“ผู้อาวุโสรอง ท่านคิดจะทำอะไรกัน ?!”
ณ ที่นั่งสำหรับบรรดาผู้อาวุโส ว่านเฉินซีลุกพรวดและจับจ้องตรงไปที่ว่านเจียงเหอด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ เวลานี้ ใบหน้างดงามของนางดูเย็นชาขึ้นมาก
เสียงตะโกนที่ดังขึ้นเมื่อครู่มาจากผู้อาวุโสรองว่านเจียงเหอและเป็นเขาเองที่ปลดปล่อยการโจมตีเข้าใส่จิตวิญญาณของฉินอวี้โม่โดยตรง ซึ่งทำให้นางบาดเจ็บอย่างรุนแรง
หากมิใช่เพราะพลังมายาพิเศษในร่างกายของฉินอวี้โม่ เกรงว่าคลื่นเสียงของเขาเมื่อครู่นี้อาจปลิดชีวิตนางไปแล้ว อย่างน้อยที่สุดมันก็มากพอที่จะเปลี่ยนให้นางกลายเป็นบุคคลที่เสียสติได้…
“ฉินอวี้โม่ ถือว่าอาจหาญไม่เบา ไม่คาดคิดว่าจะกล้าสังหารศิษย์ของข้าต่อหน้าข้าผู้นี้ !”
ว่านเจียงเหอเมินเฉยต่อสายตาไม่พอใจของว่านเฉินซีขณะมองตรงไปที่ฉินอวี้โม่อย่างมุ่งร้าย อึดใจต่อมา เขาก็โบกมือเล็กน้อยและเก็บจิตวิญญาณของว่านอิ้งสงมาไว้กับตัว ด้วยพลังที่บรรลุถึงระดับของว่านอิ้งสง ตราบใดที่จิตวิญญาณยังไม่ถูกทำลาย เขาก็ยังมีโอกาสใช้ชีวิตต่อได้ เพียงแต่ต้องหาร่างกายที่เหมาะสมเพื่อฟื้นคืนชีพอีกครั้ง
เมื่อครู่ ฉินอวี้โม่วางแผนที่จะทำลายจิตวิญญาณของว่านอิ้งสงให้สิ้นซาก ทว่านางกลับถูกว่านเจียงเหอโจมตีด้วยคลื่นเสียงเสียก่อน เพียงการหลบหลีกการโจมตีในวินาทีสุดท้ายของว่านอิ้งสงและแทงทะลุหัวใจของเขาก็ถือเป็นขีดจำกัดที่นางสามารถทำได้แล้ว เพราะเหตุนั้น นางจึงไม่มีโอกาสทำลายจิตวิญญาณของเขาได้ตามต้องการ
“เหอะ ผู้เป็นศิษย์ก็ถือว่าไร้ยางอายมากแล้ว ทว่าผู้เป็นอาจารย์กลับไร้ยางอายเสียกว่า กล่าวเสียดิบดีว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างศิษย์และควรให้จัดการกันเอง ทว่าท้ายที่สุดก็ยังเข้ามายุ่งเกี่ยวและถึงขั้นพยายามฆ่าพี่อวี้โม่ ท่านเป็นถึงผู้อาวุโสรองของนิกายหมื่นกระบี่ แต่กลับไม่มีความละอายใจเลยสักนิด !”
ในเวลานี้ เถาเซี่ยวเซี่ยวเหาะตรงเข้ามาข้างกายฉินอวี้โม่และช่วยพยุงร่างของนางซึ่งได้รับบาดเจ็บและเริ่มโซเซ
จากนั้นนางก็หันกลับไปเผชิญหน้ากับว่านเจียงเหอและกล่าววาจาตำหนิอีกฝ่ายด้วยสีหน้าที่โกรธแค้น
“นังเด็กสามหาว รนหาที่ตายเสียแล้ว !”
