บนสังเวียนประลอง ฉินอวี้โม่ไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย
ก่อนหน้านี้ นางก็นึกสงสัยมาตลอดว่าพลังอำนาจของเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนที่เลื่องชื่อจะเป็นอย่างไร ตอนนี้นางพอจะเข้าใจได้เล็กน้อยแล้วและมันไม่ต่างจากที่นางจินตนาการไว้มากนัก ‘เคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืน’ แห่งนิกายหมื่นกระบี่ถือว่าไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง
ผู้ที่ฝึกฝนมันสามารถใช้กระบี่ของผู้อื่นเป็นอาวุธของตนเองและทำให้มือกระบี่ทุกคนต้องยอมจำนนอย่างมิอาจต้านทาน เพียงแต่น่าเสียดายที่ว่านอิ้งสงตรงหน้าเพิ่งทำความเข้าใจมันได้เพียงไม่นานและการควบคุมของเขาก็ยังไม่ดีนัก
หากว่านอู๋เริ่น—จ้าวนิกายหมื่นกระบี่เป็นผู้ที่ใช้เคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนนี้ เกรงว่าทั่วทั้งดินแดนคงจะสั่นคลอนและทุกคนต้องตกตะลึงจนตาค้างเป็นแน่ น่าเสียดายที่ว่านอิ้งสงไม่สามารถทำเช่นนั้น
“รอดูข้าทำลายเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนของเจ้าได้เลย !”
เวลานี้ เพลิงของซิวก่อตัวเป็นหอกเพลิงลุกโชนในมือของฉินอวี้โม่และพุ่งตรงไปที่ว่านอิ้งสง
อย่างไรก็ตาม กระบี่ยาวหลายร้อยเล่มก็ก่อตัวเป็นค่ายกลกระบี่ตรงหน้าว่านอิ้งสงอย่างรวดเร็ว
“ลุย !”
เขาโบกมือเล็กน้อยและพลังของกระบี่หลายร้อยเล่มเหล่านั้นก็ผสานรวมกันก่อนพุ่งเข้าโจมตีฉินอวี้โม่เพื่อมิให้นางมีโอกาสหลบหนีได้
“ระวังตัวด้วย !”
ใครคนหนึ่งอดตะโกนออกไปไม่ได้ ด้วยพลังโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ หากมันโจมตีถึงตัวฉินอวี้โม่ เกรงว่าหากไม่ตาย นางก็คงจะได้รับบาดเจ็บสาหัส
“ทำลายมันเสีย !”
ฉินอวี้โม่ตะโกนขึ้นก่อนปล่อยหอกเพลิงในมือพุ่งตรงออกไปพร้อมกับลำแสงหลายเส้น ร่างของนางในตอนนี้ดูโปร่งแสงจนแทบจะล่องหนไป อย่างไรก็ตาม ทุกคนก็สามารถมองเห็นกระบี่ยาวจำนวนมากที่กำลังร่วงหล่นสู่พื้นโดยที่ไม่สามารถทำให้นางบาดเจ็บได้เลย
เปลวเพลิงของซิวถือเป็นเปลวเพลิงที่ไร้เทียมทานและตอนนี้มันก็ใช้พลังเพียงส่วนหนึ่งในการแปลงเป็นหอกเล่มยาวเท่านั้น แน่นอนว่ากระบี่หลายร้อยเล่มเหล่านี้ไม่สามารถต้านทานพลังของมันได้
เคร๊ง ! เคร๊ง ! เคร๊ง……
เสียงกระบี่ร่วงลงพื้นดังขึ้นอย่างไม่รู้จบ เดิมทีว่านอิ้งสงก็คิดว่าการโจมตีนี้จะสังหารฉินอวี้โม่ได้อย่างแน่นอน ทว่ามันกลับไม่เกิดผลใดแม้แต่น้อย
หลังจากที่ฉินอวี้โม่ทำลายการโจมตีของเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนได้โดยตรง ร่างของนางก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา
“เป็นไปได้อย่างไรกัน ?!”
