ตอนที่ 1298: กำลังเสริม (3)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1298: กำลังเสริม (3)

ด้านขวาของคนแคระคือชายร่างสูง 2 เมตรในกางเกงขาสั้น เขามีขนสีดำหนาปกคลุมทำให้เขาดูเหมือนกับหมาป่าในร่างคน เขาเหมือนหมาป่าที่มีกรงเล็บยาวและทรงพลัง

เขาเป็นเผ่ามนุษย์หมาป่าของกลุ่มร้อยเผ่าพันธุ์ เป็นตัวตนที่ผสมผสานระหว่างหมาป่าและมนุษย์ เขาไม่ใช่ทั้งมนุษย์และสัตว์อสูร แต่มีความสามารถในการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมและไม่อ่อนด้อยกว่าสัตว์อสูร มีคนที่อยู่ในระดับเดียวกับเขาไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถทัดเทียมกับเผ่ามนุษย์หมาป่าที่ทรงพลังจากร้อยเผ่าพันธุ์

ตรงข้ามเขาเป็นหญิงชราที่ผอมบาง นางทั้งหลังค่อมและผมก็ยังเป็นสีเทา นางดูชราภาพอย่างมาก แต่ลูกไฟสีเขียวที่กระพริบอยู่ในตา ทำให้พวกเขาเหมือนกับเต็มไปด้วยกระตือรือร้น

หญิงสาวคนนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญจากเผ่าภูตไฟ ที่มีความสามารถในการควบคุมไฟโดยธรรมชาติ อย่างไรก็ตามไฟที่ใช้นั้นไม่ใช่ไฟเหมือนดั่งปกติ แต่เป็นภูติไฟสีเขียว เปลวไฟที่ไม่ร้อนและไม่อาจทำร้ายผิวหนังใด ๆ ได้ แต่พวกมันกับผลาญพลังปราณแทน

ตูม ! ตูม ! ตูม !

พื้นดินสั่นสะเทือนเป็นจังหวะ ๆ ขณะที่ยักษ์หินเดินมาทางระยะไกล เขาสามารถเดินทางได้หลายกิโลเมตรในทุก ๆ ครั้งเขาก้าว เขาจึงเคลื่อนไหวได้ไวอย่างมาก

ลมโหมอย่างรุนแรงจากด้านบน ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเอลฟ์ยิงแสงสีเขียวออกจากธนูไม้ของนาง นางลอยอยู่บนอากาศกว่าสิบเมตร

ผู้เชี่ยวชาญทั้งหกจ้องมองนางและสังเกตเห็นเซียนราชาจากต่างโลก จากนั้นพวกเขาก็ขมวดคิ้ว

คนนี้ไม่มาจากโลกเดียวกันกับเราจริง ๆ การปรากฏตัวของเขาไม่ได้เหมือนกับคนจากโลกของเรา ที่ทูตเผ่ามนุษย์นั้นพูดความจริงงั้นรึ เอลฟ์งสงสัยขณะที่ขมวดคิ้ว

มันไม่สำคัญว่าจะจริงหรือไม่ ข้ารู้สึกว่าเราควรพาคนคนนี้กลับไปที่โถงเทพเจ้าสงครามทันที หญิงชราภูตไฟกล่าว เสียงของนางแทบห้าวและดูไม่พอใจอย่างมาก

คนแคระหัวเราและพูดว่า เราเพิ่งได้รับข่าวจากมนุษย์เมื่อไม่นาน ว่าคนจากต่างโลกจะมาและให้เราเตรียมตัว ข้าคิดว่าผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นน่าประทับใจ ดังนั้นข้าจึงอาสานำผู้พิทักษ์สวรรค์มาด้วย ปรากฏว่ามันเป็นแค่เซียนราชาขั้นสูงสุด หากเรารู้มาก่อนหน้านี้ คงไม่จำเป็นที่ต้องพาเราหลาย ๆ คนมา ไหน ๆ ก็มาแล้วกลับไปที่โถงเทพเจ้าสงครามกันก่อน ด้วยเหตุนี้คนแคระจึงคว้าเซียนราชาต่างโลกขึ้นมาพาดไหล่ของเขา จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในประตูมิติพร้อมกับเอลฟ์, นักรบคลั่ง, ภูตไฟและมนุษย์หมาป่า มีเพียงแค่ยักษ์หินเท่านั้นที่ถูกทิ้งไว้ด้านหลัง

