่ ยังคงเป็นดินแดนของเขตตะวันอาคเนย์

แต่ว่าถ้าหากมุ่งหน้าไปทางตะวันออกเฉียงเหนือต่อ หรือว่ามุ่งหน้าไปทางเหนือต่อ จะเป็นเขตสุราลัยบูรพา

เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่ที่ราวกับไร้ขอบเขต แผ่กระจายทั่วฟ้าดิน เยี่ยนจ้าวเกอก็ทราบว่าผู้มาเยือนอย่างน้อยต้องมีพลังฝึกปรืออยู่ในระดับมนุษย์เซียน

แต่ว่ากลิ่นอายไม่ได้มีแค่หนึ่งสาย

ขณะที่กลิ่นอายสองสายผสมกัน ก็ขัดแย้งกันอย่างรุนแรงจนเห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่ใช่พวกเดียวกัน

ยอดฝีมือสองคน ทางหนึ่งต่อสู้ ทางหนึ่งเข้าใกล้เขากว่างเฉิง

เอาเป็นว่าพวกเขายังไม่ได้คลุ้มคลั่ง ไม่ได้สร้างการทำลายอย่างใหญ่หลวงแก่สิ่งมีชีวิตบนรายทาง

สองฝ่ายขณะต่อสู้กันก็ฉีกกระชากร่องแยกยาวสายหนึ่งบนฟ้า มันเหมือนกับไม่มีปลายทาง เหยียดยื่นมาจากทางตะวันออกเฉียงเหนือของทะเลหวงเจีย

ปราณวิญญาณเคลื่อนวนระหว่างฟ้าดิน แต่ว่าในชั่วระยะเวลาสั้นๆ กลับไม่อาจเติมเต็มร่องแยกที่น่ากลัวนั้นได้

ตอนเยี่ยนจ้าวเกอสู้กับฆราวาสเด็ดดาวกวนลี่เต๋อใต้เขากว่างเฉิง ก็เคยสร้างบาดแผลที่สมานตัวกันช้าเอาไว้กลางฟ้าดิน

ทว่าบาดแผลนั้น เมื่อเทียบกับฉากเหตุการณ์ที่ราวกับภัยพิบัติฟ้าในตอนนี้ กลับมีขนาดเล็กกว่ามาก

ถ้าหากว่าก้มมองมาจากสถานที่ที่อยู่ห่างออกไป จะเห็นว่าร่องแยกที่น่าพรั่นพรึงสายนี้เริ่มปรากฏตั้งแต่เขตสุราลัยบูรพา วาดเอียงๆ มายังฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ แทบจะฉีกระชากสถานที่ทั้งหมดในเขตตะวันอาคเนย์ที่พุ่งผ่าน

ไม่ทันไรคนอื่นๆ ในตำหนักใหญ่บนยอดเขานภากาศของเขากว่างเฉิงก็สัมผัสได้ถึงความขัดแย้งที่รุนแรงเช่นนี้ ทว่าไม่มีใครแตกตื่น ทุกคนเกิดความคิดที่แทบจะเหมือนกับขึ้น

มาแล้ว!

เยี่ยนตี๋สีหน้าเฉยชา “ดูเหมือนแขกผู้มีเกียรติจะมาแล้ว”

ว่าแล้วเขาก็ก้าวเท้าออกจากตำหนักใหญ่

เยี่ยนจ้าวเกออยู่ด้านข้างเขา เดินออกไปด้านอกพร้อมกัน ประมุขอาคเนย์เฉาเจี๋ยก็ทำเช่นเดียวกัน

