บทที่ 1398 แผนการต่อสู้ครั้งใหญ่ของฉิวฉิว + ตอนที่ 1399 คนของเขาย่อมต้องคอยปกป้อง

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 1398 แผนการต่อสู้ครั้งใหญ่ของฉิวฉิว + ตอนที่ 1399 คนของเขาย่อมต้องคอยปกป้อง โดย Ink Stone_Romance

ตอนที่ 1398 แผนการต่อสู้ครั้งใหญ่ของฉิวฉิว

คุณชายฉิวมองเรือนร่างแสนอัปลักษณ์ของหนูทะเลทรายสีดำตัวเมียที่ตะเกียกตะกายไปมาต่อหน้าตัวเอง แถมยังส่งสายตายั่วยวนใส่เขาอีกหลายทีก็อดตัวสั่นเทิ้มไม่ได้ รีบหลับตาท่องบทสวดเพื่อขับไล่ความรู้สึกสะอิดสะเอียนออกไป

ไม่นานเขาก็ระเบิดอารมณ์…

ฉิวฉิวตะปบกรงเล็บลงไปจนหัวของหนูทะเลทรายตัวเมียหน้าไม่อายแบนยุบก่อนจะถลึงตาดวงตาเม็ดเท่าถั่วดำด้วยความโกรธเคืองส่งเสียงร้องโอดครวญยาวเป็นพรวน

“ฉันเป็นหนูที่กินไม่เลือกแบบนี้เหรอ?”

“ของแบบนี้ยังมีหน้าบอกว่าสวยอีกเหรอ?”

“ทำไมนายไม่เลือกเมียเป็นคนผิวดำล่ะ?”

“อย่างน้อยฉันก็เป็นสัตว์ระดับเทวะ หนูทะเลทรายต่ำช้าแบบนี้คู่ควรกับฉันเหรอ?”

“โกรธจะบ้าตายอยู่แล้ว ไม่มีความจริงใจเลยสักนิด!”

……

ฉิวฉิวโกรธจนยืดตัวตรงพลางเอาขาคู่หลังยันตัวไว้โดยใช้กรงเล็บด้านหน้าตบหัวเหยียนหมิงซุ่นหลายที ทำคุณชายฉิวอย่างเขาโกรธแทบแย่ ของชั้นต่ำแบบนี้มีแต่จะทำให้หนูมีระดับอย่างเขาแปดเปื้อน!

เหยียนหมิงซุ่นเหลือบมองหนูตัวเมียที่ตายอย่างอนาถในมือแวบหนึ่งแล้วรู้สึกถึงแรงตะปบจากหัวเลยท่องบทสวดในใจเพื่อสงบสติอารมณ์

ทนไว้…

ยังต้องหวังพึ่งน้ำจากเจ้าหนูบ้านี่อีก!

จะล่วงเกินเขาไม่ได้!

ของที่กินได้ในทะเลทรายมีไม่น้อย งูพิษ กิ้งก่า หนูทะเลทรายเป็นต้นที่ล้วนจับมากินได้ทั้งหมด แต่แหล่งน้ำกลับหายากนัก หากไม่ใช่เพราะฉิวฉิวมีช่องมิติเก็บของอยู่ เหยียนหมิงซุ่นยังพอทนได้แต่ฉาฉาอาจยากจะเอาตัวรอดได้

ครั้งนี้ที่สามารถหนีเข้าทะเลทรายได้อย่างราบรื่นเจ้าฉาฉาตัวน้อยเองก็ออกแรงไม่น้อยทีเดียว พิษของเขามีฤทธิ์รุนแรงสามารถล้มคนนับสิบในพริบตา เสียชีวิตภายในหนึ่งนาทีสั้น ๆจนไม่ทันช่วยชีวิตด้วยซ้ำ

แน่นอนว่าเจ้ากระรอกบ้านี่เก่งยิ่งกว่า เจ้าสองตัวนี่เคลื่อนไหวรวดเร็วปานสายฟ้าอย่างน่าแปลกล้มศัตรูได้มากกว่าเขาหลายเท่า ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่หนีออกมาได้อย่างราบรื่นขนาดนี้ ไม่แน่อาจเจ็บตัวหรือถึงขั้นถูกจับกุมตัวไปแล้ว

ในเมื่ออีกฝ่ายส่งกองทัพมาเชียวนะ!

