ส่วนที่ 7 ภาคกล้าให้อาทิตย์ดวงจันทร์ผันเปลี่ยน ตอนที่ 77 ยุคของคนหนุ่มสาว

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

​…​…

​…​…

​ถัง​ซาน​สือ​ลิ่ว​ไม่ได้​ตาม​เฉิน​ฉาง​เซิง​และ​สวี​โหย​่ว​หรง​ไป

​เขา​ยืน​อยู่​หน้า​ประตู​สำนัก​ฝึก​หลวง​ ​มอง​ไป​ยัง​ฝูงชน​ที่​กระจาย​ตัว​ไป​อย่างรวดเร็ว​ราวกับ​น้ำลง

​ไม่นาน​นัก​ตรอก​ไป่ฮ​วาก​็​กลับคืน​สู่​ความสงบ

​ซูม​่​ออ​วี่​นำ​อาจารย์​และ​นักเรียน​ของ​สำนัก​ฝึก​หลวง​ทยอย​เดิน​กลับมา

​เมื่อ​พวกเขา​มองเห็น​หอ​เฟิง​ที่​กลายเป็น​ซากปรักหักพัง​ ​กำแพง​ที่​หัก​โค่น​ถล่ม​ลงมา​ ​ป่า​ที่​วุ่นวาย​ ​รวมไปถึง​ร่องรอย​ของ​การต่อสู้​ที่​ชัดเจน​เป็น​อย่างยิ่ง​ ​ก็​จินตนาการ​ได้​ถึง​การต่อสู้​ที่​สะเทือน​ฟ้า​ดิน​ฉาก​นั้น​ที่เกิด​ขึ้น​ก่อนหน้านี้​ไม่นาน​ ​ก็​อด​ไม่ได้​ที่จะ​รู้สึก​แปลก​ราวกับ​กำลัง​ฝัน​ไป

​แน่นอน​ว่านี​่​คือ​ความฝัน​ที่​สวยงาม​ ​เนื่องจาก​สำนัก​ฝึก​หลวง​ใน​ตอนนี้​คือ​พรรค​หนึ่ง​ของ​พระราชวัง​หลี

​ซูม​่​ออ​วี่​ไม่ได้​สนใจ​จิตใจ​ที่​อกสั่นขวัญแขวน​ของ​เหล่า​อาจารย์​และ​นักเรียน​ ​และ​ก็​ไม่ได้​รีบร้อน​ไป​จัดการ​เรื่อง​บูรณะ​ซ่อมแซม​ ​แต่กลับ​กังวล​เรื่อง​อื่น

​“​ไม่เป็นไร​ใช่ไหม​”

​เขา​จ้อง​ไป​ที่​ดวงตา​ของ​ถัง​ซาน​สือ​ลิ่ว​ก่อน​เอ่ย​ถาม​ ​“​ข้าว​่า​ตาเขา​แดงมาก​”

​ใน​ประโยค​นี้​แน่นอน​ว่า​ต้อง​หมายถึง​เฉิน​ฉาง​เซิง​ ​ซูม​่​ออ​วี่​กังวล​ว่า​บาดแผล​ของ​เขา​จะ​สาหัส​ใช่​หรือไม่

​ถัง​ซาน​สือ​ลิ่ว​ผาย​มือสอง​ข้าง​อย่าง​หมด​คำพูด​ ​พลาง​คิดในใจ​ว่า​เรื่อง​ที่​เฉิน​ฉาง​เซิง​กอด​กับ​ฮ่องเต้​ร้องไห้​ก็​ต้อง​เล่า​ให้​ฟัง​หรือ

​…​…

​…​…

​ใน​ตำหนัก​ที่​เงียบสงัด​ ​สายน้ำ​ไหล​ลง​สู่​สระน้ำ​ ​น้ำ​ลอย​อยู่​บน​นั้น​อย่างไร​้​ระเบียบ​ ​เหมือนกับ​เรือ​ลำ​หนึ่ง​ที่​ลอย​ล่อง​ไร้​ผู้คน

