ตอนที่ 2363 ต้นกำเนิดดาบระดับสอง!

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

“การโจมตีผสานพลังของสิบเจ็ดยอดเด็กชะตาไร้คาดเดา มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว!”

“เจ้าเด็กคนนั้นมันคงกลายเป็นแค่ธุลีแล้วใช่หรือไม่?”

“วางท่าท้าทายหนึ่งต่อสิบเจ็ด เวลานี้ใบหน้าของมันคงถูกตบจนหันแล้วใช่หรือไม่?”

เมื่อสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังที่เกิดขึ้นในกรงนั้นเด็กชะตาไร้คาดเดานับล้านๆ ภายนอกต่างตกตะลึง

คลื่นพลังอันรุนแรงเช่นนี้กลับถูกใช้จัดการคนแค่ผู้เดียว ต่อให้จะมีร่างกายเป็นเหล็กกล้ามันก็คงไม่มีทางหลบรอดใดๆ ไปได้

ก่อนที่จะลงมือนั้นฟ้าดินปั่นป่วน

เมื่อโจมตีออกมานั้นฟ้าดินต้องแตกสลายแทบทวงร้องลั่นสั่นกลัว

เด็กชะตาไร้คาดเดาทั้งสิบเจ็ดนี้ผสานพลังกันอย่างรุนแรงจนถึงขั้นที่เรียกได้ว่างดงาม

พวกเขาทั้งหลายนั้นตั้งใจจะสั่งสอนเย่หยวนแน่นอนว่าย่อมไม่คิดออมมือใดๆ

เหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดาทั้งหลายหัวเราะลั่นขึ้นแทบพร้อมกัน “ฮ่าๆๆ เยี่ยมจริง! ใครสั่งสอนให้เจ้าโอหังนักเล่า! ขอดูหน่อยเถอะว่าจะยังรอดได้อย่างไร!”

เพราะสำหรับพวกเขาแล้วนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ต้องร่วมมือกันจัดการศัตรู

พวกเขาเองก็ไม่คิดไม่ฝันว่าการผสานพลังของคนทั้งสิบเจ็ดมันจะทำให้เกิดพลังที่รุนแรงได้ปานนี้

ความยิ่งใหญ่รุนแรงของภาพตรงหน้านี้มันทำให้เลือดของพวกเขาทั้งหลายเดือดพล่าน

พวกเขานั้นรู้สึกราวกับว่าตัวเองจะดึงฟ้าลงมาไว้กับดินได้!

ความพึงพอใจนั้นมันได้ทำให้พวกเขาทั้งหลายต้องรู้สึกอิ่มเอิบ

ผางเจิ้นนั้นหัวเราะขึ้นมา “เจ้าโง่ที่ไม่ประมาณตัวเอง! เจ้าไม่ได้รู้เลยว่าพวกเรานั้นเก่งกาจแค่ไหน! เจ้ามันก็แค่กบในกะลาตัวหนึ่งเท่านั้น!”

ยูถันจื่อหัวเราะขึ้นมาตาม “ฮ่าๆ พี่ผางกล่าวถูก! เจ้าเด็กคนนี้มันก็แค่กบน้อยในกะลา!”

หลังใช้พลังสุดยอดของตนออกมาเช่นนั้นพวกเขาทั้งหลายต่างก็รู้สึกเหนื่อยอ่อนไปตามๆ กัน แต่ละคนนั้นต่างเริ่มดึงพลังของตนเองกลับมา

แต่เจ้าห้วงมิติที่บิดเบี้ยวนั้นมันกลับยังดำสนิทด้วยคลื่นพลังมากหลาย

ราวกับว่าทุกสิ่งอย่างในนั้นได้ถูกทำลายลงสิ้น

ที่แห่งนี้มันได้กลายเป็นมิติตาย เย่หยวนนั้นย่อมจะไม่มีทางรอดออกไปได้

“เอาล่ะ จัดการเจ้าเด็กคนนี้แล้ว! ต่อไปก็ตาเจ้าล่ะว่านเจิ้น!” ผางเจิ้นหันกลับมายิ้ม

ว่านเจิ้นเองก็ได้แต่อ้าปากค้างมองดูภาพตรงหน้า คลื่นพลังการโจมตีที่รุนแรงปานนั้นต่อให้เขาจะผสานห้าแนวคิดไว้ได้มันก็คงไม่อาจรอดชีวิต

เย่หยวนคงตายลงแน่แล้ว

แต่อีกด้านหนึ่งในเมืองเมฆหนุนตัวจางเหลียนที่ลงมาก่อนได้เปิดปากถามขึ้น “หากเย่หยวนตายลงเขาก็คงมาเกิดที่นี่! มีใครเห็นเขาบ้างหรือไม่?”

คำพูดนี้ปลุกผู้คนให้สะดุ้งตัวตื่น!

ในเมืองนั้นมันมีสายตานับหมื่นคู่สาดส่องมองหา

“ไม่มี!”

“ข้าไม่เห็น!”

“ไม่มีเงาของเย่หยวนเลย!”