เหยียนหมิงซุ่นสูดหายใจเข้าเฮือกใหณ่ไม่สนใจใด ๆอีก กระทั่งถึงช่วงเวลากลางคืน หนูบางตัวกลับยังส่งเสียงร้องโวยวายไม่หยุด เขาใช้มีดสั้นถลกหนังของหนูออกแล้วก่อไฟเตรียมปิ้งหนูทาน ลำพังหนูทะเลทรายตัวนี้ก็หนักห้าร้อยกรัมกว่าแล้ว เนื้อน่าจะไม่น้อย

คุณชายฉิวโวยวายอยู่พักใหญ่เห็นเหยียนหมิงซุ่นไม่มีปฏิกิริยาใด ๆเลยอดรู้สึกหวาดผวาไม่ได้ แต่ไม่นานเขาก็กลับมายืดอกหลังตรงเหมือนเดิม

น้ำอยู่ที่มันนะจะกลัวไปไย?

กลิ่นหอมฉุยของเนื้อลอยเตะจมูกเขาทำเอาฉิวฉิวอดกลืนน้ำลายไม่ได้ แม้ช็อกโกแลตจะอร่อยแต่กินทุกวันก็มีเลี่ยนกันบ้าง บางทีก็จำเป็นต้องกินเนื้อย่างบ้างสิ!

หนูตัวดำต่ำช้าตัวนั้นหน้าตาอัปลักษณ์แต่เนื้อพอใช้ได้นะเนี่ย!

ฉาฉาได้กลิ่นหอมของเนื้อก็มุดออกจากแขนเสื้อเหยียนหมิงซุ่น แลบลิ้นสีแดงสองแฉกออกพลางจ้องเนื้อบนฟืนเขม็ง

เหยียนหมิงซุ่นชอบงูตัวเล็กนุ่มนิ่มน่ารักตัวนี้มาก มันให้ความรู้สึกเหมือนเหมยเหมยที่ทั้งเป็นเด็กดีและเชื่อฟัง ดีกว่าเจ้าหนูบ้านั่นร้อยเท่า

“อร่อยไหม?” เหยียนหมิงซุ่นฉีกเนื้อหนึ่งชิ้นป้อนฉาฉา

ฉาฉากลืนลงท้องอย่างรวดเร็วแล้วพยักหน้าระรัว อย่างอดไม่ได้พร้อมทั้งหันไปทางฉิวฉิว “พี่ฉิว เนื้ออร่อยมาก!”

ดวงตาเท่าเม็ดถั่วดำของฉิวฉิวกลอกตาไปมา ฉาฉามีรสนิยมการกินพอ ๆกับเขา หากอีกฝ่ายบอกว่าอร่อยก็ไม่มีทางจะไม่อร่อยแน่นอน พอเห็นเหยียนหมิงซุ่นไม่มีท่าทีจะป้อนเขาสักนิดฉิวฉิวก็ได้แต่ลูบหนวดไปมา ไม่ได้เข้าไปแย่งเนื้อกินแต่อย่างใด

เขาสู้แรงนายผู้ชายไม่ได้สักหน่อย แย่งก็แย่งไม่ได้!

เหยียนหมิงซุ่นใช้หางตาคอยจับสังเกตอยู่ เห็นเขาใช้มือลูบจับหนวดไปมา กระรอกที่เผยสีหน้าครุ่นคิดเหมือนมนุษย์และทำหน้าเคร่งขรึมกลับให้ความรู้สึกตลกแปลก ๆ เลยโบกมือเรียกเจ้ากระรอกมากินด้วยกัน

อย่างน้อยเขาก็เป็นผู้ใหญ่ แล้วจะคิดเล็กคิดน้อยกับเจ้ากระรอกตัวน้อยไปทำไม?

ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ากระรอกตัวนี้เป็นสัตว์สุดรักสุดหวงของภรรยาเขาเชียว หากปล่อยให้หิวเหมยเหมยจะต้องงดซุป ‘เนื้อ’ เขาสามเดือนแหง!

………………………..