ทันทีที่ได้ยินวาจาตำหนิของเด็กสาวตรงหน้า สีหน้าของว่านเจียงเหอก็กลายเป็นมืดมน อึดใจต่อมา เขาก็โบกมือและปล่อยฝ่ามือวายุโจมตีตรงไปที่เถาเซี่ยวเซี่ยว
“หลีกไป !”
สีหน้าของฉินเสี่ยวเยี่ยนและคนอื่น ๆ ก็เปลี่ยนไปอย่างมากขณะเหาะตรงไปยังสังเวียนเพื่อพยายามเข้าไปช่วยเหลือฉินอวี้โม่และเถาเซี่ยวเซี่ยว
ใบหน้าของเถาเซี่ยวเซี่ยวยังคงสงบนิ่ง นางไม่มีท่าทีสะทกสะท้านแม้แต่น้อยและไม่คิดที่จะหลบหลีกออกไป
“ว่านเจียงเหอ อย่าให้มันมากเกินไป !”
อย่างไรก็ตาม ร่างของว่านเฉินซีก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าเถาเซี่ยวเซี่ยวและฉินอวี้โม่อย่างรวดเร็วและป้องกันการโจมตีนั้นไว้
“แม้แต่ลูกสาวของข้า เจ้าก็กล้าลงมืองั้นรึ ? ว่านเจียงเหอ...อย่าคิดว่าเป็นผู้อาวุโสรองของนิกายแล้วข้าจะทำอะไรเจ้าไม่ได้ !”
ใบหน้างามของผู้อาวุโสสามในตอนนี้ดูเคร่งขรึมอย่างที่สุด ทว่าวาจาของนางได้เปิดเผยตัวตนของเถาเซี่ยวเซี่ยวต่อทุกคน
ที่แท้เถาเซี่ยวเซี่ยวก็เป็นบุตรสาวของว่านเฉินซี—ผู้อาวุโสสามของนิกายหมื่นกระบี่และเป็นหลานสาวของว่านอู๋เริ่น—จ้าวนิกายหมื่นกระบี่ผู้เลื่องชื่อ
“เสี่ยวอวี้โม่ เจ้าไปพักก่อนเถอะ ที่เหลือปล่อยให้ข้าจัดการเอง”
นางหันไปพยักศีรษะส่งสัญญาณให้กับฉินอวี้โม่เพื่อให้อีกฝ่ายพักฟื้นและรักษาความเสียหายทางจิตวิญญาณ จากนั้นสายตาของนางก็เลื่อนกลับมาที่ว่านเจียงเหอด้วยความไม่พอใจอย่างชัดเจน
“ผู้อาวุโสรอง การกระทำของท่านในวันนี้ล้ำเส้นเกินไปแล้ว การที่ลงมือโจมตีศิษย์ของนิกายและคิดสังหารลูกสาวของข้าเพียงเพราะนางสนับสนุนในความถูกต้องเที่ยงธรรม นิกายหมื่นกระบี่ของเรามีผู้อาวุโสเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?”
ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ก็วิพากษ์วิจารณ์ว่านเจียงเหอตาม ๆ กัน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาก็ผิดหวังกับการกระทำของผู้อาวุโสรองอย่างที่สุด
“หุบปากไปเสีย !”
ใบหน้าของว่านเจียงเหอบิดเบี้ยวมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อได้ยินวาจาตำหนิของเหล่าผู้อาวุโส เขาก็ตะโกนกร้าวและแผ่แรงกดดันที่แกร่งกล้าออกไปทั่วบริเวณซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้อาวุโสทุกคนของนิกายหมื่นกระบี่ในระดับหนึ่ง
“เหอะ อะไรนะ ? หุบปากงั้นรึ ? ช่างหน้าไม่อายจริง ๆ ไม่แปลกใจเลยที่ท่านจะมีศิษย์ที่ไร้ยางอายเช่นว่านอิ้งสง หากพี่อวี้โม่ของข้าไม่แข็งแกร่งมากพอ นางก็คงจะตายไปแล้ว ตอนนี้ท่านไม่เพียงแต่ทำตัวไร้ยางอายเท่านั้น ทว่ายังกล้าข่มขู่คนอื่นเช่นนี้อีก ช่างเป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจยิ่งนัก !”
