บทที่ 1263 การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,263 การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

“เจ้าแน่ใจหรือ?”

นักเวทวัยกลางคนมีแววตาไม่อยากเชื่อ เขาได้แต่จ้องมองหลินเป่ยเฉินเขม็ง

“อะไรกัน? ท่านมาที่นี่ก็เพื่อยื่นข้อเสนอให้ข้าไม่ใช่หรือ?”

หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ “แล้วทำไมถึงไม่เชื่อว่าข้าจะตกลงล่ะ? หรือว่าทานอิจฉาข้า กลัวว่าใต้เท้ากั้วจะชื่นชอบข้ามากกว่าท่าน และสุดท้าย ข้าก็จะเป็นคนที่ขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งแทนที่ท่านใช่หรือไม่?”

“ไม่ใช่สักหน่อย”

นักเวทวัยกลางคนปฏิเสธทันที

หลังจากหยุดชะงักเล็กน้อย เขาก็กล่าวเสริมว่า “เหลวไหลที่สุด”

หลินเป่ยเฉินหัวเราะหึ ๆ “ท่านต้องระวังข้าให้ดีเชียว”

นักเวทวัยกลางคนปากกระตุก “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

“ข้าหมายความว่าท่านควรให้ความเคารพข้ามากกว่านี้”

หลินเป่ยเฉินยิ้มมุมปากและกล่าวต่อ “มิเช่นนั้น หากข้าได้กลายเป็นเทพเจ้าระดับสูงเมื่อไหร่ ข้าก็จะเป็นคนที่ใต้เท้ากั้วเชื่อใจมากที่สุด เมื่อถึงตอนนั้น คนแรกที่ข้าจะแก้แค้นก็คือท่าน และข้าจะทำให้ท่านต้องคุกเข่าร้องขอชีวิตจากข้า”

“ฮ่า ๆๆ”

นักเวทวัยกลางคนหัวเราะแผ่วเบา “ข้าจะรอให้ถึงวันนั้น… ตกลงว่าเจ้ายินดีรับข้อเสนอจากใต้เท้ากั้วใช่หรือไม่? ข้าจะได้กลับไปแจ้งให้ใต้เท้าท่านทราบ”

“อ้อ เรื่องนี้ จะบอกว่ารับข้อเสนอเสียทีเดียวก็ไม่ได้หรอก… เพราะว่าข้าเองก็มีข้อเสนอเช่นกัน”

หลินเป่ยเฉินเริ่มกระบวนการพลิกลิ้นอีกครั้ง “ข้าอยากจะเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการแข่งขันรอบต่อไป หากใต้เท้ากั้วใจดีมีเมตตาต่อข้าจริง ๆ ถ้าอย่างนั้น ก็จงมอบกระบี่เล่มใหม่ ชุดเกราะชุดใหม่ อุปกรณ์สำหรับการสู้รบชุดใหม่และคะแนนศรัทธาอีกจำนวนหนึ่งมาให้กับข้าเสียก่อน…”

นักเวทวัยกลางคนเบิกตาโต “เจ้ากำลังล้อเล่นใช่หรือไม่?”

หลินเป่ยเฉินส่ายหน้า “ข้าไม่ได้ล้อเล่น”

นักเวทวัยกลางคนเงียบงันไปเล็กน้อย สุดท้ายก็กล่าวออกมาว่า “ข้าจะนำข้อเสนอของเจ้าไปบอกต่อใต้เท้ากั้วให้ก็แล้วกัน ได้ความอย่างไรเดี๋ยวข้าจะกลับมาแจ้งในภายหลัง”

หลังจากบันทึกหมายเลขกำไลผลึกแก้วกิเลนของหลินเป่ยเฉินเรียบร้อย นักเวทวัยกลางคนก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว

หลินเป่ยเฉินจ้องมองเสื้อคลุมสีดำที่โบกสะบัดหายวับไปกับตา ก่อนยิ้มออกมาด้วยความสะใจ

คนเหล่านี้ประมาทไม่ได้จริง ๆ

ถึงกับคิดจะใช้ตำแหน่งและเงินทองมาซื้อตัวเขาอย่างนั้นหรือ?

ดูเหมือนพวกเขาจะรู้แล้วสินะว่าหลินเป่ยเฉินผู้ยิ่งใหญ่เกรียงไกรคนนี้…

สามารถซื้อตัวได้ง่ายมาก!