สีหน้าของว่านอิ้งสงถอดสีทันที แน่นอนว่าเขาไม่เคยคิดว่าเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนที่ทรงพลังจะถูกทำลายอย่างง่ายดายเช่นนี้
“ว่านอิ้งสง แม้จะใช้เคล็ดวิชาหมื่นกระบี่ได้ เจ้าก็เพิ่งทำความเข้าใจได้เพียงเสี้ยวเล็บเท่านั้นและยังไม่ถึงระดับเบื้องต้นด้วยซ้ำ หากเคล็ดวิชาที่เลื่องชื่อของนิกายเรามีพลังเพียงเท่านี้ จ้าวนิกายของเราคงไม่กลายเป็นยอดฝีมือผู้แกร่งกล้าของดินแดนและทำให้ทุกคนสั่นสะท้านได้หรอก !”
เสียงของฉินอวี้โม่ฟังดูเยือกเย็นจนน่าขนลุกในขณะที่หอกเพลิงในมือยังคงพุ่งตรงไปยังว่านอิ้งสง
แม้ยังคงตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ปฏิกิริยาของว่านอิ้งสงก็ไม่เชื่องช้า พลังมายาของเขาก่อตัวกลายเป็นกระบี่ยาวและต่อสู้กับฉินอวี้โม่อย่างจริงจังอีกครา
อย่างไรก็ตาม เคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนเมื่อครู่ก็เสียท่าให้กับฉินอวี้โม่ไปง่าย ๆ ซึ่งส่งผลให้ขวัญกำลังใจของเขาลดน้อยลงมาก นอกจากนี้ เคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนก็เป็นเคล็ดวิชาที่ดูดกลืนพลังมายาไปเป็นอย่างมาก เขาในตอนนี้จึงอ่อนแอลงและค่อย ๆ กลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
“แม่เจ้า ! ศิษย์น้องฉินอวี้โม่ทรงพลังยิ่งนัก แม้ข้าจะไม่มีความเข้าใจในเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืน ทว่าพลังที่ว่านอิ้งสงแสดงออกมานั้นก็น่าหวาดหวั่นและทำให้ข้ารู้สึกว่าไม่มีทางหยุดยั้งมันได้ หากข้าต้องเผชิญหน้ากับเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนนี้ด้วยตนเอง ข้าคงต้านทานไว้ไม่ได้”
ศิษย์คนหนึ่งกล่าวขึ้น เคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนที่ว่านอิ้งสงแสดงออกมาเมื่อครู่ทรงพลังมากและปิดกั้นทางหนีทีไล่ของเป้าหมายได้อย่างสมบูรณ์ หากเป็นตัวเขาและศิษย์คนอื่น ๆ ที่เผชิญกับการโจมตีนี้ พวกเขาจะต้องได้รับบาดเจ็บอย่างหนักเป็นแน่
“มิอาจทราบได้เลยว่าศิษย์น้องฉินอวี้โม่บ่มเพาะพลังมายาประเภทใดมา นางจึงทำลายการโจมตีของว่านอิ้งสงได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หรือมันหมายความว่าหากนางแข็งแกร่งมากพอ แม้แต่จ้าวนิกายของเราก็สู้นางไม่ได้อย่างนั้นหรือ ?”
