ตอนที่ 2590

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,590 : ข้าต้วนหลิงเทียน ไม่ใช่ว่าใครก็ได้!

 

หยินหยางนั้นเป็นพลังชี่ต้นกำเนิดของสรรพชีวิตทั้งสองเพศ ไม่เว้นมนุษย์

 

มนุษย์เพศชายนั้นถือกำเนิดเกิดมาพร้อมหยางชี่

 

มนุษย์เพศหญิงเกิดมาพร้อมหยินชี่

 

‘จากข้อความในป้ายหยก อาณาบริเวณใกล้ๆทางเข้าออกโลกใบเล็กมีค่ายกลหยินหยางผกผัน ที่จะคอยตรวจจับหยางชี่ กับหยินชี่เอาไว้…หากหยินชี่กับหยางชี่เข้าใกล้กันในระยะ 2 ลี้ ค่ายกลจะเริ่มต้นกระบวนการแผ่ขยายพื้นที่ผันผวนเพื่อดูดกลืนเจ้าของชี่ทั้ง 2 เข้ามาในโลกใบเล็กทันที…’

 

‘กระทั่งต่อให้หนึ่งในนั้นเป็นมนุษย์ส่วนอีกหนึ่งเป็นสัตว์ ก็จะถูกดูดเข้ามาเช่นกัน…’

 

‘แต่ถ้า…สิ่งมีชีวิตที่เป็นเจ้าของหยินชี่กับหยางชี่ไม่ใช่มนุษย์ มันจะถูกป่นทำลายไปในกระบวนการดึงเข้าสู่โลกใบเล็กโดยความผันผวนเชิงพื้นที่ทันที…’

 

‘สำหรับมนุษย์นั้น เมื่อเข้ามายังโลกใบเล็กแล้ว ทว่ากลับไร้ซึ่งคู่ที่เป็นเพศตรงข้ามอยู่รอบกาย ก็จะทำให้ค่ายกลหยินหยางผกผันเริ่มต้นกระบวนการทำงานอีกครั้ง และฆ่าผู้ที่ถูกดึงดูดเข้ามาให้ตกตาย!’

 

หลังอ่านข้อความในป้ายหยกไปได้ไม่นาน ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะสูดอากาศเข้าลึกๆ

 

‘ดังนั้น…ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาที่โลกใบเล็กนี้ถูกค้นพบ สมควรมีหลายคนที่บังเอิญเข้ามาใกล้กันในระยะ 2 ลี้ และดันมีพลังหยินไม่ก็หยางชี่สอดคล้องกันกับเงื่อนไขการทำงานของค่ายกลหยินหยางผกผันพอดี…’

 

‘ดังนั้นทั้งหมดจึงกระตุ้นการทำงานของค่ายกลโดยไม่รู้ตัว ทำให้ความผันผวนเชิงพื้นที่แผ่ขยายออกไป สุดท้ายก็ถูกดูดเข้ามาภายในโลกใบเล็ก’

 

คิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะหันมองไปรอบๆ และได้พบศพที่เหลือแต่ร่างกายส่วนล่าง

 

ข้างๆซากศพไม่สมบูรณ์ก็มีแหวนพื้นที่ กับป้ายประจำตัว

 

‘เอ๋ ป้ายนี้มัน!’

 

ไม่ทันรู้ตัวพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดไร้สภาพก็แผ่ออกไปหยิบยกป้ายประจำตัดังกล่าว และดูดรั้งมันเข้ามาถือไว้ทันที

 

จนเมื่อพบว่าป้ายดังกล่าวมีภาพหัวมังกรแกะสลักไว้ด้านหน้าพร้อมคำสามคำว่า กองทัพมังกรดำ เขาก็ทำตาโตขึ้นมาทันที!

 

และพอพลิกกลับไปดูด้านหลังก็พบว่ามีตัวมังกรที่แกะสลักคำ 3 คำว่า เชียนฟูฉาง เอาไว้!

 

‘ให้ตายเถอะ! ศพนี่มัน…เป็นศพของแม่ทัพของกองทัพมังกรดำงั้นหรือ?!’

