บทที่ 1396 หายสาบสูญ + ตอนที่ 1397 มีกระรอกตัวเมียแสนสวยแล้ว

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 1396 หายสาบสูญ + ตอนที่ 1397 มีกระรอกตัวเมียแสนสวยแล้ว โดย Ink Stone_Romance

 

ตอนที่ 1396 หายสาบสูญ

ฉีฉีเก๋อไม่ใช่คนกินยาก หากอร่อยก็ทานเยอะหน่อย ไม่อร่อยก็ทานน้อยหน่อยแต่ขอแค่มีให้ทานก็พอ เธอรีบวิ่งไปซื้อขนมขบเคี้ยวถุงใหญ่จากห้างสรรพสินค้ากลับมา ไม่ว่าจะเป็นลูกพรุนอบแห้ง โซโคลาตล์ มอลทีเซอร์ ถั่วลิสงหนังปลา เนื้ออบแห้ง แฮมต่าง ๆเป็นต้น

“เหมยเหมย เธอยัดใส่กระเป๋าไปหน่อย ถึงตอนนั้นไว้เรามากินด้วยกัน”

กระเป๋าของฉีฉีเก๋อยัดเต็มหมดแล้วเลยเริ่มพุ่งเป้าหมายไปที่กระเป๋าของเหมยเหมย เหมยเหมยิ้มพลางยื่นกระเป๋าไปให้ เรื่องเล็กน้อยนี่นา

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเหลือบมองขนมขบเคี้ยวปริมาณมหาศาลที่ฉีฉีเก๋อซื้อกลับมาแวบหนึ่ง สมองอันชาญฉลาดของเธอเริ่มคำนวณราคาทั้งหมดก็เผลอตกใจเล็กน้อย

ฉีฉีเก๋อไม่ได้ซื้อของราคาถูก บวกกันไปมาอย่างน้อยก็สามสิบหยวนแล้ว ดูท่าทางครอบครัวหญิงสาวจากแดนทุ่งหญ้าก็ฐานะดีไม่เบา วันไหนว่าง ๆค่อยไปสืบหาว่าพ่อแม่ฉีฉีเก๋อทำงานอะไรแล้วกัน

แน่นอนว่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไม่ได้คิดอะไร เธอแค่นึกสงสัยล้วน ๆหรือเป็นตามสัญชาตญาณเธอไปแล้ว หากไปยังสถานที่แปลกใหม่หรือรู้จักคนแปลกหน้าเธอจะค้นหาประวัติอีกฝ่ายอย่างละเอียดโดยไม่รู้ตัว เช่นนี้เธอถึงจะสบายใจ

หากไม่เช่นนั้นเธอจะกินไม่ได้นอนไม่หลับ

ค่ำคืนนี้บรรยากาศในห้องออกจะอึดอัดไปสักหน่อย ทุกคนต่างพูดจากันอย่างระแวดระวัง อีกทั้งยังแอบเหลือบมองเหมยเหมยเป็นระยะ ๆ น่าจะกลัวเธอไม่พอใจสินะ

เหมยเหมยเห็นทุกการกระทำในสายตาแต่ไม่คิดจะผ่อนปรนแต่อย่างใด

ตอนนี้เธอเองก็ถือว่าเป็นบุคคลมีชื่อเสียงไม่มากก็น้อย ไม่ใช่ว่าคนมีชื่อเสียงจะต้องเย็นชาถือตัว แต่หากเธอไม่วางท่าสักหน่อยปัญหาจะต้องมาถึงตัวแน่นอน

อย่างเช่นเรื่องจูบที่เพิ่งพูดไปเมื่อสักครู่ ทั้งที่เธอบอกแล้วว่าเป็นพี่ชายแต่เจิ้งเสวี่ยซานกับถังม่านลี่กลับยังจงใจกุข่าวลือ หากไม่ใช่ว่าฉีฉีเก๋อบอก เกรงว่ารอให้เธอรู้อีกทีคงจะ–

ข่าวลือที่จ้าวเหมยกับชายแปลกหน้ายืนจูบกันอยู่หน้าตึกหอพักอย่างโจ่งแจ้งจะต้องว่อนไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัยแน่

อาจจนถึงกระทั่งมีคนพูดจนแสลงหูหาว่าเธอเป็นเมียน้อยที่มีป๋าคอยดูแลก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้นี่นา!