หลายคนอดกล่าวออกไปไม่ได้ พวกเขาสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับพลังมายาประหลาดที่ฉินอวี้โม่แสดงออกมาเป็นที่สุด
“ไม่เสมอไปหรอก เคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนที่ว่านอิ้งสงแสดงออกมาจะเทียบกับจ้าวนิกายของเราได้อย่างไรกัน ? ต่อให้ฉินอวี้โม่ทรงพลังมาก หากประจันหน้ากับท่านจ้าวนิกาย ผลลัพธ์อย่างเดียวของนางก็คือการพ่ายแพ้อย่างราบคาบเท่านั้น ข้าได้ยินมาว่าเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนของท่านจ้าวนิกายบรรลุระดับที่สามารถแปลงอากาศเป็นกระบี่ได้แล้วและสามารถแปลงทุกอย่างในโลกให้กลายเป็นอาวุธของเขาได้”
ศิษย์อีกคนที่ทราบถึงความแกร่งกล้าของว่านอู๋เริ่นกล่าวแย้งขึ้นมาทันที แม้ใช้เคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนเช่นเดียวกัน ความแตกต่างระหว่างพวกเขาก็ห่างไกลกันนับแสนลี้ หากว่านอิ้งสงสามารถทำความเข้าใจในขั้นเบื้องต้นได้ ฉินอวี้โม่ก็คงจะมิใช่คู่มือของเขา ทว่าตอนนี้เขามีความเข้าใจเพียงผิวเผินเท่านั้นและมันแทบยังไม่เป็นรูปเป็นร่างด้วยซ้ำ
“ฮ่า ๆ ๆ ทำดีมาก !”
ว่านเฉินซีอดหัวเราะอย่างพึงพอใจไม่ได้ ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ที่กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของฉินอวี้โม่ก่อนหน้านี้ต่างก็รู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่านางทำลายการโจมตีของเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนได้อย่างง่ายดาย ความแข็งแกร่งของฉินอวี้โม่เหนือความคาดหมายของพวกเขาไปอย่างแท้จริง เชื่อว่าศิษย์ผู้มากความสามารถเช่นนี้จะพัฒนาจนกลายเป็นศิษย์อันดับหนึ่งในหอชั้นในได้อย่างแน่นอน
จิตสังหารของว่านเจียงเหอที่มีต่อฉินอวี้โม่ก็เริ่มรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาตระหนักแล้วว่าจะปล่อยให้นางพัฒนาต่อไปไม่ได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
เมื่อฉินอวี้โม่เติบโตและพัฒนายิ่งกว่านี้ ไม่เพียงแต่ว่านอิ้งสงเท่านั้น แม้แต่สถานะผู้อาวุโสรองของเขาก็ต้องสั่นคลอนและนั่นเป็นสิ่งที่ว่านเจียงเหอไม่มีวันยอมให้เกิดขึ้น
ความสัมพันธ์ระหว่างว่านเจียงเหอและผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ไม่ราบรื่นนัก เป็นธรรมดาที่ผู้อาวุโสใหญ่ว่านหรูชูจะไม่บอกเรื่องของฉินอวี้โม่ให้เขาได้ทราบ เพราะเหตุนั้น เขาจึงไม่ทราบเลยว่าฉินอวี้โม่มิใช่เป็นเพียงศิษย์ของนิกายหมื่นกระบี่เท่านั้น หากแต่ยังมีสถานะเป็นจ้าวนิกายของนิกายพันปีศาจอีกด้วย หากทราบความจริงข้อนี้ ว่านเจียงเหอก็คงไม่กล้าตัดสินใจที่จะตั้งตัวเป็นศัตรูกับนาง