 

‘คิดไม่ถึงว่ามันจะถูกความผันผวนเชิงพื้นที่ดูดเข้ามาในนี้จริงๆ…ยิ่งไปกว่านั้นมีเพียงศพมันแค่ครึ่งตัว หมายความว่า สิ่งมีชีวิตที่มีหยินชี่ที่เข้ามาใกล้ทางเข้าในระยะ 2 ลี้เหมือนมันไม่ใช่มนุษย์…’

 

ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าว

 

‘มันช่างดวงซวยจริงๆ’

 

ต้วนหลิงเทียนเมื่อริบป้ายประจำตัวของแม่ทัพดังกล่าวมาแล้ว เขาก็ริบแหวนพื้นที่ของมันมาด้วย และเริ่มหยดเลือดผูกพันธะครองแหวนทั้งแผ่สำนึกลงไปตรวจสอบสิ่งของด้านในทันที

 

จึงพบว่า

 

ภายในมีดาบเซียนอมตะ และข้าวของแปลกตากองระเกะระกะ ยังมีกองหินอมตะระดับต่ำและกองหินอมตะระดับกลาง

 

แน่นอน่วาในฐานะที่เป็นถึงเชียนฟูฉ่างหรือชนชั้นแม่ทัพ จำนวนหินอมตะในแหวนวงนี้ ย่อมมากกว่าจำนวนหินอมตะในแหวนของไป่ฟูฉางที่ต้วนหลิงเทียนได้ฆ่าไปไม่น้อย

 

‘น่าเสียดายที่หลังถูกดูดเข้ามาในโลกใบเล็กแล้วจะถูกสุ่มไปอยู่ในพื้นที่แยกย่อยต่างๆ…ไม่งั้นในนี้คงมีมากกว่าศพของแม่ทัพ’

 

ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะลอบทอดถอนในใจด้วยความเสียดาย

 

ในความคิดของต้วนหลิงเทียนหากตอนถูกดึงเข้ามามันไม่สุ่มถ้ำที่จะปรากฏออกมาในช่วงเวลาไม่ห่างกันมาก เขาสมควรเจอสมบัติมากมายจากคนที่เข้ามาตายในนี้

 

‘แต่…ถ้าออกจากที่นี่ไม่ได้ ต่อให้จะมียอดสมบัติสววรรค์และหินอมตะมากแค่ไหนก็ไร้ค่า…’

 

คิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มขื่นขมออกมา

 

‘ไม่น่าแปลกใจเลยที่ตอนแรกนางพูดว่า…หากฆ่าข้านางก็ตายไปด้วยออกมา’

 

‘ที่แท้ภายในโลกใบเล็กแห่งนี้เว้นเสียแต่ชายหญิงจะอยู่ใกล้ๆกันในรัศมีสองลี้ หาไม่แล้วค่ายกลหยินหยางผกผันจะเริ่มเปล่งอานุภาพสังหารทันที ยิ่งไปกว่านั้นหากมีหญิงหรือชายตายตกไปสักคน ค่ายกลหยินผยางผกผันก็จะเริ่มต้นการทำงานเหมือนกัน’

 

หลังอ่านข้อมูลที่อยู่ในป้ายหยกมากเข้า ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจแล้วว่าทำไมสตรีข้างๆ ถึงพูดออกมาแบบนั้น

 

ว่าหากฆ่าเขาแล้วนางจะตายไปด้วย! ที่แท้เมื่อฆ่าเขาแล้วจะเป็นการกระตุ้นค่ายกลหยินหยางผกผันอีกรอบ ซึ่งไม่ต่างอะไรจากกระตุ้นอาคมสังหาร!!

 

“แม่นาง ด้วยพลังของท่าน…ยังไม่อาจทำลายค่ายกลสังหารนี่ได้อีกหรือ?”