​หวัง​จือ​เช่​อละ​สายตา​ออกจาก​สระน้ำ​ ​และ​มองออก​ไป​ด้านนอก​ตำหนัก

​ฟ้า​ยัง​ไม่​มืด​ ​พระอาทิตย์​กำลัง​ตก​ ​ทัศนียภาพ​ช่าง​งดงาม​นัก​ ​แต่​เขามอง​ไม่เห็น​อู่​เต้า​จื่อ

​เกิด​จุด​ขาว​ขึ้น​ระหว่าง​ฟ้า​และ​พื้นดิน​ศักดิ์สิทธิ์​ ​ราวกับ​หิมะ​และ​ดอกบัว​ ​นั่น​คือ​สวี​โหย​่ว​หรง

​นาง​ยืน​อยู่​ด้านหน้า​ประตู​หลัก​ตำหนัก​ ​เอียง​ศีรษะ​ชะเง้อ​เข้าไป​ยัง​ด้านใน​ ​ดู​น่ารัก​ยิ่งนัก

​ราชันย์​แห่ง​หลิง​ไห่​และ​คนอื่น​ ​ๆ​ ​อยู่​เคียงข้าง​นาง​ ​พวกเขา​เงียบ​ไม่​พูดจา​ ​เตรียมพร้อม​ต่อสู้​อยู่​เสมอ

​หลาย​ปีก่อน​ ​ภาพ​นี้​เคย​ปรากฏ​ขึ้น​มา​แล้ว​ครั้งหนึ่ง

​ครั้งนั้น​เฉิน​ฉาง​เซิง​กลับมา​จาก​เทือกเขา​หาน​ซาน​ ​ได้รับบาดเจ็บ​สาหัส​ ​และ​กำลัง​สนทนา​กับ​ท่าน​ใต้เท้า​สังฆราช​อยู่​ใน​ตำหนัก​ด้าน​นั้น

​ใน​ครานั้น​ ​สวี​โหย​่ว​หรง​เตรียมพร้อม​ที่จะ​ลงมือ​ตลอดเวลา

​เห็นได้ชัด​มาก​ว่า​ใน​วันนี้​นาง​เอง​ก็​พร้อม​ที่จะ​ลงมือ​ได้​ตลอดเวลา​เช่นกัน

​แม้ว่า​ใน​วันนี้​คนที​่​นั่ง​อยู่​ตรงข้าม​ของ​เฉิน​ฉาง​เซิง​จะ​เป็น​หวัง​จือ​เช่​อก​็​ตาม

​…​…

​…​…

​ด้านใน​สำนัก​ฝึก​หลวง​ ​เมื่อ​เห็น​ว่า​เฉิน​ฉาง​เซิง​กำลังจะ​ถูก​ซาง​สิง​โจว​สะบั้น​ใต้​คมกระ​บี่​แล้ว​ ​สวี​โหย​่ว​หรง​จำต้อง​ลงมือ​ ​กลับ​ถูก​หวัง​จือ​เช่​อรั​้ง​ไว้​เสีย

​แต่​หวัง​จือ​เช่อ​ชื่นชม​การ​รับมือ​ของ​นางใน​ตอนนั้น​นัก​ ​หาก​เขามอง​ไม่ผิด​ ​นั่น​น่าจะเป็น​ดัชนี​ศักดิ์สิทธิ์​ใต้​หล้า

​“​ที่​ข้า​นับถือ​ก็​คือ​ ​นาง​แทบจะ​ไม่ได้​เอา​เวลา​และ​จิตวิญญาณ​วาง​ไว้​บน​วิถี​กระบี่​ของ​พี่ใหญ่​เลย​ ​ท่าน​ก็​เช่นกัน​”

​คำกล่าว​ของ​หวัง​จือ​เช่อ​จริงใจ​ยิ่ง

​เนื่องจาก​เขา​แจ้ง​แก่​ใจ​ว่าวิ​ชากระ​บี่​ที่​ชื่อ​ดาบส​อง​ท่อน​นั้น​น่าเกรงขาม​เพียงใด​

​มัน​ใช่​เพียง​เพราะว่า​เขา​เป็น​ศิษย์​น้อง​ร่วม​สาบาน​ของ​โจว​ตู๋​ฟู​ ​แต่​นี่​คือ​เรื่อง​ที่​ทั่วทั้ง​ดินแดน​ล้วน​ทราบ​ดี