บนสังเวียนประลอง ว่านอิ้งสงพ่ายแพ้ต่อฉินอวี้โม่อย่างราบคาบและต้องถอยร่นออกไป พลังมายาของเขาสลายหายไปอย่างต่อเนื่อง ทว่าฉินอวี้โม่กลับดูดุดันและเกรี้ยวกราดมากขึ้นเรื่อย ๆ ดูเหมือนว่าพลังมายาของนางจะเติมเต็มใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแต่พลังของนางจะไม่เสื่อมถอยลงเท่านั้น ทว่ามันก็ดูจะแกร่งกล้ายิ่งกว่าเดิมเสียอีก
ทุกคนได้แต่เพียงถอนหายใจให้กับความประหลาดเหนือมนุษย์ของฉินอวี้โม่และไม่สามารถสรรหาคำใดมาเพื่อบรรยายได้เลย
ว่านอิ้งสงตระหนักดีว่าหากดึงดันสู้ต่อไป ไม่มีทางที่เขาจะลงเอยด้วยดี เพราะเหตุนั้น ในหัวใจของเขาจึงมีความคิดที่จะถอนตัว
แม้เป็นการต่อสู้ที่เดิมพันด้วยชีวิต ทว่าตราบใดที่ออกจากสังเวียนไป ฉินอวี้โม่ก็ไม่สามารถไล่ตามลงไปสังหารเขาได้
ไม่ว่าอย่างไร ว่านอิ้งสงก็ยังไม่อยากตาย ความอัปยศอดสูที่เขาเผชิญในวันนี้สามารถสะสางได้อย่างช้า ๆ ในอนาคตข้างหน้าและการเอาตัวรอดถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
แน่นอนว่าฉินอวี้โม่คาดเดาความคิดของว่านอิ้งสงได้และยกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา
ทันใดนั้น มือของนางก็เคลื่อนไหวเร็วขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับจิตสังหารที่แผ่ออกไปอย่างแรงกล้ายิ่งกว่าเดิม
ในเวลานี้ ว่านอิ้งสงก็ระเบิดคลื่นพลังทั้งหมดออกไปพร้อมกับปล่อยฝ่ามือโจมตีฉินอวี้โม่ จากนั้นเขาก็อาศัยจังหวะนี้ในการดีดตัวออกไปอย่างรวดเร็วโดยหมายที่จะหนีออกไปจากสนามประลองโดยเร็วที่สุด
“คิดที่จะหนีงั้นรึ ? ฝันไปเถอะ !”
ฉินอวี้โม่ก็คอยจับจ้องทุกการกระทำของว่านอิ้งสง เมื่อเห็นการเคลื่อนไหว ร่างของนางก็หายวับไปต่อหน้าทุกคนทันที เวลานี้ ว่านอิ้งสงพุ่งตัวออกมาใกล้ขอบสังเวียนแล้วและห่างจากการก้าวลงไปอีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม จู่ ๆ ฉินอวี้โม่ก็ปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้าเขา
“ในเมื่อเจ้าเป็นฝ่ายที่ท้าดวลเอง เจ้าก็ไม่สามารถกล่าวโทษใครได้ !”
หอกเพลิงในมือของนางจ้วงแทงตรงไปที่หัวใจของว่านอิ้งสงและแววตาแสดงจิตสังหารอย่างชัดเจน
“หยุดเดี๋ยวนี้ !”
ทันใดนั้น เสียงตะโกนที่แอบแฝงไปด้วยพลังอันแรงกล้าก็ดังขึ้นในโสตประสาทของทุกคนพร้อมกับทำให้ฉินอวี้โม่บาดเจ็บได้ทันทีและโลหิตไหลซึมจากมุมปาก
อย่างไรก็ตาม ว่านอิ้งสงรู้สึกว่านี่คือโอกาสทองของเขา อึดใจต่อมา กริชเล่มหนึ่งก็ปรากฏในมือของเขาและจ้วงแทงตรงไปที่ฉินอวี้โม่ด้วยใบหน้าที่มุ่งร้าย
“ไปลงนรกเสีย !”
เขากล่าวด้วยสีหน้าอวดดีขณะแทงกริชตรงไปที่หน้าอกของฝ่ายตรงข้าม
“อ๊ากกก !”
เสียงกรีดร้องอย่างน่าสมเพชดังขึ้น ทว่าร่างของฉินอวี้โม่ตรงหน้าหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย ในทางกลับกัน หัวใจของเขาก็ถูกแทงทะลุด้วยหอกยาว เขาก้มหน้าลงมองเพียงครู่หนึ่งด้วยความไม่เต็มใจก่อนที่พลังชีวิตจะดับมอดลงอย่างช้า ๆ…