แม้เธอไม่หวั่นต่อข่าวลือพวกนี้แต่เวลาได้ยินแล้วมันน่ารำคาญใจ ต้องตัดไฟแต่ต้นลมถึงจะดี!

คิดว่าวันนี้เธอเคยเตือนไปแล้วเจิ้งเสวี่ยซานคงไม่กล้าเอาเรื่องนี้ไปสร้างข่าวลืออีก ส่วนถังม่านลี่ผู้หญิงที่คิดว่าตัวเองฉลาดทั้งที่เป็นเพียงอาวุธไว้หลอกใช้ของคนอื่นมาตลอดเท่านั้น

เหมยเหมยเดาไว้ไม่มีผิด เจิ้งเสวี่ยซานมีแผนจะทำเช่นนี้จริง ๆ เสียงติฉินนินทาของผู้คนหากมีมากก็พอจะทำลายชีวิตของคน ๆหนึ่งได้ ต่อให้จ้าวเหมยยอดเยี่ยมเพียงใด ทว่าหากมีข่าวฉาวมากไปต้องส่งผลกระทบต่อเจ้าตัวแน่นอน

แต่ตอนนี้จ้าวเหมยเหลือแค่เจาะจงชื่อแล้ว หากเธอยังเอาเรื่องนี้ไปเผยแพร่อีกก็เท่ากับเปิดตัวเป็นปรปักษ์กับจ้าวเหมยอย่างโจ่งแจ้ง ตอนนี้เธอไม่อยากแตกคอกับจ้าวเหมยหรอกนะ!

เวลาหกโมงเช้าอีกวันต้องไปรวมตัวกันที่สนามซึ่งเหมยเหมยตื่นตั้งแต่ตีห้ากว่า ในฝันมีแต่เหยียนหมิงซุ่นถูกคนไล่ฆ่า เธอเป็นห่วงมากจะให้ข่มตาหลับต่ออย่างไรไหวเลยโทรหาลุงเหลา

“ยังไม่มีข่าวจากทางนั้นเลยเหรอคะ?”

ลุงเหลาชะงักไปพลางตอบกลับ “ยังเลยครับ พวกคุณชายหมิงยังไม่กลับมา แต่ลูกพี่เมิ่งบอกว่าคุณชายหมิงรับภารกิจอื่นต่อคาดว่าน่าจะกลับมาช้าสักหน่อย บอกให้คุณหนูไปเข้าค่ายฝึกทหารอย่างสบายใจ ไม่แน่หลังกลับจากค่ายคุณชายหมิงก็อาจกลับมาแล้ว”

เหมยเหมยถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างผิดหวัง และนึกโทษเฮ่อเหลียนชิงอยู่ในใจ

ทำไมถึงมอบหมายภารกิจให้เหยียนหมิงซุ่นอีกแล้วนะ!

ต้องจงใจเพราะไม่อยากให้เธออยู่กับพี่หมิงซุ่นแน่นอน เหอะ…ตาแก่โรคจิต!

เฮ่อเหลียนชิงที่อยู่สวนฟาร์มเพิ่งตื่นก็จามเสียงดังพลางลูบจับจมูกปอย ๆ อย่างสงสัยแต่ก็ไม่สนใจนัก หันไปถามเสี่ยวเมิ่งที่อยู่ข้างกายว่า “มีข่าวจากทางหมิงซุ่นบ้างหรือยัง?”

เสี่ยวเมิ่งทำหน้ากังวลเล็กน้อย “ยังครับ ข้อมูลเอากลับมาแล้วและมีข่าวดีที่คาดไม่ถึงด้วย ประเทศ Y ได้คิดค้นส่วนหัวของขีปนาวุธแล้ว หมิงซุ่นขโมยหัวขีปนาวุธนั่นออกมาด้วยแต่ตอนนี้เขากลับหายสาบสูญ”

……………………

ตอนที่ 1397 มีกระรอกตัวเมียแสนสวยแล้ว

เฮ่อเหลียนชิงเลิกคิ้วสูงอย่างเหนือคาด เหยียนหมิงซุ่นเอาหัวขีปนาวุธกลับมาได้เชียวหรือ นี่มันสำคัญกว่าข้อมูลเสียด้วยซ้ำ ฝ่ายกลาโหมคงสุขสบายไปอีกหนึ่งปีเลยล่ะ!