 

ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะมองถามสตรีผู้นั้น

 

เมื่อพิจารณาจากเรื่องที่ นางอาศัยแค่เศษกลิ่นอายพลัง ก็สร้างแรงกดดันให้เขากระอักเลือดได้…

 

เช่นนั้นพลังฝึกปรือของสตรีนางนี้สมควรอยู่เหนือขอบเขตต้าหลัวจินเซียนแน่นอน และอาจจะไม่ได้เหนือกว่าต้าหลัวจินเซียนธรรมดาๆ

 

“ผู้ที่ทิ้งโลกใบเล็กแห่งนี้ไว้…คือยอดฝีมือขอบเขตเซียนหวาง”

(ขอทับศัพท์ไปก่อนนะ ไม่รู้จะเอาอะไรดี)

 

สตรีนางนั้นกล่าวตอบออกมาด้วยน้ำเสียงเฉยเมย

 

“เซียนหวาง!?”

 

ได้ยินวาจาดังกล่าวของนาง ลูกตาต้วนหลิงเทียนก็หดหยีลงทันใด

 

ตอนนี้เขาไม่ใช่คนหลังเขาที่พึ่งขึ้นมายังระนาบเทวโลกอีกต่อไป

 

หลังได้ไปนั่งฟังเรื่องราวอยู่ในเหลาอาหารครึ่งค่อนวัน ทั้งซักถามทุกสิ่งที่อยากรู้จากเสี่ยวเอ้อในห้องส่วนตัว ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบระดับบ่มเพาะทั่วไปของเหล่าเซียนอมตะในระนาบเทวโลก

 

ด้วยเหตุนี้เขาจึงรู้ว่าตัวตนระดับ เซียนหวางนั้นเป็นตัวตนระดับไหน

 

เหนือเซียนอมตะสวรรค์ ก็คือจินเซียน

 

เหนือจินเซียนก็คือต้าหลัวจินเซียน

 

เหนือต้าหลัวจินเซียนก็คือ หลัวเทียนซ่างเซียน

 

เหนือหลัวเทียนซ่างเซียน ก็คือ เซียนจวิน

 

เหนือเซียนจวินไปอีกขั้นถึงจะเป็น เซียนหวาง!

(ขอทับศัพท์ไปก่อนนะครับ ค่อยแปลไทยทีหลัง)

 

“นี่…โลกใบเล็กแห่งนี้…เป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนหวางสร้างทิ้งไว้?!”

 

ลมหายใจของต้วนหลิงเทียนแรงขึ้นไม่น้อย

 

ถึงแม้พลังฝีมือของเขาตอนนี้จะเทียบได้กับตัวตนขอบเขตจินเซียน แต่อย่างไรพลังฝึกปรือของเขาก็ยังพึ่งอยู่ในขอบเขตเซียนอมตะสวรรค์จันทร์แดงเหมือนกับเซียนอมตะสวรรค์หน้าใหม่ที่พึ่งขึ้นมายังระนาบเทวโลกเท่านั้น

 

ตอนนี้สาเหตุที่ไฉนเขาสู้กับตัวตนที่มีระดับพลังสูงกว่าได้ก็เพราะ…

 

เขาเสมือนอยู่ในหมู่บ้านเริ่มต้นของหลิงหลัวเทียนก็ว่า เหล่าเซียนอมตะที่นี่นอกจากพลังฝึกปรือจะต้อยต่ำแล้ว วรยุทธ์เซียนอมตะ เวทย์พลัง ทั้งยอดสมบัติสวรรค์ก็ล้วนแล้วแต่เป็นระดับทั่วไปเท่านั้น

 

วันหน้าเมื่อเขาไปยังพื้นที่ระดับสูงมากขึ้นเท่าไหร่ ความได้เปรียบนี้ก็จะลดน้อยลงเรื่อยๆ

 

เพราะวันหน้าเซียนอมตะที่เขาต้องเผชิญหน้า ไม่พ้นต้องมีวรยุทธ์เซียนอมตะ ทั้งเวทย์พลังแม้กระทั่งยอดสมบัติสวรรค์ที่มีระดับสูงกว่านี้แน่นอน

 

เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนย่อมรู้ดี

 

‘ในป้ายหยกใบนี้ยังบอกวิธีผ่านด่านทดสอบในโลกใบเล็กอย่างปลอดภัยอีกด้วย’

 

‘หากปฏิบัติตามคำชี้แนะ คิดผ่านบททดสอบด้านในก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร และหากชายหญิงไม่อยู่ห่างกันเกินไป หรือมีใครตายไปซะก่อนจนกระตุ้นค่ายกลหยินหยางผกผันให้เปล่งพลังสังหาร ก็ไม่มีใครต้องตาย’

 

ขณะที่อ่านข้อความในป้ายหยกไล่ลงมาเรื่อยๆ เขาก็ได้รับทราบวิธีในการผ่านด่านต่างๆในโลกใบเล็ก

 

นี่เป็นดั่งการเล่นเกมส์ภาษาในชีวิตที่แล้ว โดยมีบทสรุปวางให้ดูพร้อม! ขอแค่ทำตามจะอย่างไรก็ต้องเล่นจบได้แน่นอน!!