​เฉิน​ฉาง​เซิง​และ​สวี​โหย​่ว​หรง​จะ​ไม่ทราบ​หรือ​ ​แน่นอน​ว่า​พวกเขา​ต้อง​ทราบ​แน่

​ใน​ปีนั​้น​เขา​และ​หวังผ​้อ​เคย​แสดงเจตนา​กระบี่​ของ​โจว​ตู๋​ฟูมา​แล้ว​ ​เมื่อยา​มดำ​เนิน​อยู่​ที่​ริมแม่น้ำลั​่​วสุ​่ย​ ​หวังผ​้อ​ถือเอา​โอกาส​นี้​สะบั้น​หนาน​เถี​่ย​เสีย​ใน​กระบี่​เดียว

​ยาม​นี้​เคล็ด​วิชาดา​บส​อง​ท่อน​อยู่​ใน​มือ​ของ​เขา​และ​สวี​โหย​่ว​หรง

​เมื่อมี​เคล็ด​วิชาดา​บส​อง​ท่อน​แล้ว​ ​ก็​จะ​สามารถ​สืบทอด​มรดก​ของ​โจว​ตู๋​ฟู​ได้​ ​และ​อาจจะ​สามารถ​กลายเป็น​ผู้​แข็งแกร่ง​ที่สุด​คนที​่​สอง​ภายใต้​ดินแดน​แห่ง​ดวงดาว​นี้​ได้

​หาก​เป็น​ผู้​บำเพ็ญพรต​ท่าน​อื่น​ ​จะ​ทน​การยั่วยุ​เยี่ยง​นี้​ได้​เล่า

​พวกเขา​ต้อง​อดทน​ฝึก​เคล็ด​วิชากระ​บี่​นั่น​อย่าง​พากเพียร​ไม่หยุดหย่อน​เป็นแน่​ ​เอา​เวลา​ทั้งหมด​หรือ​แม้แต่​ชีวิต​ทั้งหมด​ทุ่มเท​ลง​กับ​มัน

​แต่​เฉิน​ฉาง​เซิง​มิได้​ทำ​เยี่ยง​นั้น​ ​สวี​โหย​่ว​หร​งก​็​ไม่ได้​ทำ​เยี่ยง​นั้น​เช่นกัน​ ​พวกเขา​เพียง​ศึกษา​อยู่​ช่วงเวลา​หนึ่ง​เมื่อ​ครั้ง​อยู่​ใน​สุสาน​เทียน​ซู​ ​พวกเขา​มิได้​ฝึก​เคล็ด​วิชากระ​บี่​สอง​ท่อง​นี้​เป็นพิเศษ​ ​พวกเขา​มักจะ​ลืม​เรื่อง​นี้​ไป​เสียด​้วย​ซ้ำ

​“​เคล็ด​วิชาดา​บส​อง​ท่อน​นั้น​โหดเหี้ยม​เกินไป​ ​รู้สึก​ไม่​ใคร่​สบายใจ​นัก​”

​นี่​ก็​คือ​คำอธิบาย​ที่​เฉิน​ฉาง​เซิง​เอ่ย​กับ​หวัง​จือ​เช่อ

​เขา​ขบคิด​ ​ก่อน​เอ่ย​เสริม​ ​“​และ​ข้า​ก็​มี​วิถี​เต๋า​เป็น​ของ​ตนเอง​ ​ซึ่ง​นั่น​ก็ดี​มาก​เช่นกัน​”

​เขา​ตอบ​อย่างสงบ​นัก​ ​โดย​ออกมา​จาก​ความมั่นใจ

​สิ่ง​ที่หวัง​จือ​เช่อ​ชื่นชม​มาก​ที่สุด​ก็​คือ​จุด​นี้​ ​และ​สิ่ง​ที่​เขา​ไม่เข้าใจ​ก็​คือ​จุด​นี้​เช่นกัน

​จาก​สุสาน​เทียน​ซูมา​ยัง​สวน​โจว​ ​เกิด​ปาฏิหาริย์​มากมาย​อย่างนั้น​ล้วน​ไม่​สามารถ​ทำให้​สถานการณ์​ของ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ ​เกิด​การเปลี่ยนแปลง​ใด​ ​ๆ​ ​ได้​เลย