“หรือว่า… เขาจะยังไม่ตาย? มันเป็นไปได้อย่างไรกัน?”

ทุกผู้คนต่างตื่นตะลึงขึ้นมาตามๆ กันเพราะว่าเย่หยวนนั้นไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นในเมืองเมฆหนุน

พวกเขานั้นไม่อยากจะเชื่อว่าภายใต้พลังโจมตีเช่นนั้นเย่หยวนกลับจะยังไม่ตายได้

“จะรีบไปไหนกันเล่า? การต่อสู้กับข้ามันยังไม่จบเลย!” เสียงเฉื่อยชาหนึ่งดังขึ้นมาภายในหลุมดำ

พร้อมกันนั้นสีหน้าของเด็กชะตาไร้คาดเดานับล้านก็ต้องซีดขาวลง

“บ้าน่า! ขนาดนี้แล้วยังไม่ตายอีกหรือ?”

“บ้าเกิดไปแล้ว! มิติตรงนั้นมันแตกสลายลงไปทีเดียวนะ!”

“เจ้าหมอนี่มันทำได้อย่างไรกัน?”

ร่างของเย่หยวนนั้นมันค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาต่อสายตาจนทำให้สีหน้าของยอดคนทั้งสิบเจ็ดต้องเปลี่ยนสีไป

เวลานี้คลื่นพลังของเย่หยวนมันดูยุ่งเหยิงไม่น้อย

แต่เขานั้นไม่ได้รับบาดเจ็บที่อันตรายถึงชีวิต!

ผางเจิ้นเบิกตากว้างร้องกล่าว “เป็นไปไม่ได้น่า! เจ้า… เจ้ากลับยังไม่ตาย!”

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้! ข้าก็บอกแล้วว่าจะจัดการพวกเจ้าคนเดียวหรือสิบเจ็ดคนมันก็ไม่ต่าง ในเมื่อฝั่งพวกเจ้าได้ลองฝีมือข้าแล้ว… มันก็ถึงตาข้าบ้าง!”

เย่หยวนกล่าวออกมาพร้อมยกนิ้วสั่ง “ดาบจงมา!”

และราวกับว่ามันได้ยินเสียงเรียกของเย่หยวนนั้น คลื่นพลังแนวคิดบางอย่างได้กระจายออกไปจนสั่นสะท้านฟ้าดิน

ซู่…

“นี่… ดาบข้า!”

“เกิดอะไรขึ้นกัน? ดาบข้าไม่ฟังคำสั่งข้าเลย!”

“เจ้าจะไปไหนของเจ้า! อยู่กับข้าสิ! อ่า!”

ดาบมากมายร้องลั่นส่งเสียงขึ้นมา ในหมู่เด็กชะตาไร้คาดเดานับล้านๆ นั้นหากมีใครใช้ดาบ ดาบของคนผู้นั้นก็จะหนีจากมือเจ้าของไปทันที!

ฟุบ!

ฟุบ!

ฟุบ!

ดาบแสงมากมายพุ่งทะยานผ่านท้องฟ้าตรงมายังกรงยักษ์นั้น

เจ้ากรงที่ว่านี้แท้จริงแล้วมันเป็นมิติแยก เหมือนเป็นมิติซ้อนในมิติของมิติสงครามดึกดำบรรพ์

แต่ในเวลานี้มันราวกับว่ากรงนี้ไม่ได้แยกออกจากโลกหล้าใดๆ ปล่อยให้ดาบทั้งหลายนั้นพุ่งผ่านกรงเข้ามาได้อย่างไร้การติดขัด

ดาบนั้นเป็นอาวุธยิ่งใหญ่เหนือล้ำอาวุธใด นักยุทธที่บ่มเพาะวิชาดาบนั้นมันมีมากมาย

เวลานี้ดาบทั้งหลายที่พุ่งเข้ามาถึงมันมีนับแสนๆ เล่ม

เมื่อสิบเจ็ดยอดฝีมือได้เห็นเช่นนั้นแล้วพวกเขาทุกคนต่างก็ต้องอ้าปากค้างขึ้นมาตามๆ กัน

เรื่องราวนี้มันจะน่าเหลือเชื่อเกินไปหรือไม่?

“ต้นกำเนิดดาบระดับสอง! เขากลับบรรลุมันขึ้นมาได้!” ผางเจิ้นนั้นกล่าวขึ้นด้วยใบหน้าหนักใจ

ยูถันจื่อเปิดปากอ้าค้าง “ก่อนหน้านี้ดูอย่างไรมันก็ใช้แค่ต้นกำเนิดดาบระดับหนึ่ง! นี่มันเก็บซ่อนพลังไว้หรือ? หรือว่ามันบรรลุขึ้นมาได้?”

ผางเจิ้นนั้นหน้าถอดสีตอบ “ต้องเพิ่งบรรลุแน่! หากมันเก็บซ่อนฝีมือไว้จริงมันคงไม่ต้องยืนรับการโจมตีของเราตรงๆ เช่นนั้น!”

