“ไม่ได้!”
พอเห็นเย่เฉินยอม เจี่ยงหมิงก็มาเล่นงานเขาไม่ยอมปล่อย
เขาตั้งใจเพิ่มเสียงให้ดังขึ้น แล้วพูดว่า “ทุกคนได้ยินแล้วใช้ไหม มึงพูดเองนะว่า ไม่มีรถที่ช้าหรอก มีแต่คนขับว่าจะกล้าขับไวรึเปล่า ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นพวกเราก็มาแข่งกันต่อหน้าเพื่อนๆ ทุกคนเลยสิ”
เย่เฉินโบกปัด แล้วก็พูดแทงใจดำว่า “ไอ้หยาเจี่ยงหมิง ไม่ต้องแข่งกันหรอก ทุกคนล้วนมีมึงภาพรถไม่เท่ากัน แข่งกันแบบนี้ไม่ยุติธรรม”
ไม่ยุติธรรมจริงๆ รถBMWรุ่น760 มาขยี้เบนซ์E300L มันจะต่างอะไรกับเอาหมาป่ามากัดหมาพันธุ์ไซบีเลี่ยนฮัสกี้ล่ะ
เจี่ยงหมิงเห็นเย่เฉินบอกว่าตัวแปรของรถที่จะแข่งมันไม่เท่ากัน ก็นึกว่าเย่เฉินจะกลัว ก็เลยรีบพูดประชดว่า “เย่เฉิน เมื่อครู่ยังอวดเก่งอยู่เลยไม่รึไง? พอบอกให้แข่งกันดู ก็ขี้ขลาดตาขาวเสียแล้วล่ะ? ต่อหน้าภรรยาของมึง ให้มันดูเป็นลูกผู้ชายหน่อยสิวะ? ”
เย่เฉินก็แกล้งทำเป็นหัวเสีย พูดว่า “เฮ้อ เจี่ยงหมิง กูว่ามึงพูดไม่ได้เรื่องเลย ทุกคนต่างก็เป็นเพื่อนที่โตมาด้วยกัน จะต้องมาบีบบังคับกันขนาดนี้ไหม? ใช่อยู่ ว่ามึงนั้นขับรถอย่างดี แล้วมันมีอะไรให้อวดเก่งอะ? มึงคิดว่ารถของมึงดีกว่ากูหน่อย ก็จะเอาชนะกูได้อย่างนั้นรึไง? ”
เจี่ยงหมิงนึกว่าเย่เฉินจะหลงกลตนเองแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่า เป็นตนเองห่างหากที่หลงกลเสียเอง ก็รีบพูดขึ้นมาว่า “จะเอาชนะมึงได้หรือไม่นั้น มันก็ขึ้นอยู่กับว่า มึงกล้าแข่งกับกูรึเปล่า ถ้ามึงไม่กล้า ไม่ใช่ลูกผู้ชาย งั้นกูก็ทำอะไรกับมึงไม่ได้แล้วล่ะ”
เย่เฉินก็รีบพูดอย่างอับอายจนกลายเป็นโมโห ว่า “ได้!แข่งก็แข่ง กลัวที่ไหนล่ะ”
เจี่ยงหมิงก็รีบพูดหัวเราะคิกๆ ว่า “งั้นก็ดีเลย! งั้นพวกเราก็มาแข่งกัน เอาอย่างนี้ เรามาแข่งกันว่าใครสามารถไปถึงโรงแรมข่ายเยว่ก่อนกัน ใครถึงก่อน คนนั้นชนะ มึงว่าไง? ”
เย่เฉินพยักหน้า “จะว่าได้ก็ได้อยู่ แต่ว่าต้องมีเดิมพันเสียหน่อยดีไหม? ”
“เอาเลยสิ!” เจี่ยงหมิงพูดอย่างมั่นใจมาก ว่า “ของเดิมพัน มึงก็ว่ามาเลย อะไรก็ได้!”