​แล้ว​ใคร​จะ​สามารถ​ทำให้​มอง​ไข่มุก​ศิลา​เป็น​แผ่น​ป้าย​อนุสรณ์​คัมภีร์​สวรรค์​มา​เล่น​บน​แขน​ตน​ได้​หรือ

​เขา​และ​สวี​โหย​่ว​หรง​ยัง​หนุ่ม​ยัง​สาว​ ​เอา​ความมั่นใจ​มาจาก​ไหน​มากมาย​ใน​การ​เผชิญหน้า​กับ​โลก​นี้​อย่างสงบ​เพียงนี้

​“​ดินแดน​นี้​เป็น​ของ​พวกเรา​และ​ก็​เป็น​ของ​พวก​ท่าน​ ​แต่​สุดท้าย​แล้วก็​จะ​เป็น​ของ​พวก​ท่าน​”

​หวัง​จือ​เช่​อม​อง​ไป​ที่​พวกเขา​ก่อน​เอ่ย​ ​“​เดิมที​ข้า​เข้าใจ​ว่า​พวก​เจ้า​ยัง​หนุ่มสาว​ ​อาจ​รอ​ให้​พวกเรา​ชรา​ได้​ ​ไม่ต้อง​เสี่ยงอันตราย​เยี่ยง​นี้​”

​เฉิน​ฉาง​เซิง​เข้าใจ​ว่า​เขา​กำลัง​อธิบาย​ว่า​เหตุใด​จึง​รับคำ​เชิญ​ของ​ซาง​สิง​โจว​มาป​รากฏ​ตัว​ยัง​เมืองหลวง

​เขา​ไม่รู้​ว่า​ควร​เอ่ย​อะไร

​เนื่องจาก​คนที​่​อธิบาย​แก่​เขา​คือ​ ​หวัง​จือ​เช่อ

​ความจริง​นี้​ช่างทำ​ให้​รู้สึก​ท้อแท้​และ​จนใจ​ยิ่งนัก

​…​…

​…​…

​สวี​โหย​่ว​หรง​หันกลับ​ไป​มอง​ชายคา​สีดำ​ที่อยู่​ลึก​ไป​ใน​ตำหนัก

​เมื่อ​แน่ใจ​ว่าการ​สนทนา​ใน​ห้อง​ราบรื่น​ ​นาง​คง​ไม่​พัง​กำแพง​ศิลา​แล้ว​จุด​เพลิง​หงส์​ ​ราชันย์​แห่ง​หลิง​ไห่​รวมถึง​คนอื่น​ ​ๆ​ ​ต่าง​ก็​แยกย้าย​กัน​ไป​แล้ว

​ในเวลานี้​นาง​ได้ยิน​คำพูด​นั้น​ของ​หวัง​จือ​เช่อ​ ​แน่นอน​ว่า​เป็น​เพราะ​หวัง​จือ​เช่​ออยาก​ให้​นาง​ได้ยิน​นั่นเอง

​ประโยค​นั้น​ทำให้​นาง​เลิก​คิ้ว​ขึ้น​ ​ราวกับ​เปลวเพลิง​ที่​เตรียม​จะ​แผดเผา​ท้องฟ้า

​มี​เงา​ร่าง​หนึ่ง​สะท้อน​เข้ามา​ใน​ดวงตา​นาง

​“​ดูเหมือนว่า​เจตนา​การ​รบ​ของ​ท่าน​นั้น​ยัง​ไม่ได้​หาย​ไป​ทั้งหมด​”

​ม่อ​อวี​่​มอง​ไป​ที่นาง​พลาง​ยิ้ม​ ​ก่อน​เอ่ย​ ​“​เวลา​ล่วงเลย​มา​หลาย​แล้ว​เจ้า​ยังคง​กระหาย​การ​รบ​ถึง​เพียงนี้​เชียว​หรือ​”

​นอกจาก​คนที​่​เติบโต​มาด​้ว​ยกัน​เช่น​นาง​ ​เฉิน​หลิว​อ๋อง​ ​และ​ผิงกั​๋ว​แล้ว​ ​มี​เพียง​ไม่​กี่​คน​เท่านั้น​ที่จะ​รู้จัก​นิสัย​ที่แท้​จริง​ของ​สวี​โห่ยว​หรง