แต่ลูกชายของเขายังไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง!

“ฝั่งประเทศ Y มีคนอยู่อีกไหม?” เฮ่อเหลียนชิงถาม

“มีอีกสี่คน พวกเขาคลาดกับหมิงซุ่น ตอนนี้ทางประเทศ Y ประกาศกฎอัยการศึกทั้งประเทศ พวกเขาเลยต้องคอยแอบตามหา ตอนนี้ยังไม่มีข่าวคราวแต่พวกเขาคิดว่ามีความเป็นไปได้มากที่หมิงซุ่นจะหลงอยู่ในทะเลทราย”

เฮ่อเหลียนชิงเงียบไปพักหนึ่งแล้วออกคำสั่ง “ส่งคนไปตามหาทางนั้น แล้วเน้นหาตามทะเลทราย”

ประเทศ Y ค่อนประเทศมีภูมิประเทศเป็นทะเลทรายซึ่งเมืองหลวงเองก็เป็นเมืองที่ถูกล้อมด้วยทะเลทรายเช่นกัน ภายใต้การไล่ล่าอย่างหนักหน่วงการหนีเข้าทะเลทรายจะเป็นวิธีที่รักษาชีวิตได้ดีที่สุด ฉะนั้นมีความเป็นไปได้สูงถึงร้อยละแปดเก้าสิบที่เหยียนหมิงซุ่นจะอยู่ทะเลทราย เพียงแต่ไม่รู้ว่าเขาจะทนได้อีกกี่วัน?

“ครับ!” เสี่ยวเมิ่งโทรรายงานคำสั่ง คิด ๆแล้วก็เอ่ยขึ้นอีก “เหมยเหมยโทรมาถามหลายรอบแล้วยังพอหาข้ออ้างได้ชั่วคราว แต่กลัวว่าจะหลอกได้อีกไม่นาน”

“ปิดได้กี่วันก็กี่วัน ยัยเด็กนี่น่ารำคาญจะตายชัก ถ้ารู้เรื่องเข้าต้องมาหาเรื่องฉันทุกวันแน่” เฮ่อเหลียนชิงอดขมวดคิ้วไม่ได้ ยายเด็กคนนี้ปีกกล้าขาแข็งขึ้นเรื่อย ๆ อกตัญญูอย่างถึงที่สุด

เสี่ยวเมิ่งปากกระตุกพลางตอบรับคำอย่างนอบน้อม

เขากับเฮ่อเหลียนชิงไม่ค่อยเป็นห่วงเหยียนหมิงซุ่นนักเพราะเหยียนหมิงซุ่นเคยผ่านการฝึกเอาตัวรอดจากทะเลทรายที่แสนจะเข้มงวดมาก่อน อย่าว่าแต่ทะเลทรายเลยต่อให้จับไปโยนไว้ในป่าอะเมซอนเหยียนหมิงซุ่นก็สามารถเอาชีวิตรอดได้เป็นอย่างดี

เพียงแต่พวกเขากลับไม่รู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นจะหนีออกจากทะเลทรายได้เมื่อไร อีกทั้งรอบทะเลทรายต้องมีกองทัพทหารของประเทศ Y คอยเฝ้าระวังอยู่ สิ่งที่พวกเขาคิดได้ประเทศ Y ก็ต้องคิดได้ ประเทศ Y สูญเสียของสำคัญขนาดนั้นไปแล้วกลัวว่าอยากจะกลืนกินเหยียนหมิงซุ่นเข้าไปทั้งตัวอย่างนั้นเสียด้วยซ้ำ

ฉะนั้นพวกเขาต้องส่งคนไปรับเหยียนหมิงซุ่นกลับมา!