ยูถันจื่อเบิกตากว้างอ้าปากค้าง “เจ้าหมอนี่มันจะมากพรสวรรค์เกินไปหรือไม่? ตรัสรู้ถึงเต๋าได้ในวินาทีสุดท้ายนั้น ที่สำคัญ… มันยังเป็นถึงพลังต้นกำเนิด!”

พลังต้นกำเนิดที่ว่านั้นมันคือการยืมพลังมาจากกฎ!

เหนือแนวคิดไปนั้นมันคือกฎ!

เมื่อเต๋านั้นถูกบ่มเพาะจนขึ้นไปถึงระดับหนึ่งแล้วมันก็จะเริ่มเข้าถึงพลังของกฎ นั่นคือสิ่งที่คนทั้งหลายเรียกว่าพลังต้นกำเนิด!

และระดับการพัฒนาของมันนั้นก็จะแบ่งออกเป็นห้าระดับตามเจ้าฟ้าดินทั้งห้าทลาย!

กฎนั้นมันคือพื้นฐานของการสร้างโลก มันคือต้นกำเนิดของแนวคิดต่างๆ!

แต่แม้จะเป็นเด็กชะตาไร้คาดเดาที่มากพรสวรรค์แค่ไหน คนส่วนมากมันก็จะมาหยุดแค่ที่พลังต้นกำเนิดระดับหนึ่งนั้น

คนที่ขึ้นไปถึงระดับสองได้มันมีแค่ส่วนน้อย!

ในหมู่เด็กชะตาไร้คาดเดาวันนี้ มันมีแค่ผางเจิ้นเท่านั้นที่มีพลังแนวคิดแห่งสายฟ้าขึ้นไปจนถึงพลังต้นกำเนิดระดับสอง

เพราะเหตุนี้เองที่ทำให้เขาสามารถใช้พลังแนวคิดเดียวนี้เอาชนะยอดอัจฉริยะคนอื่นๆ มาได้ขาดลอย

แต่เวลานี้เย่หยวนเองก็ก้าวขึ้นมาถึงระดับนี้ในเต๋าดาบ!

ก่อนหน้านี้เย่หยวนได้ถูกยอดฝีมือทั้งสิบเจ็ดล้อมโจมตีทำให้เย่หยวนต้องใช้พลังของค่ายกลดาบนิพพานแท้มาจนถึงขีดสุด

สองพลังต้นกำเนิดผสานเข้ากับแนวคิดแห่งกาลเวลาห้วงมิติมันจึงได้ใช้ออกมาอย่างถึงที่สุด

ภายใต้สภาพเช่นนั้น เย่หยวนจึงสามารถบรรลุขึ้นมาได้!

และนี่มันก็คือเหตุผลที่เขาคิดรับคำท้าของสิบเจ็ดยอดฝีมือง่ายๆ เช่นนั้น

มีเพียงแค่การใช้พลังจนถึงขีดสุดเท่านั้นที่เขาจะมองเห็นทางก้าวไปต่อ!

และครั้งนี้เขาก็ทำสำเร็จ!

เต๋าดาบนั้นเป็นวิชาแนวคิดที่เหนือล้ำรุนแรงเหนือล้ำเสียยิ่งกว่าแนวคิดสายฟ้าหากเทียบกันแค่เรื่องพลัง

เพียงแค่ว่าคนที่บ่มเพาะเต๋าดาบขึ้นมาได้ถึงระดับนี้มันมีแค่น้อยนิด

เต๋าดาบนั้นมันฝึกฝนง่าย แต่ฝึกให้ชำนาญนั้นแสนยาก!

เพราะฉะนั้นแม้มันจะเป็นเต๋าที่ทุกคนบ่มเพาะ แต่คนที่บ่มเพาะเต๋าดาบขึ้นมาจนถึงระดับต้นกำเนิดได้นั้นมันมีน้อยนิดหยิบมือ

และตลอดมานั้นสิ่งที่เย่หยวนชำนาญที่สุด นอกจากเต๋าโอสถแล้วมันก็คือเต๋าดาบนี้

เพราะแม้แต่แนวคิดแห่งห้วงมิติของเขามันก็ยังบ่มเพาะบรรลุขึ้นมาได้ด้วยการใช้เต๋าดาบเป็นแนวทางนำ

ครั้งนี้ ภายใต้พลังกดดันมหาศาลนี้เขาจึงได้บรรลุขึ้นมาอีกครั้ง!

บรรลุต้นกำเนิดดาบระดับสองขึ้นมาได้เช่นนี้ ตราบเท่าที่อีกฝ่ายนั้นมีเต๋าดาบไม่สูงส่งเท่าเขา ดาบของอีกฝ่ายก็จะไม่เชื่อฟังคำสั่งเจ้านายอีกต่อไป

เพราะฉะนั้นในเวลานี้เหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดาทั้งหลายที่ใช้ดาบจึงต้องเสียดายเอามาให้เย่หยวนใช้อย่างไม่อาจทำอะไรได้!

จากวันนี้ไปเป็นต้นไป พวกเขาทั้งหลายคงไม่อาจชักดาบออกมาใช้ต่อหน้าเย่หยวนได้อีก!

……………………..