ตอนที่ 1399 คนของเขาย่อมต้องคอยปกป้อง

ไม่รอให้เหยียนหมิงซุ่นโบกมือเรียก คุณชายฉิวก็กระโดดลงไปกะทันหันเอามือแตะสัมผัสผืนทรายที่ยังไม่คลายร้อนอย่างสวยงามก่อนจะเด้งตัวขึ้นเหมือนติดสปริงด้วยท่วงท่าที่แสนเร้าใจ

ในสถานที่แบบนี้ต่อให้วันหน้าจะมีกระรอกตัวเมียสุดสวยจริง ๆ คุณชายฉิวอย่างเขาก็…

อืม…ถ้ามีกระรอกตัวเมียแสนสวยจริง ๆ จะมาสักครั้งก็ไม่เป็นไร!

เหยียนหมิงซุ่นมองฉิวฉิวที่กระโดดโลดเต้นไปมาด้วยความแปลกใจ หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในพริบตาเดียว เจ้ากระรอกบ้านั่นไปทำอะไร?

จะฉี่ก็ไม่จำเป็นต้องวิ่งไปไกลขนาดนี้หรือเปล่า?

เหยียนหมิงซุ่นเองก็ไม่สนใจเขา แม้เจ้ากระรอกตัวนี้จะน่ารำคาญไปสักหน่อยแต่กลับมีวิทยายุทธ์สุดล้ำที่แม้แต่งูหางกระดิ่งในทะเลทรายยังทำอะไรเขาไม่ได้ เขาปิ้งหนูต่อไปเรื่อย ๆอย่างสบายใจ เนื้อส่งกลิ่นหอมฉุยมาเรื่อย ๆ น้ำมันหยดใส่กองไฟเป็นพัก ๆก่อให้เกิดสะเก็ดไฟสีฟ้า ฉาฉาได้แต่แลบลิ้นสีแดงสองแฉกด้วยความหิวโหย

“โอเค เรามากินข้าวมื้อเย็นได้แล้ว!”

เหยียนหมิงซุ่นทานไปป้อนฉาฉาไปแถมยังเหลือเนื้อชิ้นหนึ่งไว้ให้ฉิวฉิว ไม่นานหนูทะเลทรายหนึ่งตัวก็ถูกพวกเขาหนึ่งคนสองตัวแบ่งจัดสรรปันส่วนเรียบร้อย เหยียนหมิงซุ่นจุ๊ปากชื่นชม ไม่คิดว่าหนูหน้าตาอัปลักษณ์แบบนี้รสชาติกลับดีเกินคาด สดใหม่ยิ่งกว่าเนื้อแกะอีก

หรือว่าเดี๋ยวไปล่ามากินอีกหลาย ๆตัวดี?

“ตุ๊บ”

เหยียนหมิงซุ่นเพิ่งเกิดความคิดนี้ขึ้นมาจู่ ๆเจ้าหนูทะเลทรายตัวดำหนึ่งพรวนก็หล่นตุบตกลงมาตรงหน้าเขา แต่ละตัวอวบอ้วนที่แค่ดูสภาพการตายของพวกมันก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นฝีมือใคร!

ฉิวฉิวชี้ไปที่ผลงานของเขาอย่างได้ใจทั้งชี้ไปที่กองไฟอีกทีร้องเสียงจี๊ด ๆ จากนั้นก็ลงมือทานเนื้อที่เหยียนหมิงซุ่นเหลือไว้ให้เขาอย่างไม่เกรงใจอีกต่อไป

เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้ม นี่ไปจับหนูทะเลทรายแถมยังพังรังของเขามาอีกหรือเนี่ย!

เขาจัดการอย่างคล่องมือ เริ่มปิ้งทีละตัว ๆ หนึ่งคน ทั้งสามก็อิ่มแปล้ไปหนึ่งมื้อ

เหยียนหมิงซุ่นไปเก็บฟืนแห้งอีกหน่อยเตรียมค้างคืนที่นี่แล้วค่อยตามหาทางออกต่อในวันพรุ่งนี้ เขาเดินอยู่ในทะเลทรายมาสามวันแล้ว หากไม่ออกไปอีกเกรงว่าทางประเทศจะคิดว่าเขาตายไปแล้ว อีกอย่างถ้าเหมยเหมยรู้เข้ายายเด็กโง่คนนี้ต้องร้องไห้ขี้มูกโป่งแน่เลย!