เย่เฉินก็คิดๆ แล้วพูดว่า “เอาอย่างนี้ วันนี้กูได้ยินเสี่ยวเฟินพูดว่า ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจินหลิงกำลังขาดแคลนทุนทรัพย์ เอาอย่างนี้ไหม พวกเราไม่ว่าใครจะชนะ ก็เอารถของตนเองไปบริจาคที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ให้ที่นั่นเป็นคนจัดการเอง จะมากลับคำไม่ได้ มึงว่าไง? ”
จ้าวเห้า เพื่อนสนิทสมัยก่อน ก็รีบมาลากเขาไว้ แล้วพูดว่า “เย่เฉิน อย่าไปหลงกลมันเชียวนะ!ไอ้คนนี้มันไม่ได้คิดดีอะไรหรอก!”
เย่เฉินก็ยิ้มๆ ปากก็บอกว่าไม่เป็นอะไร แต่ในใจก็คิดว่า “ไอ้เพื่อนเอ๋ย จริงๆ แล้วกูอยากจะให้มันมาหลงกลเสียมากกว่า เพราะว่ากูเองแหละ ที่ไม่ได้คิดดีอะไร”
แต่ว่า คำพูดพวกนี้ไม่สามารถพูดออกมาได้
ตอนนี้เจี่ยงหมิงก็หัวเราะเสียงกังออกมา แล้วพูดว่า “เย่เฉิน รถBMW520คันนี้ เป็นชื่อมึงรึเปล่า? มึงเป็นพวกแต่งงานไปอยู่บ้านเมียไม่ใช่รึไง? นี่น่าจะเป็นรถของเมียมึงมากกว่านะ? ทำไมมึงถึงได้กล้าเอารถของเมียมึง มาโอ้อวดได้ล่ะเนี่ย? ถ้าเกิดว่าแพ้ขึ้นมา แล้วเมียมึงไม่ยอมบริจาครถให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แล้วมึงจะทำอย่างไร? ”
เซียวชูหรันที่อยู่ข้างๆ ก็ไม่พอใจกับความโอหังของเจี่ยงหมิงเป็นอย่างมาก แล้วก็พูดออกมาว่า “ถึงแม้รถจะเป็นชื่อของฉัน แต่นายวางใจเถอะ ฉันเอาหัวเป็นประกันเลย ว่าถ้าสามีฉันแพ้ ฉันก็จะบริจาครถคันนี้ให้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแน่นอน แต่ถ้านายแพ้สามีฉันล่ะก็ นายก็บริจาครถของนายให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าด้วยแล้วกัน มีคนมากมายดูอยู่ นายรับปากไหมล่ะ? ”
เจี่ยงหมิงได้ยินดังนั้น ก็เบาใจขึ้นมา
ในใจคิดว่า รถเบนซ์E300Lของกูเนี่ย จะวิ่งสู้รถBMW520ของมึงไม่ได้เชียวรึ?
ในเมื่อมึงหาเรื่องขายหน้าเอง งั้นก็เตรียมตัวSay Goodbyeเลยแล้วกัน!
ดังนั้น เจี่ยงหมิงก็พูดว่า “ในเมื่อมีสาวพูดออกมาแบบนี้แล้ว งั้นผมก็ไม่มีอะไรคัดค้าน มีเพื่อนๆ มากมายเป็นพยานให้ และป้าหลี่ก็อยู่ที่นี่ด้วย พวกเราก็ตกลงตามนี้แล้วกัน ใครแพ้ก็บริจาครถให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า”
ป้าหลี่ก็รีบพูดว่า “ไอ้หยา พวกนายทำอะไรกันเนี่ย? ต่างก็โตมาด้วยกันทั้งนั้น มีเรื่องอะไรก็คุยกันดีๆ สิ จะมาหาเรื่องกันทำไม? ฟังป้านะ อย่าพนันอะไรกันแบบนี้เลย พวกเราไปข้าวกันดีๆ เถอะ คุยเรื่องเก่าๆ กัน กระชับความสัมพันธ์กันหน่อย”
———-