เถาเซี่ยวเซี่ยวเมินคำข่มขู่ของว่านเจียงเหอและกล่าวแสดงความจริงต่อไปอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“ใช่ หน้าไม่อายจริง ๆ หากข้าทราบมาก่อนว่านิกายหมื่นกระบี่ที่เลื่องชื่อจะมีผู้อาวุโสแบบนี้อยู่ ข้าก็คงไม่เข้าร่วมตั้งแต่แรก ดูเหมือนว่าโลกภายนอกจะตั้งมาตรฐานกับนิกายหมื่นกระบี่ไว้สูงเกินไปและมีแต่คำกล่าวที่เกินจริง ในเมื่อมีผู้อาวุโสเช่นนี้อยู่ มิอาจทราบได้เลยว่าในนิกายจะมีศิษย์ที่เป็นเช่นนี้อยู่อีกกี่คน ?!”
เถียนซินและสวีเยว่ก็เดินเข้าไปด้านข้างฉินอวี้โม่เพื่อปกป้องนางเช่นกัน พวกนางจ้องหน้าว่านเจียงเหออย่างไม่เกรงกลัว ถึงอย่างไร เถาเซี่ยวเซี่ยวก็เป็นถึงหลานสาวของจ้าวนิกายหมื่นกระบี่ซึ่งพวกนางสามารถพึ่งพาอาศัยอิทธิพลนั้นได้ ไม่ว่าว่านเจียงเหอจะทรงพลังเพียงใด เขาก็ไม่กล้าทำร้ายพวกนางต่อหน้าผู้คนมากมายอย่างแน่นอน
“ผู้อาวุโสรอง ท่านต้องขอโทษศิษย์น้องอวี้โม่เดี๋ยวนี้ !”
ฉินเสี่ยวเยี่ยน ว่านหลิงเอ๋อร์ เจียงฉาและคนอื่น ๆ ก็เข้ามารายล้อมรอบตัวฉินอวี้โม่ สีหน้าของว่านหลิงเอ๋อร์ในตอนนี้ดูจริงจังอย่างมาก แม้แรงกดดันของว่านเจียงเหอจะส่งผลกระทบต่อนางพอสมควร นางก็ยังกล่าวในสิ่งที่ควรออกไป
“มิใช่แค่คำขอโทษหรอก ทว่าท่านต้องคืนจิตวิญญาณของว่านอิ้งสงให้กับนางด้วย จากนั้นก็ออกไปจากนิกายหมื่นกระบี่ของเราเสีย นิกายของเราไม่ต้อนรับผู้อาวุโสที่ไร้ยางอายเช่นนี้ !”
แม้แต่เจียงฉาผู้ซึ่งมักอ่อนโยนอยู่เสมอก็อดกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยวไม่ได้
“ทั้งสองพูดถูก ผู้อาวุโสรอง…ท่านต้องขอโทษศิษย์น้องอวี้โม่ ส่งจิตวิญญาณของว่านอิ้งสงมาและออกไปจากนิกายของเรา !”
“ผู้อาวุโสรองต้องออกไปจากนิกายหมื่นกระบี่ ผู้อาวุโสรองต้องออกไปจากนิกายหมื่นกระบี่ !”