​สวี​โหย​่ว​หร​งม​อง​ไป​ที่นา​งก​่อน​เอ่ย​ว่า​ ​”​ใน​สายตา​ของ​ท่าน​ ​สิ่ง​ที่​ข้า​เห็น​คือ​ความไม่พอใจ​”

​“​ท่าน​และ​ข้า​ได้​เตรียมการ​มานับ​ครั้ง​ไม่​ถ้วน​ ​แต่​ทุกอย่าง​ล้วน​ล้มเหลว​ ​เป็นเรื่อง​ที่​หลีกเลี่ยง​ไม่ได้​ที่จะ​รู้สึก​อึดอัด​”

​เมื่อม​่​ออ​วี่​เอ่ย​นั้น​เขา​ยักไหล่​ ​และ​ดู​ไม่ใส่ใจ​เอา​เสีย​เลย

​คำพูด​ธรรมดา​ ​ๆ​ ​ที่​ไม่รู้​ว่า​มี​โลหิต​และ​คราบ​คาว​ซ่อน​อยู่​มากมาย​แค่ไหน

​หาก​ไม่มี​แผนที่​ดูเหมือน​ไร้เดียงสา​และ​โง่เขลา​ของ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ ​วันนี้​เมืองหลวง​อาจจะ​ต้อง​นองเลือด​แล้วก็​เป็นได้

​“​ผู้ชาย​ตัว​น้อย​ของ​เจ้า​ช่าง​ไม่เลว​เลย​”

​ม่อ​อวี​่​ถอนใจ​ก่อน​เอ่ย​ ​“​ท่าน​หวัง​กลับ​น่า​ผิดหวัง​นัก​”

​สวี​โหย​่ว​หรง​หัวเราะเยาะ​ก่อน​เอ่ย​ ​“​ท่าน​นึก​จริง​หรือว่า​เขา​เหมือน​ใน​หนังสือ​อย่างนั้น​”

​ใน​เมืองหลวง​ปีนั​้น​ ​นาง​ยัง​เด็ก​นัก​ ​ม่อ​อวี​่​เอง​ก็​เป็น​เพียง​เด็กสาว​ ​เมื่อยา​มที​่​เล่าเรียน​หนังสือ​นั้น​ไม่รู้​ว่า​ตก​หลงรัก​หวัง​จือ​เช่​อมา​แล้ว​กี่​หน

​บน​โลก​นี้​เต็มไปด้วย​เด็กสาว​มากมาย​นัก​ ​พวก​นาง​คิด​ว่า​ท่าน​หวัง​นั้น​ต้อง​อาศัย​อยู่​บน​เมฆา​ ​รับประทาน​แต่​น้ำค้าง​เป็นแน่

​หาก​ได้​มองเห็น​ความจริง​ ​พวก​นาง​ก็​จะ​ทราบ​ว่า​เทพ​ตก​สวรรค์​เยี่ยง​นั้น​ไม่มี​อยู่​จริง

​เขา​เป็น​เพียง​ชาย​ชรา​ที่​รู้จัก​ประนีประนอม​ ​มัน​ช่าง​น่าเศร้า​ ​หรือ​แม้กระทั่ง​น่าเบื่อ​เสียด​้วย​ซ้ำ​

​ใน​เวลา​ที่​ม่อ​อวี​่​และ​สวี​โหย​่ว​หร​งกำ​ลัง​พูดถึง​หวัง​จือ​เช่อ​นั่นเอง

​หวัง​จือ​เช่อ​ได้​ฟัง​ประโยค​หนึ่ง​แล้ว

​ประโยค​นั้น​เป็นการ​ตอบรับ​คำอธิบาย​ยกใหญ่​ก่อนหน้านี้​ของ​เขา​

​แข็งแกร่ง​นัก​ ​และ​ก็​ตรงไปตรงมา

​“​ในเมื่อ​ดินแดน​นี้​อย่างไร​เสีย​ก็​ต้อง​เป็น​ของ​พวกเรา​ ​เช่นนั้น​เหตุใด​พวก​ท่าน​จึง​ไม่​ถอย​ไป​เสีย​ ​เหตุใด​จึง​ต้อง​ให้​คนหนุ่มสาว​ต้อง​รอกัน​เล่า​”

