ได้ยินป้าหลี่พูดแบบนี้ เซียวซูหรันรีบแสดงความคิดเห็นว่า: “ป้าหลี่ ป้าสบายใจได้เลยนะ ฉันกับเย่เฉินความสัมพันธ์ของเราดีมาก”

ระหว่างที่พูด ใบหน้าของเซียวซูหรันได้ปรากฏสีหน้าที่ขอโทษและพูดว่า: “ป้าหลี่ หลังจากที่ท่านไปรักษาตัวที่เย่นจิง ฉันไม่มีเวลาไปเยี่ยมท่านเลย ถ้าไม่ใช่เย่เฉินมาบอกฉันว่า ป้าออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฉันก็ยังไม่รู้เลยว่าป้ากลับมาถึงที่จินหลิงแล้ว ขอโทษด้วยนะคะ…….”

ดวงตาของป้าหลี่แดงขึ้นและพูดอย่างสะอึกสะอื้นว่า: “โดยเฉพาะเธอนะซูมหรัน เธอต้องดูแลเรื่องของตระกูลเซียวแล้ว ยังต้องมาดูแลฉัน ในใจของป้ารู้สึกขอบคุณมากนะ และรู้สึกผิดมากเช่นกัน ที่ป้าทำให้ลูกทั้งสองคนลำบาก คำขอโทษเหล่านั้นควรเป็นป้าที่พูดนะ!”

เซียวซูหรันรีบพูดว่า: “ป้าหลี่ ป้าอย่าลืมนะ ว่าฉันเป็นภรรยาของเย่เฉิน ป้าเป็นผู้มีบุญคุณกับเย่เฉิน ป้าก็เป็นผู้มีบุญคุณของฉันเหมือนกัน”

ป้าหลี่มองไปที่เซียวซูหรัน ในใจรู้สึกประทับใจมาก

ครั้งนี้ที่เธอเจอเซียวซูหรัน เธอรู้สึกว่าเซียวซูหรันไม่เหมือนกันแต่ก่อน

เมื่อก่อนถึงเย่เฉินกับเซียวซูหรันจะไปเยี่ยมเธอประจำ แต่เซียวซูหรันยังไม่ค่อยอยากเข้าใกล้เย่เฉินเท่าไหร่ เห็นได้ชัดว่าไม่มีความสัมพันธ์พื้นฐานเลย

แต่เมื่อเจอครั้งนี้ ทั้งสองคนจับมือกัน ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนคงจะมีการพัฒนาไปทางที่ดีแล้ว

เมื่อก่อนป้าหลี่ได้ยินข่าวลืออยู่เป็นประจำ เธอก็เป็นห่วงความสัมพันธ์ของคนทั้งสองคนนี้ กลัวว่ามีวันหนึ่งเย่เฉินจะหย่ากับเซียวซูหรัน และถูกไล่ออกจากตระกูลเซียว

แต่เมื่อตอนนี้เห็นความสัมพันธ์ของทั้งสองแน่นแฟ้นขึ้น ในใจของเธอถึงสงบลง

และเมื่อทุกคนได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้ว ก็แปลกใจเป็นธรรมดา

พวกเขาถึงรู้ว่า ตอนที่ป้าหลี่ป่วย เย่เฉินพาภรรยาของตัวเอง ทำหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อป้าหลี่

การกระทำของเย่เฉินดูถ่อมตัวและนอบน้อมมาก เขาดูแลป้าหลี่เป็นอย่างดี เพราะอยากจะตอบแทนป้าหลี่จากใจจริง เขาไม่เคยคิดว่าจะช่วยป้าหลี่เพราะอยากจะโอ้อวดหรือเสแสร้ง

แต่เจี่ยงหมิงที่อยู่ข้างๆ ใจของเขาเบื่อหน่ายมาก

เพราะที่วันนี้ทุกคนมาเยี่ยมป้าหลี่ได้ เป็นเขาที่คิดริเริ่มเรื่องนี้และเป็นผู้จัดตั้ง

ที่สำคัญ ตอนแรกเขาคิดว่าเขาเองก็เป็นคนที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่ง จะใช้งานเลี้ยงนี้ โชว์สิ่งที่ตัวเองมีต่อหน้าทุกคน เพื่อดื่มด่ำไปกับความประจบสอพลอและสรรเสริญ ขณะเดียวกันก็พัฒนาความสัมพันธ์กับหลี่เสี่ยวเฟินสาวเด็กคนนี้ด้วย

สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น กลับถูกเจ้าเย่เฉินคนนี้แย่งซีนไป ทำให้เขากลายเป็นแค่ภาพพื้นหลัง

เมื่อนึกถึงตอนนี้ แววตาของเจี่ยงหมิงที่มองไปหาเย่เฉิน ปรากฏความอาฆาตมาดร้าย

ขณะนี้ ป้าหลี่จับมือของเซียวซูหรันขึ้นมา และพูดด้วยความชื่นใจว่า: “ซูหรัน เธอกับเย่เฉินอายุไม่น้อยแล้ว ควรที่จะพิจารณามีลูกกันแล้วนะ ตอนแรกเด็กที่ออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าไปแล้ว มีเพียงเย่เฉินคนเดียวที่แต่งงาน เพื่อนๆที่เหลือยังโสดอยู่เลย ฉันที่เป็นป้าคน ฉันก็อยากจะรีบอุ้มหลานเหมือนกันนะ!”

ทันใดนั้นหน้าของเซียวซูหรันแดงขึ้นมาทันที

เธอแต่งงานกับเซียวซูหรันมาแล้วสามปี แต่เขาไม่เคยเร่งให้เธอมีลูกเร็วๆเลย

ที่สำคัญ ญาติของเธอยังดูถูกเย่เฉินอีกด้วย ญาติเธออยากให้เธอหย่ากับเย่เฉินมากกว่านะสิ พวกเขาคงไม่ให้เธอกับเย่เฉินมีลูกด้วยกันหรอก

แต่ตอนนี้ที่โดนป้าหลี่เร่งให้มีลูก ใจของเธอนอกจากจะเขินอายแล้ว ยังมีความรู้สึกที่มหัศจรรย์อีกด้วย

เซียวซูหรันอายุเกือบจะยี่สิบหกแล้ว กำลังอยู่ในวัยที่พร้อมมีลูก เมื่อผู้หญิงมาถึงช่วงอายุประมาณนี้ ความเป็นแม่และความรักของแม่ น่าจะเริ่มปรากฏขึ้นในตัวเธอแล้ว

ยกตัวอย่างเช่นเซียวซูหรัน บางครั้งเห็นคนอื่นพาลูกออกมา ในใจเธอก็รู้สึกความรักของความเป็นแม่ก็ล้นเอ่อออกมา ถึงขั้นที่เริ่มคิดว่า เมื่อไหร่จะมีลูกเป็นคนตัวเองสักที

แต่ด้วยความที่ ตอนนี้ที่บ้านยังมีปัญหามากมาย เธอเลยยังไม่ลงลึกไปคิดเรื่องพวกนี้เลย

ดังนั้น เธอก็พูดด้วยความเขินว่า: “ป้าหลี่ ตอนนี้พวกเรายังไม่ได้คิดถึงเรื่องที่จะมีลูก เพราะฉันพึ่งเริ่มทำธุรกิจ และบริษัทก็พึ่งดีขึ้น ช่วงนี้เป็นช่วงที่ยุ่งมากที่สุดแล้ว”