(เกมส์ภาษาผู้อ่านหลายคนอาจไม่รู้จักเพราะเกิดไม่ทัน! มันคือพวก RPG หรือโรลเพลอิ้งเกมส์อ่ะ เหมือนพวกไฟนอล ดรากอนเควสไรงี้ หนุกนะ นั่งเล่นได้ทั้งวันอะ)

 

‘ด่านทดสอบหลายด่านไม่ได้เน้นสังหาร แต่จะเน้นแยกชายหญิงให้ออกห่างจากกัน’

 

‘หากไม่ได้คำชี้แนะในป้ายหยกนี่ ชายหญิงที่ไม่รู้จักกันพอถูกจับคู่เข้ามาในโลกใบเล็กแห่งนี้ มีแนวโน้มว่าจะต้องแยกทางกันไปแน่นอน…และพอทั้งคู่อยู่ห่างจากกันเกิน 2 ลี้ก็จะกระตุ้นค่ายกลหยินหยางผกผันให้ระเบิดพลังสังหาร…’

 

‘ด้วยมีคำชี้แนะในป้ายหยก…คิดผ่านด่านทดสอบทั้งหลาย ข้าก็ไม่ต้องกลัวตายอย่างโง่งมแล้ว’

 

ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มออกมาบางๆ หลังอ่านข้อความชี้แนะวิธีผ่านด่านทดสอบของโลกใบเล็ก

 

เพราะมันหมายความว่าเขากับสตรีข้างๆสามารถฟันฝ่าบททดสอบทั้งหมดไปได้อย่างไร้ปัญหา! และไม่ต้องกลัวตกตายระหว่างการทดสอบเพราะไม่รู้วิธีผ่าน!!

 

‘หืม นี่เป็นข้อมูลส่วนสุดท้ายแล้ว…ถ้าหากเดาไม่ผิดสมควรมีคำชี้แนะวิธีออกจากโลกใบเล็กแห่งนี้แน่นอน’

 

ก่อนที่จะเริ่มอ่านข้อความส่วนสุดท้าย ต้วนหลิงเทียนก็คาดเดาได้ว่ามันจะชี้แนะเรื่องอะไร

 

อย่างไรก็ตามแม้ต้วนหลิงเทียนจะเดาว่ามันสมควรเป็นวิธีการที่ทำให้ออกไปอย่างปลอดภัย แต่เขาก็ไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ…

 

ว่าสิ่งที่ ‘ต้องทำ’ เพื่อออกจากโลกใบเล็กจะทำให้เขาถึงกับพูดไม่ออก!

 

มีเพียงชายหญิงร่วมกันฝ่าฟันบททดสอบทั้งหมดมาได้ ทำการ ‘เสพสังวาส’ กันแล้วเท่านั้น ถึงจะออกจากโลกใบเล็กได้อย่างปลอดภัย…

 

‘และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ถึงแม้หญิงชายจะร่วมกันฝ่าฟันบททดสอบทุกอย่างมาได้แล้ว…แต่เมื่อนับจากวันแรกที่เข้ามา หากยังไม่ร่วมประเวณีกันภายในเวลา 3 เดือน ก็จะเป็นการกระตุ้นค่ายกลหยินหยางผกผันให้ทำงานอีกครั้ง และไม่พ้นทั้งคู่ต้องถูกพลังอาคมสังหารเข่นฆ่าจนตาย!!’

 

หลังอ่านจบ ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ ก่อนจะโยนป้ายหยกสีเขียวคืนกลับไปให้สตรีข้างๆ

 

“ดูจบแล้ว?”