นั่งล้อมกองไฟที่มอบความอบอุ่น เหยียนหมิงซุ่นฉิวฉิวและฉาฉาต่างแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว พาลนึกถึงฮว่าเซี่ย…

ฉิวฉิว ‘ก่อนมาที่นี่เพิ่งจีบกระรอกตัวอ้วนแสนสวยตัวหนึ่งได้ จนตอนนี้ยังไม่ได้กลับไปเลย หวังว่าจะไม่โดนกระรอกตัวผู้ตัวอื่นตัดหน้าไปนะ’

ฉาฉา ‘อยากกลับไปอยู่เป็นเพื่อนเจ้านาย ที่นี่ร้อนเกินไป ฉันทนไม่ไหวแล้ว!’

เหยียนหมิงซุ่น ‘ยายเด็กโง่ตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่นะ? อยู่ในค่ายทหารทนไหวไหม? คนที่เขาส่งตัวไปน่าจะรู้ความหมายแล้วสินะ?’

……

พวกเหมยเหมยกำลังยืนอยู่ใต้แสงแดดร้อนจ้า ชุดฝึกทหารเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อและดวงตาพร่ามัวเพราะหยาดเหงื่อไหลย้อยจนแทบลืมตาไม่ขึ้น

ทุกคนต่างมีใบหน้าซีดเซียว โดยทั่วไปนักศึกษาที่เรียนเกี่ยวกับศิลปะมักมีฐานะทางบ้านไม่แย่นัก ต่อให้เป็นเด็กจากชนบทก็มาจากครอบครัวที่ฐานะทางบ้านไม่ย่ำแย่ ณ ตอนนี้ยืนอยู่ใต้แสงอาทิตย์มาเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว นักศึกษาทุกคนชักจะเริ่มทนไม่ไหวแล้ว

“สองแขนชิดกัน”

“ยืดอกตัวตรง”

“ยืนตรง…ห้ามพักขา!”

ครูฝึกวัยรุ่นสุดเข้มงวดเดินมาข้างนักศึกษาชายคนหนึ่งแล้วเตะขาใส่ทีหนึ่งจนนักศึกษาชายคนนั้นรีบยืนตรงด้วยความตกใจ น้ำตาคลอเบ้าสีหน้าขมขื่นยิ่งกว่าอะไร

นักศึกษาคนอื่นๆ เห็นเข้าก็ล้มเลิกความคิดสนุก ๆแอบยืดตัวตรงไปตาม ๆกัน พวกเขาไม่อยากโดนครูฝึกเตะต่อหน้าคนมากมายแบบนี้หรอกนะ!

อับอายขายขี้หน้าชะมัด!

เหมยเหมยเองก็รู้สึกปวดขามากราวกับฝ่าเท้าโดนตะปูตำ สองขาเหมือนไม่ใช่ขาของตัวเองแต่เธอยังกัดฟันทนต่อไป หากความลำบากแค่นี้ยังทนไม่ได้ วันหลังเฮ่อเหลียนชิงต้องบอกว่าเธอไม่คู่ควรเป็นภรรยาของพี่หมิงซุ่น!

เฮ่อเหลียนชิงกอดต้าหวงที่อ้วนจนแทบไม่เห็นกรงเล็บพลางถามอย่างไม่ใส่ใจ “ยัยบ้านั่นเป็นอย่างไรบ้าง? มีไหวพริบดีมั้ย? ทำงานเป็นอย่างไรบ้าง?”

เสี่ยวเมิ่ง “สบายใจได้ครับ หมิงซุ่นสั่งกำชับมาโดยเฉพาะ ไหวพริบดีเลิศ ไม่มีทางทำให้เหมยเหมยลำบากแน่นอน!”

เฮ่อเหลียนชิงยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วลูบต้าหวงไปมาไม่หยุด ต่อให้เขาจะไม่ชอบใจยัยบ้านั่นสักเท่าไร แต่อยู่ข้างนอกก็ถือว่าเป็นคนของเขาย่อมต้องดูแลเป็นพิเศษสิ!

………………………..