คิดไม่ถึงเลยว่าฉินอวี้โม่จะตอบรับคำท้าอย่างง่ายดาย และนั่นทำให้หัวใจของว่านอิ้งสงเริ่มลังเลขึ้นมา
เดิมทีเขาคิดว่าไม่มีทางที่ตนเองจะพ่ายแพ้หากประจันหน้ากับฉินอวี้โม่ ทว่าเมื่อเห็นแววตาของอีกฝ่าย ความมั่นใจของเขากลับสั่นคลอน
“แม่สาวน้อย เหตุใดเจ้าจึงต้องรับคำท้า ?”
เห็นได้ชัดว่าผู้อาวุโสหลายคนไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของฉินอวี้โม่ แม้นางจะแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการต่อสู้ที่เหนือกว่าระดับของตนเองมาก ทว่าว่านอิ้งสงก็บรรลุขอบเขตเทพเซียนเก้าดาราขั้นสูงสุดแล้ว และแม้จะอยู่ในขอบเขตเทพเซียนเก้าดาราขั้นสูงสุด เขาก็สามารถต่อสู้กับจอมยุทธ์ในขอบเขตเทวราชได้ นั่นหมายความว่าฉินอวี้โม่แทบไม่มีโอกาสเอาชนะเขาได้เลย
“นางบุ่มบ่ามใจร้อนจนเกินไป หากให้เวลาอีกสักพัก นางอาจจะต่อกรกับว่านอิ้งสงได้ ทว่าตอนนี้นางยังขาดประสบการณ์อีกมากและคงไม่เป็นภัยต่อว่านอิ้งสงเลยสักนิด”
ในขณะที่บรรดาผู้อาวุโสกล่าวแสดงความเห็น ว่านเฉินซีกลับนิ่งเงียบไม่กล่าวสิ่งใด ทว่าสีหน้าของนางก็ดูตึงเครียดมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นางไม่สนับสนุนการตัดสินใจของฉินอวี้โม่ในการต่อสู้แลกชีวิตในครานี้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นสีหน้าที่ผ่อนคลายของเถาเซี่ยวเซี่ยวและศิษย์คนอื่น ๆ นางก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมาเล็กน้อย บางทีฉินอวี้โม่อาจซ่อนไพ่ตายบางอย่างไว้และมันอาจมากพอที่จะรับมือกับว่านอิ้งสงได้
“เหอะ รนหาที่ตายชัด ๆ !”
ว่านเจียงเหอแค่นเสียงเย็นชา การที่ฉินอวี้โม่ตกปากรับคำในการต่อสู้ที่มีชีวิตเป็นเดิมพันคือสิ่งที่เขาต้องการ ในการต่อสู้เช่นนี้ ศิษย์ผู้เข้าร่วมไม่จำเป็นต้องปฏิญาณตนใด ๆ และสามารถสังหารคู่ต่อสู้ได้โดยตรงซึ่งอาจจะเลือกไว้ชีวิตอีกฝ่ายหรือสังหารก็ได้ เพราะเหตุนั้น ว่านอิ้งสงจึงมีโอกาสสังหารฉินอวี้โม่และกำจัดนางไปให้พ้นทาง
เขาและผู้อาวุโสคนอื่น ๆ โบกมือเพื่อสร้างม่านป้องกันทั่วบริเวณลานประลองยุทธ์ ในเมื่อทั้งสองตอบตกลงในการต่อสู้โดยที่มีชีวิตเป็นเดิมพันแล้ว พลังในการต่อสู้ที่ทั้งสองจะปลดปล่อยออกมาก็จะรุนแรงเป็นอย่างมาก เมื่อถึงตอนนั้น พลังทำลายล้างจากการต่อสู้อาจส่งผลกระทบต่อผู้คนโดยรอบ ซึ่งการวางม่านป้องกันไว้รอบบริเวณเช่นนี้สามารถปกป้องศิษย์ทุกคนและป้องกันมิให้ลานประลองยุทธ์ถูกทำลายได้
ณ ลานประลองยุทธ์ การต่อสู้ระหว่างทั้งสองเริ่มต้นขึ้นแล้ว
ในเมื่อไม่มีข้อยกเว้นใด ทั้งฉินอวี้โม่และว่านอิ้งสงจึงใช้กระบวนท่าโจมตีที่ร้ายแรงและอันตรายออกมา
ว่านอิ้งสงปลดปล่อยพลังอำนาจเกือบทั้งหมดในการโจมตีฉินอวี้โม่ เวลานี้ กระบี่ยาวในมือของเขากลายเป็นลำแสงกระบี่หลายเส้นที่พุ่งตรงเข้าหาเป้าหมายโดยที่เปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร
ฉินอวี้โม่ก็ไม่มีท่าทีตื่นตระหนกใด ๆ และยังไม่หยิบอาวุธของตนออกมาด้วยซ้ำ พลังมายาของนางควบแน่นกลายเป็นกระบี่เล่มยาวและปัดป้องการโจมตีของว่านอิ้งสง
ภายในพริบตา ทั้งสองฝ่ายก็ปะทะกันจนเกือบจะถึงหนึ่งร้อยกระบวนท่าแล้ว