 

หญิงสาวเอ่ยถามเสียงเบา

 

“อืม”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า

 

“ข้า…ข้าไม่มีวัน…กระทำสิ่งนั้นกับเจ้าได้…ต่อให้ข้าต้องตาย!”

 

ทันใดนั้นสตรีดังกล่าวก็มองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาแน่วแน่ กล่าวออกด้วยน้ำเสียงหนักแน่นยิ่งกว่าครั้งไหน

 

“เจ้าหมายความว่าอะไร?”

 

ได้ยินวาจาดังกล่าวของหญิงสาว ต้วนหลิงเทียนก็ขมวดคิ้วด้วยความขุ่นเคืองทันที “เจ้าถามข้าสักคำรึยัง ว่าข้าเต็มใจทำอะไรกับเจ้าเพื่อออกไปจากโลกใบเล็กแห่งนี้หรือไม่?”

 

“เจ้าอย่าคิดเองเออเอง”

 

“ข้าต้วนหลิงเทียนมีครอบครัวแล้ว แต่ถึงข้าจะยังไม่มีครอบครัว แต่ข้าต้วนหลิงเทียนก็ไม่ใช่คนที่จะนอนกับใครก็ได้!”

 

“เจ้าบอกว่าต่อให้ตาย เจ้าก็ไม่มีวันยอมมีอะไรกับข้างั้นเหรอ? ข้าจะบอกอะไรให้…เจ้าไม่ต้องมาพูดถึงเรื่องที่ยอมตายแต่ไม่มีวันยอมนอนกับข้าด้วยซ้ำเพราะต่อให้เจ้าเลือกจะนอนกับข้า…แต่นั่นก็ต้องขึ้นอยู่กับข้าต้วนหลิงเทียนคนนี้ด้วย! ว่าจะยอมนอนกับเจ้าหรือไม่!!”

 

ว่าจาท้ายประโยค ขณะกล่าวต้วนหลิงเทียนก็เหลือบมองสตรีเบื้องหน้าด้วยสายตาไม่พอใจทั้งแฝงความเดียจฉันท์ราวกับมองสตรีในหอโคมเขียว

 

“เจ้า”

 

สตรีนางนี้ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะถูกต้วนหลิงเทียนกล่าวย้อนออกมาด้วยสายตาเช่นนี้ ทำให้ร่างบางของนางสั่นสะท้านไปด้วยโทสะทันที

 

แต่แน่นอนว่านางมองเห็นได้ชัดเจนถึงความแตกต่างจากเหล่าบุรุษทั้งหลายที่พบเจอมา ในแววตาของบุรุษเบื้องหน้า…

 

หากเปลี่ยนเป็นบุรุษคนอื่น ไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะมีทีท่าทำราวกับขยะแขยงนางเช่นนี้แน่!

 

ถึงแม้นางจะไม่เคยติดต่อกับบุรุษคนไหนมาก่อน

 

แต่ไม่เคยกินหมูก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเห็นหมูวิ่ง

 

“เอาล่ะ! อย่าเสียเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์ มาทำตามคำชี้แนะในป้ายหยกนั่นเพื่อผ่านด่านทดสอบทั้งหมดก่อน…หลังผ่านด่านทดสอบทั้งหมด ค่อยหาวิธีออกไปจากที่นี่โดยไม่ต้องทำอะไรฝืนใจแบบนั้น”

 

ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองสตรีดังกล่าวด้วยสายตาเฉยเมยกล่าวออกเสียงเรียบ

 

ถึงแม้เขาจะเห็นชัดถนัดตา

 

ว่ารูปโฉมของสตรีเบื้องหน้านั้นงดงามไร้ที่ติ ไม่ได้ด้อยไปกว่าภรรยาทั้ง 2 กับสตรีคนรัก กระทั่งนางยังแลดูมีสง่าราศีและความสูงศักดิ์เพราะพลังอันยากหยั่งถึง

 

อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้คิดอะไรกับสตรีเบื้องหน้าแม้แต่นิดเดียว

 

เพราะสุดท้าย ข้างกายเขาก็มีสตรีมากพอแล้ว

 

นอกจากภรรยาทั้ง 2 เขายังมีสตรีคนรักอยู่อีกทั้งคน….