ณ ประเทศ Y

ผืนทะเลทรายอันกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด ลมร้อนกระหน่ำพัดใส่หน้า

เหยียนหมิงซุ่นย่ำบนลงผืนทรายทีละก้าว ๆด้วยรองเท้าที่พื้นรองเท้าขาดไปตั้งนานแล้วซึ่งตอนนี้กำลังสวมรองเท้าผ้าที่ทำขึ้นเองกับมือ ในมิติของฉิวฉิวมีเสื้อผ้าของเหมยเหมยอยู่ไม่น้อยเขาจึงเลือกฉีกกางเกงยีนส์ตัวหนึ่งเย็บรองเท้าคู่เก่าให้กลายเป็นรองเท้าผ้าอย่างง่ายคู่หนึ่ง ป้องกันไม่ให้ฝ่าเท้าเกิดรอยบาดแผลจากไอร้อนระอุจากเม็ดทราย

ฉิวฉิวฟุบอยู่บนไหล่ร้อนจนแลบลิ้นหอบแฮ่ก ส่ายหางไปมาเป็นระยะ ๆ

ฉาฉาที่แต่เดิมยังนอนอยู่บนหัวฉิวฉิวคอยชมภาพทิวทัศน์เมืองใหม่อย่างออกรสแต่ก็ร้อนจนมุดเข้าเสื้อของเหยียนหมิงซุ่น แม้เสื้อผ้าของนายผู้ชายก็ร้อนไม่แพ้กันแต่ก็ดีกว่าโดนแสงอาทิตย์สาดส่องโดยตรง

แสงอาทิตย์จ้าเกินไป งูตัวน้อยใกล้ละลายเต็มทีแล้ว!

“ไม่มีแม้แต่ต้นไม้สักต้น…แล้วจะมีกระรอกตัวเมียมาจากไหนเนี่ย? ร้อนจะตายอยู่แล้ว…”

ฉิวฉิวส่ายหางไปมาอย่างขุ่นเคืองแล้วเอากรงเล็บตะปบเป็นพัก ๆด้วยความโกรธ!

สถานที่แห่งนี้มีแต่ทะเลทราย แล้วแบบนี้จะมีกระรอกตัวเมียตัวงามได้อย่างไร?

หนูทะเลทรายตัวเมียหน้าตาอัปลักษณ์กลับมีไม่น้อย!

จู่ ๆเหยียนหมิงซุ่นก็เร่งความเร็วขึ้นไวปานสายฟ้าพุ่งไปข้างหน้าเพียงไม่กี่ก้าว ก่อนเอานิ้วล้วงจับหนูทะเลทรายสีดำขลับตัวหนึ่งมาอยู่ในมือเขา คว้าหางห้อยตัวลงมาร้องจิ๊ดจิ๊ดไม่หยุด

“อ้วนดี ไหนดูสิว่าตัวผู้หรือตัวเมีย ฉิวฉิวแกมีโชคแล้ว เป็นตัวเมีย”

เหยียนหมิงซุ่นพลิกตัวหงายดูแวบหนึ่งแล้วเอ่ยต่อฉิวฉิวด้วยสีหน้าเย็นชา ทว่าสายตากลับยียวน

ต่อให้ร้อนทั้งตลอดทางก็ช่างแต่สิ่งที่ทำให้เขารำคาญยิ่งกว่าอะไรก็คือเสียงบ่นของเจ้าตัวเล็กนี้ ไหนจะกรงเล็บที่ตะปบไม่หยุดทั้งยังส่ายหางไปมา เหลือแค่นั่งขี้ใส่หัวเขาแล้ว เห็นแก่เจ้าตัวเล็กนี่เพิ่งสร้างคุณงามความดีมาและยังต้องพึ่งพาแหล่งน้ำจากเขาอีกเฉย ๆหรอกนะ

เหยียนหมิงซุ่น…จะยอมทน!

ไม่ใช่แค่ทนแต่ยังต้องช่วยเป็นพ่อสื่อพ่อชักให้คุณชายฉิวด้วย!

ที่โวยวายมาตลอดทางก็เพราะไม่มีกระรอกตัวเมียแสนสวยไม่ใช่หรือไง!

ทีนี้คงพอใจแล้วสินะ?

……………………….