แขกคนอื่นๆ รวมถึงจอมยุทธ์เขากว่างเฉิง ตอนนี้นั่งไม่ติดแล้ว ผุดกายออกจากตำหนัก

พอมาถึงนอกตำหนัก เยี่ยนจ้าวเกอก็เห็นท้องฟ้าไกลออกไปมีฟ้าแลบแปลบปลาบ

ถึงแม้ว่าจะยังไม่เห็นเงาคน แต่คนส่วนหนึ่งที่อยู่รอบๆ ก็รู้สึกมั่นใจ

“เฒ่าหลิวมาถึงแล้ว” เฉาเจี๋ยมองขอบฟ้าที่มีเมฆสายฟ้าหนาแน่น เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “เป็นประมุขอิสาน”

พิธีเปิดสำนักของเขากว่างเฉิงในครั้งนี้ เยี่ยนจ้าวเกอได้ส่งเทียบเชิญไปให้ตำหนักขุยสายฟ้บนเขานภาเขียวในเขตสารทอิสาน แต่ว่าประมุขอิสานหลิวเจิงกู่ไม่ได้ตอบกลับ

ไม่ได้บอกว่ามา และไม่ได้บอกว่าไม่มา

ตอนนี้ดูท่าแล้วประมุขในหมู่คนผู้นี้จะมีเจตนาดี

พอข่าวที่จักรพรรดิแพรงามจะมาร่วมพิธีที่เขากว่างเฉิงด้วยตัวเองเผยแพร่ออกไป แรงกดดันที่จักรพรรดิเอกภพกำเนิดนำมาก็เบาลงมาก

เพียงแต่ว่าดูจากภายนอก ประมุขอิสานความจริงไม่ได้สนิทสนมกับเขากว่างเฉิงและเยี่ยนจ้าวเกอเท่าไรนัก คนที่รู้มีแค่คนในเขาโถงทองไม่กี่คน

ถ้าหากว่าความสัมพันธ์ระหว่างเสวี่ยชูฉิงกับเขากว่างเฉิงยังไม่ได้ถูกเปิดเผย ประมุขอิสานที่ให้การดูแลเสวี่ยชูฉิงในที่ลับคงจะไม่มาเขากว่างเฉิง เพราะอาจทำให้ผู้คนเกิดข้อสงสัย มองเส้นสนกลในออก

และขณะนี้ ในที่สุดเขาก็มา

สาเหตุเป็นเพราะคนอีกคนหนึ่งมาถึง

การมาถึงของบุคคลผู้นี้ บ่งชี้ว่าความสัมพันธ์ของมารดาของเยี่ยนจ้าวเกอไม่ใช่ความลับอีกต่อไป

ด้วยเหตุนี้ย่อมมีคนจำนวนมากมาถึง

ตราบใดที่จักรพรรดิแพรงามและจักรพรรดิเอกภพกำเนิดสะกดกันเอง เขากว่างเฉิงจะมีแรงกดดันเพิ่มขึ้นมาก

ในสถานการณ์เช่นนี้ หลิวเจิงกู่ประมุขอิสานกลับกลับมาช่วยเหลือฝั่งตะวันออกเฉียงใต้โดยไร้ข้อกริ่งเกรงใดๆ!

คนไล่ตามคู่ต่อสู้ สองฝ่ายเดี๋ยวสู้เดี๋ยวหยุด จากพื้นที่ของเขตสุราลัยบูรพา สู้กันจนถึงทะเลหวงเจียในเขตตะวันอาคเนย์

เยี่ยนจ้าวเกอมองท้องฟ้าที่อยู่ไกลออกไป ที่นั่นนอกจากอัสนีบาตแล้ว ยังมีต้นไม้ใหญ่สูงเทียมฟ้าต้นหนึ่งตั้งตระหง่าน!