..…
ทุกคนเริ่มแสดงความสนับสนุนต่อฉินอวี้โม่อย่างไม่หยุดหย่อน แม้แต่บรรดาศิษย์ที่เกรงกลัวว่านเจียงเหอในตอนแรกก็ไม่นึกหวาดหวั่นต่อเขาอีกต่อไป
แม้กระทั่งบรรดาศิษย์ของผู้อาวุโสรองเองก็ยังลุกขึ้นและกล่าวประณามการกระทำของว่านเจียงเหอและว่านอิ้งสง
“ท่านอาจารย์ เราทุกคนซาบซึ้งในคำสั่งสอนและการชี้แนะของท่าน อย่างไรก็ตาม ครานี้ท่านละเมิดกฎของนิกายหมื่นกระบี่และเป็นการกระทำที่ล้ำเส้นเกินไป กล่าวขอโทษศิษย์น้องฉินอวี้โม่เสียเถอะ จากนั้นก็มอบจิตวิญญาณของว่านอิ้งสงให้กับนางและถอนตัวออกจากนิกายหมื่นกระบี่ของเราไปแต่โดยดี แม้เราจะไม่เห็นด้วยกับการกระทำของท่าน ทว่าตราบใดที่ท่านสำนึกในความผิดครานี้ เราก็ยังยอมรับท่านในฐานะอาจารย์ได้ !”
บรรดาศิษย์ของว่านเจียงเหอต่างก็กล่าวแสดงความคิดเห็นของตนไปตาม ๆ กันซึ่งทั้งหมดล้วนสมเหตุสมผลและไม่มีทางปฏิเสธได้
“หุบปาก หุบปากไปซะ !”
ว่านเจียงเหอเดือดดาลมากขึ้นเรื่อย ๆ คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะกลายเป็นเป้าหมายต่อการวิพากษ์วิจารณ์ของทุกคนเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อมั่นว่าการกระทำของตนมิใช่เรื่องผิดและผู้ที่คิดท้าทายอำนาจของเขาจะต้องตาย
“คิดจะให้ข้าผู้นี้ขอโทษนังเด็กนี่รึ ? ฝันไปเถอะ ! ต่อให้ต้องออกจากนิกายหมื่นกระบี่แล้วอย่างไรกัน ? ยังมีขุมกำลังอีกมากที่รอต้อนรับข้า ! พวกอวดดีอย่างพวกเจ้าจะต้องชดใช้ในไม่ช้าก็เร็ว !”
เขาวางมาดใหญ่โตและกล่าวอย่างเย็นชา จากนั้นเขาก็หันหลังให้กับทุกคนและวางแผนที่จะเดินออกไปจากนิกายหมื่นกระบี่ทันที
สมบัติทรัพย์สินทั้งหมดของเขาอยู่ในแหวนมิติแล้วและไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเก็บข้าวเก็บของอีก อย่างไรก็ตาม หากกล่าวขอโทษฉินอวี้โม่ต่อหน้าทุกคนในวันนี้ เขาจะไม่มีเกียรติยศศักดิ์ศรีหลงเหลืออีกต่อไป หากยังอยู่ที่นี่ เรื่องทั้งหมดจะถูกเปิดเผยในไม่ช้า อีกทั้งเขามั่นใจว่าต่อให้ออกไปจากที่นี่ เขาก็ยังมีที่ให้ไปอีกมาก ถึงอย่างไรขุมกำลังระดับสองหลายแห่งก็ต้องการผู้อาวุโสที่ทรงพลังเช่นตัวเขา
“หึ คิดจะจากไปง่าย ๆ เช่นนี้หรือ ?”
เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้นในหูของทุกคนและแรงกดดันของว่านเจียงเหอที่กำลังกดทับทุกคนก็สลายหายไปในทันที
เดิมทีว่านเฉินซีและผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ก็คิดจะขัดขวางการหลบหนีของว่านเจียงเหอเช่นกัน ทว่าเมื่อได้ยินเสียงนั้น ทุกคนก็หยุดนิ่งอยู่กับที่และมองไปยังจุดหนึ่งกลางอากาศ
สำหรับว่านเจียงเหอที่กำลังเดินจากไป สีหน้าของเขาเปลี่ยนแปลงไปทันทีและฝีเท้าหยุดชะงักไปโดยอัตโนมัติ