​“​เมื่อ​ต้อง​รอนาน​เข้า​ ​พวกเรา​ก็​คง​กลายเป็น​คนชรา​ที่​น่าเบื่อ​เหมือน​พวก​ท่าน​อย่างนี้​”

​“​อย่างนั้น​มิใช่​ว่า​โลก​ใบ​นี้​เป็น​ของ​พวก​เจ้า​มาโดยตลอด​หรือ​”

​มิใช่​เฉิน​ฉาง​เซิง​ ​และ​ก็​ไม่ใช่​ถัง​ซาน​สือ​ลิ่ว

​ผู้​ที่​เอ่ย​คำ​นี้​คือ​ราชันย์​แห่ง​หลิง​ไห่

​หวัง​จือ​เช่​อม​อง​ไป​ยัง​เขา​ ​ก่อน​จะ​จำได้​ว่า​เขา​คือ​มหา​มุข​นายก​ท่าน​หนึ่ง

​ผู้ยิ่งใหญ่​แห่ง​สำนัก​ฝึก​หลวง​ที่ว่า​ ​แทบจะ​ไม่อยู่​ใน​สายตา​ของ​เขา​เลย

​แต่​มีเรื่อง​หนึ่ง​ที่อยู่​ใน​สายตา​เขา​ ​และ​ยาก​ที่จะ​หาย​ไป

​ราชันย์​แห่ง​หลิง​ไห่​ยัง​เยาว์​นัก

​ใน​บรรดา​ผู้ยิ่งใหญ่​ของ​สำนัก​ฝึก​หลวง​ ​เขา​คือ​ผู้​ที่​อายุ​น้อยที่สุด

​ถัง​ซาน​สือ​ลิ่ว​เคย​เอ่ย​เช่นนี้

​คนหนุ่มสาว​ก็​คือ​ความถูกต้อง

​หวัง​จือ​เช่อ​ขบคิด​ ​ก่อน​เอ่ย​ ​“​มีเหตุผล​”

​…​…

​…​…

​รถม้า​คัน​หนึ่ง​มุ่งหน้า​ไป​ยัง​ด้านนอก​พระราชวัง​หลี

​ล้อรถ​ที่​บิดเบี้ยว​บดขยี้​กับ​แผ่น​ศิลา​สีเขียว​ที่​แข็งแกร่ง​บน​จตุรัส​ ​เสียง​เสียดสี​ช่าง​ไม่​ไพเราะ​เอา​เสีย​เลย​ ​มองดู​ซอมซ่อ​นัก

​เศษ​โลหิต​บน​พื้น​ศิลา​เขียว​ถูก​ชำระล้าง​ให้​สะอาด​ไป​นาน​แล้ว

​เสียง​กรีดร้อง​ตะโกน​ด้วย​ความโกรธ​เกรี้ยว​ของ​อู๋​เต้า​จื่อ​ดัง​ออกมา​จาก​ใน​รถ​อย่างต่อเนื่อง

​“​ข้า​จะ​สังหาร​พวก​เจ้า​ซะ​”

​“​ไอ​พวก​ลูก​หมา​ ​กล้า​ทำ​ผู้อาวุโส​อย่างนี้​เชียว​หรือ​”

​ไม่มี​ผู้ใด​ตอบโต้​การ​ผรุสวาท​นั้น​ของ​อู๋​เต้า​จื่อ

​ที่​นั้น​ไร้​ซึ่ง​ผู้คน​นาน​แล้ว​ ​ไม่มี​แม้แต่​คนเดียว

​นี่​คือ​ความเคารพ​ที่​พระราชวัง​หลี​แสดงออก​มา

​ราชันย์​แห่ง​หลิง​ไห่​ยืน​อยู่​ใต้​ชายคา​ ​มอง​ไป​ยัง​รถม้า​ที่​กำลัง​เคลื่อน​ออก​ไป​ด้วย​สีหน้า​สงบ

​อันฮ​วา​อยู่​ข้าง​กาย​เขา​ ​นึกถึง​เรื่อง​ที่​ตน​ทำ​ใน​วันนี้​ ​ฟัง​เสียง​ก่น​ด่า​เหล่านั้น​ ​พลัน​ใบหน้า​ก็​ซีด​ขาว​ ​สีหน้า​จนใจ

