เหนือลานประลองยุทธ์ จู่ ๆ ก็เกิดคลื่นผันผวนขึ้นมาและร่างของคนสองคนก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ
หนึ่งในนั้นคือคนที่ฉินอวี้โม่และผู้อาวุโสคนอื่น ๆ รู้จักดี เขามิใช่ใครอื่น หากแต่เป็นว่านหรูชู—ผู้อาวุโสใหญ่ของหอชั้นในแห่งนิกายหมื่นกระบี่นั่นเอง
บุรุษชราที่ปรากฏตัวข้าง ๆ เขาก็มีเส้นผมและเคราสีขาวโพลน รวมถึงมีกลิ่นอายที่ยากเกินหยั่งถึง ในตอนนี้เขากำลังเหยียบย่ำอยู่บนผืนอากาศราวกับเป็นเทพผู้สูงส่งและยากที่ผู้ใดจะละสายตาไปได้
“ท่านตา…”
เมื่อเห็นบุรุษชราผู้นั้น เถาเซี่ยวเซี่ยวก็เอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นทันที นางเหาะเข้าไปใกล้บุรุษชราและกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าโศก “ท่านตา มีคนข่มขู่ข้าและต้องการจะฆ่าข้าเจ้าค่ะ”
ว่านเฉินซีเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของว่านอู๋เริ่นผู้เป็นจ้าวนิกายหมื่นกระบี่และได้รับความรักความเอ็นดูจากเขาอยู่เสมอ การที่เถาเซี่ยวเซี่ยวเป็นบุตรสาวของว่านเฉินซี แน่นอนว่านางก็ต้องได้รับการเอาอกเอาใจจากท่านตาผู้นี้เป็นธรรมดา
ก่อนหน้านี้ นางได้เดิมพันกับท่านตาและมารดาของตนไว้โดยยืนยันว่านางสามารถผ่านการคัดเลือกเพื่อเข้าร่วมหอชั้นในได้ด้วยความสามารถของตนเอง เพราะเหตุนั้นนางจึงออกไปอยู่ที่หอชั้นนอก ก่อนหน้านี้ บรรดาผู้อาวุโสของหอชั้นในต่างก็รู้สึกคุ้นหน้านาง ทว่าจดจำนางไม่ได้ เนื่องจากปกติแล้วเถาเซี่ยวเซี่ยวมักอาศัยอยู่กับว่านอู๋เริ่นและแทบจะไม่ปรากฏตัวให้ผู้ใดพบหน้า กล่าวได้ว่าในทั่วทั้งนิกายหมื่นกระบี่มีเพียงน้อยคนเท่านั้นที่เคยพบหน้าเถาเซี่ยวเซี่ยว แม้แต่บรรดาผู้อาวุโสหลายคนก็เคยพบนางเพียงหนึ่งครั้งหรือสองครั้งเท่านั้นและนั่นก็เป็นเมื่อหลายปีก่อน เพราะเหตุนั้นจึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะจดจำนางไม่ได้
“หนูอ้วนเถาคือหลานสาวของจ้าวนิกายหมื่นกระบี่ !”
เถียนซินและสวีเยว่กล่าวด้วยความตกตะลึง พวกนางคิดไม่ถึงเลยว่าเถาเซี่ยวเซี่ยวจะเป็นหลานสาวของว่านอู๋เริ่น แม้เคยตั้งข้อสันนิษฐานไว้แล้วว่าตัวตนที่แท้จริงของนางจะต้องไม่ธรรมดา ทั้งสองก็ไม่เคยคาดคิดว่าอีกฝ่ายจะมีพื้นเพภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้
อย่างไรก็ตาม ฉินอวี้โม่และเหลิ่งซวงเสวี่ยไม่ได้รู้สึกแปลกใจมากนัก ทั้งสองคาดเดาสถานการณ์เช่นนี้ไว้แล้ว ทว่าคิดไม่ถึงเช่นกันว่าเถาเซี่ยวเซี่ยวจะเป็นถึงหลานสาวของจ้าวนิกาย
“แม้ไม่ได้พบกันสองสามปี เจ้าก็ยังเป็นเด็กจ้ำม่ำไม่เปลี่ยน”
ว่านอู๋เริ่นจิ้มแก้มนุ่มของหลานสาวและกล่าวอย่างติดตลก
“ท่านตาก็…”
เถาเซี่ยวเซี่ยวทำหน้ามุ่ยเล็กน้อยและเกาะแขนว่านอู๋เริ่นด้วยท่าทางของเด็กเอาแต่ใจอย่างเห็นได้ชัด
“ไว้คุยกันทีหลังเถอะ ตอนนี้จัดการเรื่องวุ่นวายตรงหน้าก่อนจะดีกว่า”
ว่านอู๋เริ่นยิ้มให้กับนางก่อนหันไปมองว่านเจียงเหอที่ต้องการหลบหนี
“ว่านเจียงเหอ เจ้าคิดจะหนีไปง่าย ๆ เช่นนี้หรือ ?”