การเคลื่อนไหวของฉินอวี้โม่รวดเร็วกว่าเล็กน้อยและกระบวนท่าโจมตีก็เฉียบคมกว่ามาก พลังมายาใหม่ที่ผสานเข้ากับพลังทางสายเลือดของนางก็ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง แม้เป็นการเผชิญหน้าระหว่างพลังในขอบเขตเทพเซียนสองดารากับขอบเขตเทพเซียนเก้าดาราขั้นสูงสุดของว่านอิ้งสง นางก็ไม่เสียเปรียบแม้แต่น้อย
กระบวนท่าโจมตีของว่านอิ้งสงอัดแน่นไปด้วยพลังที่แรงกล้าและน่าสะพรึงกลัว อีกทั้งยังมุ่งเน้นไปที่จุดสำคัญทั้งหมดของฉินอวี้โม่ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขาตั้งใจที่จะสังหารนางโดยตรง
น่าเสียดายที่ฉินอวี้โม่สามารถหลบหลีกการโจมตีของเขาได้อย่างง่ายดาย ทั้งสองประจันหน้ากันอย่างซึ่ง ๆ หน้าหลายครา ทว่าพลังมหาศาลในร่างของฉินอวี้โม่ก็ขัดขวางการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามได้ทันและมันไม่สามารถทำให้นางบาดเจ็บได้เลย
ยิ่งต่อสู้กันมากเพียงใด ว่านอิ้งสงก็ยิ่งหวั่นใจมากขึ้นเพียงนั้น เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าผู้ที่บรรลุเพียงขอบเขตเทพเซียนสองดาราจะมีพลังที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้
ด้วยพลังในขอบเขตเทพเซียนเก้าดาราขั้นสูงสุดของตนเอง เดิมทีเขามั่นใจว่าจะสามารถบดขยี้อีกฝ่ายให้แหลกคามือได้ คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะรู้สึกว่าตนเองกำลังถูกฉินอวี้โม่บีบไล่ต้อนอยู่
“พลังมายาของนางประหลาดยิ่งนัก”
บรรดาผู้อาวุโสของนิกายหมื่นกระบี่มองดูการประจันหน้าระหว่างศิษย์สองคนอย่างไม่กะพริบตา และพลังมายาประหลาดที่ปกคลุมทั่วร่างของฉินอวี้โม่ก็ทำให้พวกเขาอดประหลาดใจไม่ได้
พลังมายาที่ฉินอวี้โม่บ่มเพาะฝึกฝนมาไม่เหมือนกับพลังมายาทั่วไปและมีธรรมชาติของความเผด็จการอยู่มากจนแม้แต่ผู้อาวุโสหลายคนก็รู้สึกได้ว่าพลังมายาในร่างของตนได้รับผลกระทบ แม้เป็นผลกระทบที่ไม่รุนแรงนัก พวกเขาก็สัมผัสได้อย่างชัดเจน
“มิอาจทราบได้เลยว่าแม่สาวน้อยผู้นั้นได้รับโชคลาภเช่นนั้นมาจากที่ใด พลังมายาที่นางถือครองช่างทรงพลังยิ่งนัก หากนางบรรลุขอบเขตเทพเซียนเก้าดาราเมื่อใด เกรงว่านางคงสังหารว่านอิ้งสงได้อย่างง่ายดายราวกับเป็นการดีดนิ้ว”
บรรดาผู้อาวุโสต่างก็ชื่นชมในพลังการต่อสู้ของฉินอวี้โม่
แม้อยู่เพียงขอบเขตเทพเซียนสองดารา พลังการต่อสู้ของฉินอวี้โม่ก็น่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น นางมีประสบการณ์การต่อสู้ที่โชกโชนกว่าว่านอิ้งสงมาก การเชื่อมต่อระหว่างกระบวนท่าทั้งหมดล้วนถูกคำนวณและผสานเข้ากันเป็นอย่างดีส่งผลให้ยากที่อีกฝ่ายจะรับมือได้ แม้ว่านอิ้งสงจะยังไม่บาดเจ็บในเวลาอันสั้น แต่ฉินอวี้โม่ก็เป็นฝ่ายที่ได้เปรียบในระยะยาว
“บัดซบ ! บัดซบชะมัด !”
สภาวะจิตใจของว่านอิ้งสงในตอนนี้ปั่นป่วนพอสมควรแล้ว เขาไม่เคยคาดคิดว่าอีกฝ่ายจะแกร่งกล้าเช่นนี้ การโจมตีของเขาไม่สามารถแตะต้องนางได้ด้วยซ้ำ ในทางกลับกัน การโจมตีของฉินอวี้โม่ตรงมาถึงตัวเขาอย่างต่อเนื่อง แม้ยังไม่สามารถฝ่าทะลวงการป้องกันของเขาไปได้ มันก็ทำให้ว่านอิ้งสงสูญเสียพลังงานไปเรื่อย ๆ หากสถานการณ์ยังดำเนินเช่นนี้ต่อไป การป้องกันของเขาจะพังทลายลงอย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้น ฉินอวี้โม่ก็จะทำให้เขาบาดเจ็บได้โดยง่าย
“ฉินอวี้โม่ วันนี้ข้าจะแสดงให้เจ้าได้เห็นว่าเราทั้งสองแตกต่างกันเพียงใด !”