กิ่งทั้งเก้าเหยียดยื่นออกไปรอบๆ แผ่ขยายไปทั่วบริเวณ ค้ำฟ้ายันดิน

ต้นไม้ใหญ่ที่มีขนาดใหญ่กว่ายอดเขาลอยอยู่กลางหาว กลับเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว รอบๆ มีแสงสายฟ้าเวียนวน เร็วดั่งสายฟ้าแลบ

ไม่ต้องกล่าวมากความ เป็นประมุขบูรพา ผู้ดูแลอารามสูงส่งแห่งเขาเมฆเลือน ผู้ปกครองเขตสุราลัยบูรพาเฉียงใต้ นักพรตเทียนอี้

เมื่อเข้าใกล้ทะเลหวงเจีย ต้นไม้โบราณเก้ากิ่งก็สั่นกิ่งอย่างรุนแรงครั้งหนึ่ง บนยอดไม้ปรากฏเงาคนสายหนึ่ง

นั่นคือบุรุษวัยกลางคนที่สวมชุดบัณฑิตสีเขียว ท่วงท่าสง่างาม เป็นนักพรตเทียนอี้

ไม่สวมเสื้อคลุมเต๋า กลับสวมชุดนักศึกษา ทั้งยังแข็งแกร่งเช่นนี้

ลักษณะเด่นที่แพร่หลายอยู่บนโลกซ้อนโลกมานานหลายปีนี้ ทำให้คนที่อยู่รอบๆ ไม่จำเป็นต้องเห็นรูปร่างหน้าตาของเขาชัดๆ ก็ทราบถึงสถานะของเขา

เงาร่างสูงใหญ่ที่คาดเข็มขัดหยกไว้ตรงเอว สวมมงกุฎสีม่วงปรากฏขึ้นในทะเลสายฟ้ากว้างใหญ่

ชายชราร่างสูงใหญ่ที่มีใบหน้าน่าเกรงขาม เป็นสีบานเย็น ย่อมเป็นประมุขอิสาน หลิวเจิงกู่

ขณะที่เขาสู้กับนักพรตเทียนอี้ ก็พูดด้วยเสียงดุจระฆังใหญ่ “จักรพรรดิเอกภพกับประมุขทักษิณมีความแค้นกับเขากว่างเฉิงจึงลงมือด้วยตัวเองยังพอทำเนา เทียนอี้เจ้ากลับลงมือ ใช้แข็งแกร่งข่มเหงอ่อนแอ ละอายใจหรือไม่”

นักพรตเทียนอี้ส่ายศีรษะกล่าวว่า “ตอนแรกนึกว่านางติดต่อกับจักรพรรดิประกายกาฬโดยไม่ได้ตั้งใจ ดูจากตอนนี้ ทุกอย่างล้วนวางแผนมาเป็นอย่างดีแล้วสินะ”

“สถานการณ์หนักหนากกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้ามาก ยิ่งจัดการเร็วเท่าไรยิ่งดีเท่านั้น เพื่อสถานการณ์ใหญ่ รายละเอียดเล็กๆ น้อยล้วนไร้ความสำคัญ”

เขามองหลิวเจิงกู่ “กลับเป็นท่าน คิดจะเกลือกกลั้วแม่น้ำขุ่นที่ไร้เหตุผลนี้หรือ”

หลิวเจิงกู่ยืนตระหง่านอยู่ในทะเลสายฟ้า พูดทีละคำ เหมือนกับสายฟ้าคำราม “ผู้คนล้วนเกี่ยวข้องกัน ไหนเลยจะไร้เหตุผล!”

“จะเป็นผู้คนตั้งใจหรือไม่ พูดตอนนี้ยังเร็วไป” นักพรตเทียนอี้ไม่โมโห สีหน้าเรียบเฉย เพียงกล่าวว่า “ข้าเพิ่งได้รับข่าวว่าวันนี้จักรพรรดิแพรมาไม่ได้แล้ว ฉวยโอกาสตอนที่จักรพรรดิเอกภพยังไม่มา ท่านตอนนี้ยังไปทัน”

หลิวเจิงกู่ม่านตาหดตัว แต่การตัดสินใจไม่หวันหวั่นแต่อย่างไร “ไม่ต้องพูดมาก”

นักพรตเทียนอี้พยักหน้า สายตากลับมองไปอีกทาง จับจ้องทิศตะวันตกเฉียงเหนือของทะเลหวงเจีย “ไม่ต้องพูดมากจริงๆ”

ทิศทางนั้นกลับมีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งกำลังเข้าใกล้ที่นี่!

พวกเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่บนเขากว่างเฉิงก็สัมผัสได้เช่นกัน สายตามองไปยังทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

ทิศทางนั้นเป็นดินแดนของเขตเพลิงทักษิณ ถ้าหากมุ่งหน้าไปทางเหนือต่อ จะเป็นเขตมหานภากลาง

เห็นท้องฟ้าทางตะวันตกเฉียงเหนือมีประกายอัคคีสว่างขึ้น

ทะเลเพลิงแผ่กระจายไปทั่วในชั่วพริบตา คุมเชิงกับท้องสมุทรสายฟ้า

ด้านในเพลิงโหมไร้สิ้นสุด หงส์อมตะห้าสีที่ถูกคลุมในแสงอัสดงอาบเพลิงเดินออกมา

ใต้การครอบคลุมของเงาแสงของหงส์อมตะ เป็นบุรุษองอาจผมขาวผู้หนึ่ง

จวงเซิน ประมุขทักษิณ!

ผู้ที่ร่วมทางกับจวงเซินยังมีอีกคนหนึ่ง ก้าวออกมาจากในทะเลเพลิงอย่างแช่มช้า เพลิงโหมรอบข้างไม่อาจทำอะไรนางได้

สตรีที่รูปร่างผอมบางผู้หนึ่ง คนอยู่ใน้เสื้อกันลมสีน้ำเงิน เผยให้เห็นแค่ใบหน้า

นางดูธรรมดาไม่ได้งามเลิศเลอ รูปโฉมปานกลาง แต่กลับมอบความรู้สึกดึงดูดใจให้แก่ผู้คน

นั่นเป็นเพราะความหนักแน่นของปราณมารจากร่างของนางยังเข้มข้นยิ่งกว่าจวงเซินที่อยู่ด้านข้างเสียอีก

“เลี่ยนจู่หลินผู้ครองทะเลสีชาด ประมุขพายัพ” เยี่ยนจ้าวเกอขมวดคิ้ว “ประมุขประจิมในเมื่อมาถึงแล้ว ไฉนไม่ยอมโผล่มา”

ด้านใต้ทะเลเพลิงและทะเลสายฟ้า บนผิวน้ำของทะเลหวงเจียที่แท้จริง ตอนแรกไม่มีสิ่งใด

ยามนี้กลับมีเสียงดังมา “เป็นคนหนุ่มที่ไม่ธรรมดาจริงๆ”

อากาศบนผิวทะเลส่ายไหวเล็กน้อย เงาคนที่ไร้รูปร่างสายหนึ่งนูนออกมา

เงาคนเริ่มเปลี่ยนจากโปร่งใสไร้รูปร่าง เป็นแจ่มชัดจับต้องได้

พอเห็นเขา คนในเขากว่างเฉิงก็สูดหายใจเย็นเยียบอย่างพร้อมเพรียง

ถ้าไม่ใช่เพราะเขาคิดโผล่มา ในกลุ่มคนที่อยู่รอบๆ ในร้อยคนมีเก้าสิบเก้าคนที่ต่อให้ตั้งใจค้นหา ก็ไม่พบร่องรอยของเขา

เป็นหลางชิง ประมุขประจิม

ประมุขผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่ กดดันเขากว่างเฉิง!

ถ้าหากนับประมุขอาคเนย์เฉาเจี๋ยกับประมุขอิสานหลิวเจิงกู่ ประมุขทั้งสิบบนโลกซ้อนโลก ตอนนี้มีมากกว่าครึ่ง รวมตัวกันบนทะเลหวงเจีย!

………………..