แรงกดดันอันแรงกล้าแผ่ตรงไปที่ว่านเจียงเหอทันทีและสีหน้าของว่านอู๋เริ่นกลายเป็นเคร่งขรึม
“ว่านอู๋เริ่น ในฐานะที่ข้าเป็นผู้อาวุโสรองของนิกายหมื่นกระบี่มานานหลายปี ข้าอุทิศตนและทำผลประโยชน์เพื่อนิกายมาเสมอ ในเมื่อทุกคนกล่าววาจาดูหมิ่นข้าเช่นนี้ ข้าคงอยู่ที่นิกายแห่งนี้ไม่ได้อีกต่อไป”
เมื่อเผชิญหน้ากับว่านอู๋เริ่น ว่านเจียงเหอก็มีสีหน้าที่อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด เขาตระหนักดีว่าจ้าวนิกายของพวกตนแกร่งกล้าเพียงใด หากว่านอู๋เริ่นไม่ยอมให้เขาไปจากที่นี่ เขาก็ไม่มีทางรอดชีวิตออกไปได้เลย
“ฮ่า ๆ ๆ ว่านเจียงเหอ ไม่ต้องมากล่าววาจายุแยงให้คนอื่นเข้าใจผิดหรอก ข้าทราบดีว่าเจ้าเป็นคนอย่างไร หากไม่มีที่ไป เจ้าคงไม่กล้าแตกหักกับนิกายหมื่นกระบี่เพียงเพราะเรื่องของศิษย์หรอก บอกมาสิว่าขุมกำลังใดที่สัญญาจะให้ผลประโยชน์กับเจ้าจนคิดที่จะถอนตัวออกจากนิกายหมื่นกระบี่เช่นนี้ ?”
ว่านอู๋เริ่นหัวเราะอย่างเย็นชา แน่นอนว่าเขาไม่เชื่อวาจากลบเกลื่อนของว่านเจียงเหอ ในฐานะจ้าวนิกาย เขาทราบดีว่าผู้อาวุโสรองเป็นคนอย่างไร
ในบรรดาผู้อาวุโสทั้งหมดของนิกายหมื่นกระบี่ ผู้อาวุโสรองควรจะเป็นบุคคลที่เห็นแก่ตัวที่สุด
อย่างไรก็ตาม ว่านเจียงเหอเป็นผู้สืบทายาทของผู้อาวุโสในอดีตที่อุทิศตนและมีส่วนร่วมครั้งสำคัญต่อความสำเร็จของนิกายหมื่นกระบี่ อีกทั้งเขาก็ไม่เคยก่อความผิดครั้งใหญ่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพราะเหตุนั้น ว่านอู๋เริ่นจึงมักปิดตาข้างหนึ่งอยู่เสมอและทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเขา ทว่าครานี้การกระทำของว่านเจียงเหอเป็นการล้ำเส้นอย่างแท้จริง
นอกเหนือจากโจมตีศิษย์มากพรสวรรค์ของนิกายหมื่นกระบี่อย่างเปิดเผย ว่านเจียงเหอยังคิดที่จะสังหารหลานสาวของเขา และนั่นเป็นการกระทำที่รนหาที่ตายอย่างแท้จริง !
“ว่านอู๋เริ่น อย่าลืมว่าในอดีตเจ้าได้ตำแหน่งจ้าวนิกายมาได้อย่างไร ? ศิษย์ของนิกายหมื่นกระบี่ท้าทายข้าที่เป็นผู้อาวุโสรองอย่างไม่ไว้หน้า เพียงเจ้าไม่จัดการเรื่องนี้ก็ถือว่าหนักหนามากแล้ว ทว่ายังคิดสงสัยในตัวข้าอีกอย่างนั้นหรือ ?!”
แน่นอนว่าว่านเจียงเหอไม่ยอมรับอย่างง่ายดาย ต่อให้ว่านอู๋เริ่นกล่าวสิ่งที่คิดออกไป เขาก็ยังเสแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราว
สำหรับเรื่องข้อตกลงระหว่างเขาและขุมกำลังนั้น ตราบใดที่ไม่ยอมรับ ว่านอู๋เริ่นก็ไม่มีหลักฐานใดมาเอาผิดเขาได้
“เหอะ ว่านเจียงเหอ หากพวกเราแสดงตัวปกป้องเจ้า ความเคารพที่ศิษย์ในนิกายมีต่อพวกเราก็คงจะมลายสิ้น ! การกระทำของเจ้าในครานี้ ทุกคนได้ประจักษ์อย่างชัดเจนแล้ว เหตุใดศิษย์จะต้องเคารพเจ้าในฐานะผู้อาวุโสรองต่อไปด้วยเล่า ? อันที่จริงในตอนแรกมันมิใช่เรื่องที่เกี่ยวกับตัวเจ้าด้วยซ้ำ อย่าเห็นผิดเป็นชอบจะดีกว่า มันน่ารังเกียจนัก !”