โถงศักดิ์สิทธิ์ขนาดยักษ์ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาเทพเจ้าสงครามในใจกลางทวีปแห่งความสูญเปล่า มีสิ่งที่ยืนอยู่อย่างเงียบ ๆ ราวกับเป็นสัตว์อสูรจากยุคแรก ๆ ที่กำลังแผ่ความกดดันที่ทำให้หายใจยากลำบาก

โถงศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นจุดยึดเหนี่ยวจิตใจของคนร้อยเผ่าพันธุ์ นอกจากนี้พวกเขายังเป็นองค์กรที่มีอำนาจมากที่สุดในร้อยเผ่าพันธุ์ มันเป็นความศรัทธาของพวกเขาที่มีต่อโถงเทพเจ้าสงคราม

ผู้เชี่ยวชาญหลากหลายรูปแบบและมีขนาดแตกต่างกันรวมกันอยู่ในโถงศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาทั้งหมดเป็นเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 5 หรือสูงกว่านั้น ภายในห้องโถงนี้ทุกคนมีพลังอำนาจอย่างมาก

พวกเขาทุกคนยืนกันเป็นวงกลมและตรงกลางก็มีเซียนราชาจากต่างโลก ใบหน้าของเขาซีดและไม่เพียงเขาบาดเจ็บสาหัสอย่างมาก แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่เหลือโดยถูกทักษะลึกลับดูดเข้าไปทำให้เขาไม่ต่างจากคนธรรมดา

ใกล้ ๆ กับเขามีเซียนราชาขั้นสูงสุด 6 คนที่เป็นคนมาจับเขา ซึ่งรวมกับเอลฟ์, ภูตไฟ, นักรบคลั่ง, คนแคระ, มนุษย์หมาป่าและยักษ์หิน

อย่างไรก็ตามยักษ์หินนั้นตัวเล็กลงอย่างมาก แม้ว่าเขาจะยังมีหินเหมือนแต่ก่อน แต่เขาก็เล็กลงจนเหลือ 3 เมตร

นี่คือคนแปลกหน้า มันไม่ได้มาจากโลกเราแน่นอน เขามาจากโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง…

ที่ทูตมนุษย์ได้บอกมันเป็นเรื่องจริง ? มีโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งอยู่ด้วย…

ฮึ่มมม งั้นมันก็มีจริง ๆ น่ะสิ ? เป็นไปไม่ได้ที่มันจะแข็งแกร่งเกินกว่าที่ทวีปเทียนหยวนจะรับมือกับพวกเขาได้ แต่พวกเขาไม่ต้องการเหนื่อยมาก ดังนั้นเขาเลยพูดเกินจริงสำหรับการอธิบายถึงโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งว่ามีพลังมาก ดังนั้นร้อยเผ่าพันธุ์, สัตว์อสูรและเผ่าพันธุ์ทะเลต้องช่วยพวกเขาแก้ปัญหา…

ผู้เชี่ยวชาญจากโถงเทพเจ้าสงครามตั้งแง่ต่าง ๆ ของเซียนราชาจากต่างโลก มีการถกเถียงกันหลายเรื่อง แต่ในที่สุดพวกเขาก็รับรู้ว่าคนจากโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งมีจริงหลังจากที่ได้เห็นเซียนราชาจากต่างโลก