ตราบใดที่มีเงินทองและตำแหน่งอันสูงส่งมอบให้กับเขา หลินเป่ยเฉินก็ยินดีเป็นพวกพ้องด้วยทั้งสิ้น

เด็กหนุ่มเดินออกมาจากโรงเตี๊ยม

แต่คิดไม่ถึงเลยว่าก่อนจะออกจากพื้นที่เขต 3 เขากลับถูกผู้คนเดินมาขวางหน้าอีกครั้ง

คราวนี้คนที่มาขวางหน้าหลินเป่ยเฉินเป็นหญิงสาวร่างสูงในชุดเกราะสีทองคำ สัญลักษณ์ที่อยู่บนชุดเกราะของนางแจ้งว่านางคือคนจากเผ่าเทพตะวัน

“ในนามของเผ่าเทพตะวัน ข้าได้รับคำสั่งให้มายื่นข้อเสนอต่อเจ้า…”

หญิงสาวร่างสูงผู้นี้มีร่างกายกำยำ ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยปุปะ ชุดเกราะสีทองคำแผ่รัศมีราวกับดวงอาทิตย์แผดแสง เห็นได้ชัดว่านางคือยอดฝีมือประจำเผ่าเทพตะวันและคงมีสถานะไม่ต่ำต้อยอีกด้วย

แต่หลินเป่ยเฉินก็ปฏิเสธไปอย่างไม่ไยดี

เนื่องจากข้อเสนอของเผ่าเทพตะวันนั้น หลินเป่ยเฉินจะได้รับศิลาเทวะเดือนละสิบก้อนเท่านั้น และกว่าที่เขาจะได้รับศิลาเทวะเดือนละสิบก้อน หลินเป่ยเฉินก็จำเป็นต้องผ่านเข้าสู่รอบยี่สิบคนสุดท้ายให้สำเร็จเสียก่อน

นับเป็นข้อเสนอที่โหดร้ายอย่างยิ่ง

“ปฏิเสธพวกเรา เจ้าจะต้องเสียใจ”

นักรบหญิงร่างกำยำผู้นี้มีนามว่าเกาเหยียนอวิ๋น จ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปโดยไม่พูดคำใดอีก

ฮะ?

แค่นี้เองหรือ?

หลินเป่ยเฉินรู้สึกไม่ประทับใจกับเผ่าเทพตะวันเลยสักนิด

หลังจากนั้น เหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันนี้ก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ในบรรดาเผ่าเทพสงครามทั้งเจ็ด ไม่ว่าจะเป็นเทพวารี เทพอัคคี เทพไม้เขียว และเทพนภา พวกเขาต่างก็มายื่นข้อเสนอให้แก่หลินเป่ยเฉิน แม้ว่าเทพเจ้าแต่ละเผ่าพันธุ์จะมีความแข็งแกร่งและความร่ำรวยแตกต่างกันไป แต่ข้อเสนอที่หลินเป่ยเฉินได้รับกลับไม่ต่างไปจากข้อเสนอของเผ่าเทพตะวันสักนิด

หลินเป่ยเฉินจึงปฏิเสธไปโดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลา

และสิ่งที่ทำให้เขาเดือดดาลใจมากที่สุดก็คือตอนพบเจอคนจากเผ่าเทพไม้เขียว หลินเป่ยเฉินยื่นข้อเสนอขอรับโอสถหัวใจพฤกษาเป็นสิ่งตอบแทน แต่อีกฝ่ายกลับมองหน้าเด็กหนุ่มราวกับเห็นเขาเป็นตัวโง่งมอย่างไรอย่างนั้น

นั่นทำให้คุณชายหลินรู้สึกว่าตนเองกำลังโดนดูถูก

“เทพเจ้าพวกนี้แปลกคนชะมัด”

หลินเป่ยเฉินส่ายหน้าด้วยความระอาใจ

ทั้งขี้งกและใจแคบ เก่งแต่การดูถูกผู้อื่น ไม่ทราบเลยว่าเทพเจ้าเหล่านี้สามารถครองตัวอยู่ในดินแดนทวยเทพได้อย่างไร

แต่ในเวลาเดียวกันนี้ คำถามใหญ่ก็ได้เกิดขึ้นในจิตใจของหลินเป่ยเฉิน

มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล

เหตุไฉนใต้เท้ากั้วแห่งเผ่าเทพพงไพรจึงยินดียื่นข้อเสนอให้เขาเป็นตำแหน่งเทพเจ้าชั้นกลาง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ผู้คนมากมายในดินแดนแห่งนี้ใฝ่ฝันชั่วชีวิต มิหนำซ้ำ ยังไม่มีเงื่อนไขเรื่องการแข่งขันสำหรับเขาอีกด้วย?

เป็นไปได้หรือไม่ว่าใต้เท้ากั้วผู้นี้จะเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลกว่าผู้อื่น?

หรือเป็นเพราะว่าผู้อื่นโง่งมเกินไปกันแน่?