ว่านเฉินซีผู้เป็นบุตรสาวของจ้าวนิกายมักมีอารมณ์ฉุนเฉียวอยู่เสมอ และครานี้ว่านเจียงเหอทำให้นางเดือดดาลอย่างที่สุด
“ถูกต้อง ว่านเจียงเหอ พวกเราผู้อาวุโสทุกคนเห็นสิ่งที่เจ้าทำแล้ว อย่าเสแสร้งทำเป็นใสซื่อไร้เดียงสาอีกเลย”
ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ก็กล่าวเสริมอย่างเห็นด้วย พวกเขารู้สึกไม่ถูกชะตากับผู้อาวุโสรองผู้นี้ตั้งแต่แรกแล้ว และเมื่อเกิดเรื่องวุ่นวายเช่นวันนี้ พวกเขาก็ไม่พอใจมากยิ่งกว่าเดิมและมิอาจทนได้อีกต่อไป
“เหอะ ถ้าเช่นนั้นข้าก็ไม่มีอะไรจะพูด ว่านอู๋เริ่น...ในอดีตข้าอุทิศตนต่อนิกายหมื่นกระบี่มาตลอดและถือว่าหักล้างกับเรื่องในวันนี้ นับจากนี้ไป ข้าจะตัดขาดจากนิกายหมื่นกระบี่และไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกันอีก หากยังจดจำได้ว่าที่ผ่านมาบรรพบุรุษของข้าและตัวข้าทำอะไรเพื่อนิกายนี้บ้าง…เจ้าก็ปล่อยข้าไปเถอะ”
ว่านเจียงเหอแค่นเสียงอย่างเย็นชาและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สะเทือนอารมณ์
“ว่านเจียงเหอ การปล่อยเจ้าไปมิใช่เรื่องยากและข้าก็ไม่คิดที่จะฆ่าเจ้าตั้งแต่แรก อย่างไรก็ตาม ก่อนจะไปจากที่นี่ เจ้าต้องคืนบางอย่างมาก่อน !”
สีหน้าของว่านอู๋เริ่นไม่เปลี่ยนแปลงใด ๆ ขณะกล่าววาจาที่ทำให้สีหน้าของอีกฝ่ายถอดสีทันที
“ว่านอู๋เริ่น เจ้าหมายความว่าอะไร ? ข้าไม่เข้าใจ”
ว่านเจียงเหอไม่ยอมรับและแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวอีกครา
“เหอะ เสแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจงั้นรึ ? ถ้าเช่นนั้นข้าจะอธิบายให้เจ้าเข้าใจเอง ว่านเจียงเหอ...เจ้าให้สัญญากับสำนักหมอกควันว่าจะนำเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนของเราไปที่นั่นและให้ศิษย์ของพวกเขาได้ศึกษามัน เพราะเหตุนั้น สำนักหมอกควันจึงจะตอบแทนเจ้าด้วยตำแหน่งรองจ้าวนิกาย !”
ว่านหรูชูกล่าวออกไปอย่างชัดเจน พวกเขาทำการสืบหาข้อมูลและเพิ่งค้นพบเรื่องนี้เพียงไม่นาน ไม่คิดเลยว่าว่านเจียงเหอจะทรยศต่อนิกายหมื่นกระบี่ การที่คิดจะนำเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนของนิกายไปให้ขุมกำลังอื่นศึกษาถือเป็นการทรยศต่อนิกายอย่างแท้จริง
เคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนถือเป็นสมบัติล้ำค่าของนิกายหมื่นกระบี่และเป็นรากฐานความรุ่งโรจน์ของนิกาย หากคนของขุมกำลังอื่นได้ศึกษามัน เกรงว่าในอนาคตนิกายหมื่นกระบี่อาจตกอยู่ในอันตราย สำหรับเรื่องสำคัญเช่นนี้ ต่อให้เป็นว่านอู๋เริ่นหรือผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ของนิกาย พวกเขาก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เผยแพร่เคล็ดวิชานี้ออกไป
“อะไรนะ ?! ว่านเจียงเหอ แม้แต่สิ่งที่ต่ำช้าเช่นนั้น…เจ้าก็ทำกล้างั้นรึ ?!”
สีหน้าของบรรดาผู้อาวุโสเปลี่ยนแปลงไปอีกคราและจ้องหน้าว่านเจียงเหอตาเขม็ง พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าผู้อาวุโสรองจะกล้าทำสิ่งที่น่ารังเกียจเช่นนั้น ในฐานะผู้อาวุโสรองของนิกายหมื่นกระบี่ ปกติแล้วว่านเจียงเหอก็ได้รับความไว้วางใจจากว่านอู๋เริ่นและว่านหรูชู ทว่าเขากลับคิดทรยศนิกายเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง หากปล่อยเขาไป นิกายหมื่นกระบี่จะต้องตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายเป็นแน่…