เซียนราชาจากต่างโกลมองไปยังทุกคน แต่เดิมเขาเป็นเซียนราชาขั้นสูงสุด ดังนั้นการมองเห็นของเขาจึงเห็นได้อย่างชัดเจนกับความแข็งแกร่งของทุกคนที่มีอยู่ในตอนนี้ คนที่แข็งแกร่งที่สุดคือเซียนราชาขั้นสูงสุดเท่านั้น ส่วนใหญ่จะระดับต่ำกว่า ไม่มีเซียนจักรพรรดิแม้แต่คนเดียว เขามีสายตาที่เย้ยหยันและกล่าวว่า ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะอ่อนแออย่างแท้จริง ไม่มีเซียนจักรพรรดิแม้แต่คนเดียว เจ้าอาจไม่มีแม้แต่ขอบเขตดั้งเดิม แต่นั้นก็เป็นเหตุผลที่สมเหตุสมผลที่ว่าทำไมเจ้าถึงไม่มีเซียนจักรพรรดิ โลกนี้ไม่มีพลังงานดั้งเดิมและพลังงานจากปฐพีก็เบาบางอย่างมาก เจ้าอ่อนแออย่างมากเพียงแค่โถงจิตวิญญาณลับส่งกองกำลังเซียนจักรพรรดิมากองเดียวก็สามารถกวาดล้างพวกเจ้าได้

เจ้าพูดอะไร ? เซียนราชาคนหนึ่งถามด้วยความสงสัย เขาไม่อาจเข้าใจได้ว่าเซียนราชาต่างโลกกำลังพูดอะไร

นั่นเป็นภาษาของโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง สื่อสารกับเขาโดยใช้จิตวิญญาณของเรา เซียนราชาเอลฟ์ตอบและผู้เชี่ยวชาญทุกคนก็สื่อจิตกับเซียนราชาต่างโลกทันที

ไม่นานผู้เชี่ยวชาญทุกคนก็มีการแสดงออกที่แตกต่างกันอย่างมาก คนแคระเกือบจะกระโดดด้วยความตกใจ เขาตะโกนออกมาว่า หา ! ? กลุ่มของเจ้ามีเซียนจักรพรรดิ ? เจ้ามาจากกลุ่มที่มีเซียนจักรพรรดิ ? เจ้ามีเซียนจักรพรรดิกี่คน ?

เซียนราชาต่างโลกเต็มไปด้วยความดูหมิ่น เขาตอบอย่างเย็นชา เรามีเซียนจักรพรรดินับไม่ถ้วน เรากำลังรอให้อุโมงค์มิติเสถียรและเซียนจักรพรรดิ 500 คนจะเข้ามาในโลกภูเขาก่อนที่จะเข้ามาที่นี่ เราเพียงต้องการเวลาเพียงวันเดียวก็สามารถเหยียบเจ้าให้แบนราบไปทั้งโลก

หา ! เซียนจักรพรรดิ 500 คน!

เป็นไปไม่ได้ ! เจ้ามีเซียนจักรพรรดิมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร มันนับไม่ได้ขนาดนั้นเลย ! ? เจ้าพูดจาโอ้อวดเกินไปแล้ว !

ผู้เชี่ยวชาญตกใจอย่างมากและยังเห็นความตกใจของเขาผ่านทางสายตา ความแข็งแกร่งของโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งได้ทำให้พวกเขาทั้งกลัว

พวกเขามีเซียนจักรพรรดินับไม่ถ้วนและพวกเขาจะส่งมาแค่ 500 คนในตอนแรก อาจเป็นไปได้ว่าแม้กระทั่งสมัยโบราณนี่ก็คือพลังที่ไม่อาจหยุดยั้งได้

ไม่ต้องพูดถึงทั้งสี่เผ่าพันธุ์ของโลกนี้ที่ไม่มีพลังพอที่จะเทียบเคียงได้กับความแข็งแกร่งของคนจากสมัยโบราณ

ข้าเข้าใจถึงความแข็งแกร่งของโลกนี้แล้ว ดังนั้นข้าจึงทำภารกิจเสร็จสิ้น กองทัพจากโลกของข้ากำลังมาที่นี่ในไม่ช้า เราจะได้พบกันอีกครั้ง เซียนราชาเยาะเย้ยก่อนที่จะสลายวิญญาณตัวเองด้วยทักษะลับ เขาทรุดตัวลงกับพื้นและไม่เคลื่อนไหวต่อไป เขาตายแล้ว

เขารู้ว่าร้อยเผ่าพันธุ์จะไม่ยอมปล่อยเขาและอาจใช้วิธีต่าง ๆ เพื่อทรมานเขา เป็นเหตุทำให้เขาต้องทำสิ่งที่ตรงมาตรงไปด้วยการฆ่าตัวตาย เขาจะฟื้นชีพหลังจากที่ตายไปในครั้งนี้