เจี่ยงหมิงก็รีบพูดว่า “ป้าหลี่ครับ เรื่องนี้ป้าไม่ต้องมายุ่งหรอกครับ มันเป็นบุญคุณความแค้นของผมกับเย่เฉิน อีกอย่าง การแข่งขันของเราในครั้งนี้ ไม่ว่าใครจะชนะ ก็เป็นผลดีกับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ากันทั้งนั้น รถของผมคันนี้ ถ้าเอาไปขายมือสองก็ยังขายได้4แสนกว่าหยวน ส่วนรถของเย่เฉินถึงแม้จะถูกหน่อย แต่อย่างน้อยก็ได้2-3แสน เงินที่ขายได้ก็จะให้ทางสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทั้งหมด จะได้ให้น้องๆ ได้มีชีวิตที่ดีขึ้นครับ”

ตอนนี้เย่เฉินก็พูดกับป้าหลี่ว่า “ป้าหลี่ครับ เรื่องนี้ป้าไม่ต้องกังวลไปนะครับ เดี๋ยวผมกับเจี่ยงหมิงจะจัดการกันเองครับ”

จริงๆ แล้วป้าหลี่กลัวเย่เฉินจะเสียเปรียบ แต่พอเห็นเย่เฉินมั่นใจแบบนี้ เธอก็รู้สึกว่า เรื่องนี้คงจะไม่ง่ายอย่างที่ตนเองคิด

จริงๆ แล้วที่ไปหาหมอที่เย่นจิงครั้งนี้ ป้าหลี่ก็พบอะไรที่ไม่ค่อยปกติ

สิ่งผิดปกติสิ่งแรกก็คือ หมอในโรงพยาบาลดูพูดจาเกรงใจตนเองมากไป ราวกับนับว่าตนเป็นแขกคนสำคัญ

ตอนที่ตนเองพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาลนั้น พอดีมีดาราคนหนึ่ง ก็ไปหาหมอที่โรงพยาบาลเซี๋ยเหอพอดี คนที่ตรวจอาการให้กับดาราคนนั้น ก็คือหมอที่ตรวจอาการของตนเอง

แต่เธอกลับพบว่า หมอเจ้าของไข้พูดจากับดาราคนนั้น ไม่เคารพนอบน้อมเหมือนกับตอนคุยกับตนเองเลย

เธอก็คิดในใจว่า ตนเองก็เป็นแค่พนักงานคนหนึ่งในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แล้วชีวิตนี้ก็เพิ่งเคยมาเย่นจิงเป็นครั้งแรก ไม่ได้มีเส้นสายอะไร ไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง ทำไมหมอถึงได้ดูเคารพนอบน้อมต่อตนเองขนาดนี้?

สิ่งผิดปกติอย่างที่สอง ตอนที่ตนเองขึ้นเตียงผ่าตัด แล้วถูกฉีดยาชาจนชาไปทั้งตัว แต่ยังไม่ได้สลบไปนั้น ได้ยินหมอหัวหน้าการผ่าตัดพูดกับพยาบาลผู้ช่วย

เธอสะลึมสะลือได้ยินเขาคุยกันว่า ผู้ป่วยท่านนี้เป็นผู้มีพระคุณของคุณชาย ดังนั้นจะต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก

เธอก็ไม่เข้าใจมาตลอด ว่าที่เขาคุยกันว่าคุณชายนั้น เป็นใครกันแน่? หรือว่าตอนนั้นตนเองหูแว่วไปเอง เลยได้ยินผิด

แต่ทว่า ทุกครั้งที่เธอหวนคิดช่วงเวลานั้น ก็มักจะนึกถึงเย่เฉิน

ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่มักจะรู้สึกว่า เด็กคนที่เธอเห็นมาตั้งแต่เด็กจนโตนี้ คงจะไม่ใช่คนธรรมดาๆ แน่นอน

แล้วอีกอย่าง ตอนนั้นก็มีค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดของตนเอง ก็ได้เย่เฉินจัดการให้ทั้งหมด

เขามีวิธีอะไรกันนะ ที่สามารถหาเงินมากมายขนาดนั้นได้ภายในเวลาไม่นาน

นี่ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเหลือเชื่อ

ตอนนี้มาเห็นเย่เฉินอีกครั้ง เธอก็ยิ่งพบว่า เย่เฉินเปลี่ยนกว่าก่อนมาก ความเปลี่ยนที่ชัดเจนที่สุดคือ เขามีความมั่นใจมากกว่าเมื่อก่อน แถมมากกว่าเดิมเยอะเลย!

นี่ก็ทำให้ในใจป้าหลี่รู้สึกชื่นชมเป็นอย่างมาก เพราะว่าหลายปีก่อนหน้านี้ เธอหวังอยากจะให้เย่เฉินมีความมั่นใจในตัวเองบ้าง แต่ก็ไม่เคยสำเร็จ วันนี้ได้เห็นแล้ว ว่าเย่เฉินได้ก้าวข้ามเข้าไปในจุดที่สำเร็จลุล่วงแล้ว

พอคิดถึงจุดนี้ เธอก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของเย่เฉินกับเจี่ยงหมิงอีก

ตอนนี้เจี่ยงหมิงก็พูดกับเย่เฉิน ด้วยใบหน้าที่เย่อหยิ่ง “เย่เฉิน เพื่อความยุติธรรม ในรถของเราทั้งสองคัน จะต้องบรรทุกคนไปด้วย5คน ให้พวกเพื่อนๆ แล้วก็ป้าหลี่เป็นพยาน จะได้ไม่แพ้แล้วพาล”

เย่เฉินก็พยักหน้า แล้วพูดว่า “เอาอย่างนี้ ป้าหลี่ เสี่ยวเฟิน แล้วก็จ้าวเห้า มานั่งรถผม”

“OK!” เจี่ยงหมิงกล่าว “งั้นพวกเพื่อนๆ ที่เล่นด้วยกันเมื่อก่อน มานั่งรถผมแล้วกัน!”

——–