เป็นไปไม่ได้

ต้องมีเหตุผลรองรับสิ

ไม่มีทางที่เทพเจ้าบนดินแดนทวยเทพแห่งนี้จะโง่เขลากันไปหมด

หลินเป่ยเฉินกลับมาที่หุบผาอเวจีพร้อมด้วยความสงสัยและเริ่มต้นไล่ล่าสัตว์อสูรต่อไปพร้อมกับเจ้าอ้วน

หลินเป่ยเฉินได้ทำข้อตกลงกับเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเอาไว้ว่า เมื่อการแข่งขันค้นหาเทพเจ้าหน้าใหม่แห่งสภาเทพเจ้าจบลง เขาก็จะเดินทางกลับแผ่นดินตงเต้า

เพราะฉะนั้น หลินเป่ยเฉินจึงต้องแข่งกับเวลาเพื่อหาเงิน

“โอ๊ย เจ็บ เจ็บ เจ็บ เจ็บ เจ็บ…”

เสียงร้องโหยหวนของเจียงรั่วหลินดังกังวานไปทั่วภูเขาลอยฟ้า ไม่ต่างจากสัตว์ป่าที่บาดเจ็บเจียนตาย

“เสี่ยวไป๋ ลูกต้องแก้แค้นแทนน้องนะ”

ฮูหยินเจียงยกมือปาดน้ำตา ยื่นมือมาจับมือของเจียงรั่วไป๋มากุมไว้ “ครั้งนี้ตระกูลเจียงของเราได้รับความเสียหายใหญ่หลวง ไม่เคยมีผู้ใดกระทำย่ำยีกับน้องสาวของเจ้าเช่นนี้มาก่อน เจ้าต้องสังหารเจี๋ยนเซียวเหยาและบดขยี้กระดูกของมันผู้นั้นให้แหลกเป็นผุยผงให้ได้”

เจียงรั่วไป๋กล่าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ลูกให้คำสัญญากับเขาไว้แล้ว ลูกจะไม่ลงมือจนกว่าจะถึงเวลาที่เราเผชิญหน้ากันเจ้าค่ะ”

หญิงสาวลอบถอนหายใจ

บัดนี้ ตระกูลเทพเจ้าจำนวนมากในเมืองเยี่ยเฉิงต่างก็ยื่นข้อเสนอให้แก่เจี๋ยนเซียวเหยาเพื่อหวังจะดึงเขาเข้ามาเป็นพวกของตนเอง

นี่แสดงให้เห็นแล้วว่าเจี๋ยนเซียวเหยามีความแข็งแกร่งควรค่าต่อการผูกมิตรขนาดไหน

แต่ฮูหยินใหญ่ตระกูลเจียงกลับต้องการที่จะฆ่าเด็กหนุ่มผู้นั้นให้ได้ ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ตาม…

ช่างมีวิสัยทัศน์คับแคบยิ่งนัก

ซ้ำยังมีจิตใจที่โง่เขลา

ตระกูลเจียงรับใช้เผ่าเทพพงไพรมานับพันปี ในอดีตเคยรุ่งเรืองสุดขีด แต่ปัจจุบันนี้ ทั้งตระกูลต้องพึ่งพาสตรีอย่างเจียงรั่วไป๋เพียงผู้เดียว บารมีที่เคยมีในอดีตจึงสูญสลายหายไปหมดสิ้น

เจียงรั่วไป๋หมุนตัวเดินออกมา

จนกระทั่งถึงขณะนี้ คำถามใหญ่ที่ยังคงคาใจนางอยู่ก็คือ เพราะเหตุใด เจี๋ยนเซียวเหยาจึงสามารถทำคะแนนได้สูงถึงเพียงนั้น?

ต่อให้เขาฆ่าสัตว์อสูรหมดหุบเขามรณะ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีคะแนนสูงถึงขั้นนี้

เมื่อเห็นว่าบุตรสาวคนโตของตนเองเดินจากไปอย่างเย็นชา แววตาของฮูหยินเจียงก็แสดงออกถึงความผิดหวัง

นางรู้สึกได้ว่าบุตรสาวคนโตไม่ยินดีทำตามคำสั่ง

หญิงชรากัดฟันกรอดและโบกมือเรียกพ่อบ้านที่ตนเองเชื่อใจมากที่สุด

“ข้าไม่สนว่าเจ้าจะสังหารเจี๋ยนเซียวเหยาได้สำเร็จหรือไม่ หากเจ้าสังหารเขาไม่ได้ ก็จงสังหารสหายของเขาซะ ข้าอยากให้เขาได้รู้ซึ้งถึงรสชาติความเจ็บปวดก่อนที่จะตาย”

หญิงชราออกคำสั่งด้วยความโกรธแค้น

“รับทราบขอรับ ฮูหยิน”

พ่อบ้านรับคำสั่งอย่างไม่กล้าปฏิเสธ

แล้วเวลาก็ผ่านไป

เพียงพริบตาเดียว ในที่สุด การแข่งขันค้นหาเทพเจ้าหน้าใหม่แห่งสภาเทพเจ้ารอบที่สองก็มาถึง

เสียงระฆังดังกังวานไปทั่วทุกมุมภายในเมืองเยี่ยเฉิง

เมื่อหลินเป่ยเฉินเดินทางมาถึงวิหารสาขาที่ 98 ประจำแดนตะวันตกเฉียงเหนือ เขาก็พบว่าสหายร่วมกลุ่มทุกคนมารวมพลรออยู่ก่อนเรียบร้อยแล้ว!