​ความโกรธ​ของ​อู๋​เต้า​จื่อ​มาจาก​ความพ่ายแพ้​ ​และ​ยิ่งไปกว่านั้น​เนื่องจาก​เขา​ไม่เคย​ได้รับ​ความเคารพ​ใน​พระราชวัง​หลี​เลย

​หากว่า​กันตา​มห​ลัก​การ​แล้ว​ ​ไม่ว่า​จะ​แพ้​หรือ​ชนะ​ ​คนที​่​มี​ฐานะ​เยี่ยง​เขา​ควร​ได้รับ​การแสดง​ความเคารพ​

​และ​ที่​สำคัญ​ ​เขา​เป็นตัวแทน​ของ​หวัง​จือ​เช่อ

​แต่​ไม่มี

​ตั้งแต่​เฉิน​ฉาง​เซิง​ไป​จนถึง​สวี​โหย​่ว​หรง​ ​ตั้งแต่​ราชันย์​แห่ง​หลิง​ไห่​ไป​จนถึง​อันฮ​วา​ ​จนถึง​หวังผ​้อ​และ​ม่อ​อวี​่​ที่อยู่​ด้านนอก​ ​ล้วน​ไม่ได้​แสดงท่าที​เช่นนั้น

​บางที​ ​นี่​อาจจะ​หมายถึง​จุดจบ​ของ​ยุค​หนึ่ง​แล้ว

​ยุค​นั้น

​อู๋​เต้า​จื่อ​โกรธ​มาก​และ​ผิดหวัง​ยิ่งกว่า​ ​แต่​หวัง​จือ​เช่​อก​ลับ​สงบ​ยิ่งนัก​หรือ​แม้แต่​กระทั่ง​รู้สึก​ชื่นชม​ด้วยซ้ำ

​เนื่องจาก​ใน​วันนี้​เขา​สัมผัส​ได้​ถึง​พลังงาน​อย่างหนึ่ง

​พลังงาน​หนึ่ง​ที่​คุ้นเคย​ยิ่งนัก​ ​แต่​ค่อย​ ​ๆ​ ​เลือนหาย​ไป​หลังจากที่​ราชวงศ์​ป้า​โจ​ได้​สถาปนา​ราชวงศ์​ขึ้น

​พลัง​แบบ​นั้น​ค่อนข้าง​หยาบกระด้าง​ ​ไร้​ซึ่ง​กฎเกณฑ์​ ​แต่กลับ​มีพลัง​ที่​ตื่นตัว​เป็นอย่างมาก​ ​และ​ทำให้​ผู้คน​หวั่นไหว​ยิ่งนัก

​หลาย​พันปี​ก่อน​ ​ใต้​หล้า​โกลาหล​ ​ราชวงศ์​แตกสลาย​ ​เผ่า​มาร​ยกพล​ลง​ใต้​ ​ผู้คน​หมดอาลัย​ ​อัฐิ​เกลื่อน​เส้นทาง

​หลังจากนั้น​ ​ดอกไม้​ป่า​ก็​บานสะพรั่ง

​โจว​ตู๋​ฟู​ ​เฉิน​เสวียน​ป้า​ ​เฉิน​เจี​้ย​ซิ่ง​ ​ซาง​สิง​โจว​ ​ฉู่​อ๋อง​ ​ติงจ​้ง​ซาน​ ​หลี​่​หมี่​เอ๋อร​์​ ​ฉินจ​้ง​ ​อวี​๋​กง​ ​และ​ยัง​มี​คน​เหล่านั้น​บน​หอ​หลิง​เยียน

​ยัง​มี​เขา

​ตอนนั้น​พวกเขา​ล้วน​ยัง​หนุ่มสาว​ ​พวกเขา​เคย​เคารพ​ใคร​ด้วย​หรือ​ ​เคย​เกรงกลัว​ใคร​ด้วย​หรือ

​ที่แท้​ ​ยุค​นั้น​ยัง​ไม่​จบสิ้น

​ตอนนี้​ก็​ยังคง​เป็น​ยุค​นั้น

​ยุค​ของ​คนหนุ่มสาว