สีหน้าของว่านอิ้งสงเย็นชามากขึ้นเรื่อย ๆ และมวลแสงที่สว่างเจิดจ้าก็ได้เปล่งออกมาจากร่างกายของเขา จากนั้นฉินอวี้โม่ก็ได้ยินเสียงประหลาดดังขึ้น
ทันใดนั้น กระบี่ยาวในมือของทุกคนในบริเวณลานประลองยุทธ์ก็ราวกับถูกดึงดูดโดยพลังที่มองไม่เห็นและรวมตัวกันในทิศทางของว่านอิ้งสงผู้ซึ่งยืนอยู่บนลานประลองอย่างรวดเร็ว
“เกิดอะไรขึ้นกัน ?”
ศิษย์ของนิกายหมื่นกระบี่ที่ไม่เข้าใจสถานการณ์นี้ต่างก็ฉงนสงสัยอย่างที่สุด เหตุใดจู่ ๆ กระบี่ในมือพวกเขาจึงสูญเสียการควบคุมไปเช่นนี้ ?
“ไม่คิดเลยว่าว่านอิ้งสงจะฝึกเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนได้บางส่วนแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะมั่นอกมั่นใจนัก”
ศิษย์หลายคนที่เคยประมือกับว่านอิ้งสงเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นได้ในทันทีและมองฉินอวี้โม่ด้วยแววตากังวล
พวกเขาตระหนักถึงพลังของเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนเป็นอย่างดี มันเป็นเคล็ดวิชาที่ทรงพลังและลึกลับอย่างมากซึ่งยากที่จะป้องกัน
อย่างไรก็ตาม การทำความเข้าใจและฝึกฝนเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่ให้สำเร็จเป็นสิ่งที่ยากเย็นแสนเข็ญ สำหรับพวกเขา หลายคนเคยได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนตั้งแต่เมื่อสองปีก่อน ทว่าจนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่สามารถทำความเข้าใจได้แม้แต่เสี้ยวเล็บของมัน
“ศิษย์น้องอวี้โม่กำลังตกอยู่ในอันตราย…”
ฉินเสี่ยวเยี่ยนและว่านหลิงเอ๋อร์เคยศึกษาเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนเช่นกัน ทว่าพวกนางเคยมีโอกาสได้ศึกษาเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้นและยังไม่สามารถทำความเข้าใจได้เลย อย่างไรก็ตาม การศึกษาเพียงไม่กี่ครั้งนั้นก็ทำให้พวกนางตระหนักถึงความน่าสะพรึงกลัวของเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนได้เป็นอย่างดี
ในฐานะคัมภีร์ลับที่เลื่องชื่อของจ้าวนิกายว่านอู๋เริ่น เคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนจึงถือเป็นหนึ่งในเคล็ดวิชาที่ทรงพลังที่สุดในโลกแห่งเทพ หากศึกษาจนบรรลุถึงระดับที่เข้าใจอย่างถ่องแท้นั้น จอมยุทธ์ผู้นั้นจะมีพลังมหาศาลราวกับสามารถพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน และแม้จะทำความเข้าใจได้เพียงเบื้องต้น มันก็จะเป็นประโยชน์ต่อจอมยุทธ์อย่างไม่รู้จบ
ก่อนหน้านี้ ว่านอิ้งสงเองก็ไม่สามารถทำความเข้าใจมันได้เช่นกันและเพิ่งทำความเข้าใจเศษเสี้ยวหนึ่งได้เมื่อไม่นานมานี้ และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาแสดงพลังของมันต่อหน้าทุกคน
“ผู้อาวุโสรองคงจะช่วยเหลือศิษย์คนโปรดคนนี้มาตลอดสินะ !”
ว่านเฉินซีกล่าววาจาถากถาง ทว่าด้วยเหตุผลบางประการ นางไม่กังวลเท่าใดนัก ความสามารถในการต่อสู้ที่ฉินอวี้โม่แสดงออกมาทำให้นางมั่นใจในตัวศิษย์ผู้นี้มากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น นางรู้สึกถึงความคุ้นเคยบางอย่างในพลังมายาของฉินอวี้โม่ เพียงแต่นึกไม่ออกว่าเคยพานพบกับมันจากที่ใด
“ว่านเฉินซี ไม่จำเป็นต้องพูดจาถากถางข้าหรอก ถึงอย่างไรวันนี้ฉินอวี้โม่ก็จะต้องตาย !”
ว่านเจียงเหอกล่าวอย่างไม่แยแสและพึงพอใจกับผลงานของศิษย์คนโปรดอย่างมาก
หลังจากที่บรรลุความเข้าใจในเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืน ศิษย์ของเขาก็จะกลายเป็นศิษย์อันดับหนึ่งของนิกายหมื่นกระบี่อย่างแน่นอน…