ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 1032 จักรพรรดิเอกภพมาถึง

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เฉาเจี๋ยใช้หนึ่งกระบี่ขัดขวางหลางชิง ตราประทับตะวันของเยี่ยนจ้าวเกอไม่ถูกต้านไว้ กระแทกใส่นักพรตเทียนอี้

นักพรตเทียนอี้ในตอนนี้กำลังสู้กับประมุขอิสานหลิวเจิงกู่ ตอนนี้เห็นตราประทับตะวันพุ่งเข้ามาก็ได้แต่หลบหลีก

หลิวเจิงกู่ไม่รังเกียจการผนึกกำลังกลุ้มรุมคน หันคมหอกในมือลง ชนปลายหอกใส่นักพรตเทียนอี้ กดดันให้อีกฝ่ายถอยไป

นักพรตเทียนอี้สายตาเคร่งขรึม มองเยี่ยนจ้าวเกอและเยี่ยนตี๋สองพ่อลูก

จวงเซินได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกเยี่ยนจ้าวเกอสะกดไว้ เยี่ยนจ้าวเกอแยกตราประทับตะวันออกมากระแทกใส่คู่ต่อสู้คนอื่น

ประมุขพายัพเลี่ยนจู่หลินบรรลุคัมภีร์นภาหยินหยา ไม่กริ่งเกรงการกลุ้มรุม

ประมุขประจิมหลางชิงบรรลุคัมภีร์นภาความว่างเปล่า ร่างกายล่องลอยไม่แน่นอน

ดังนั้นนีกพรตเทียนอี้ ประมุขบูรพาจึงโชคร้ายแล้ว

หลางชิงทางหนึ่งหาวิธีช่วยเหลือนักพรตเทียนอี้รับมือ ทางหนึ่งคอยระวังเยี่ยนจ้าวเกอ เขาคิดจะใช้พลังของตัวเองส่งจวงเซินให้ดับสิ้นไป เพื่อช่วยให้อีกฝ่ายหลุดจากการสะกดของเยี่ยนจ้าวเกอ ฟื้นพลังต่อสู้กลับมาอีกครั้ง

ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอป้องกันไว้แต่แรก

บางทีสมควรบอกว่า เขารอหลางชิงเป็นการเฉพาะ โอบวงล้อมเข้าโจมตี ใช้จวงเซินเป็นเหยื่อล่อให้หลางชิงเข้ามาในไห จากนั้นก็หาวิธีทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัส

หลางชิงรู้แกวอย่างรวดเร็ว ลอบถอนใจว่าเยี่ยนจ้าวเกอเจ้าเห์ ส่วนจวงเซินที่กลายเป็น ‘เหยื่อล่อ’ ยิ่งรู้สึกอัปยศกว่าเดิมอย่างไม่ต้องสงสัย

อีกด้านหนึ่ง หลิวเจิงกู่ตวาด “เทียนอี้ เจ้าคิดจะตัดสินเป็นตายกับข้าเหมือนกันหรือ”

ท่ามกลางเสียงตวาดนั้น หอกสายฟ้าทองคำม่วง อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงในมือเขาเปลี่ยนทิศอีกครั้ง คมหอกเล็งไปยังนักพรตเทียนอี้ เจาะทะลวงมิติเข้าไป!

นักพรตเทียนอี้ตอนนี้กำลังยกสองมือขึ้นป้องกันตราประทับตะวัน หลิวเจิงกู่มีสภาวะจู่โจมรวดเร็วเกินไป เขาหลบไม่ทัน คมหอกจึงบรรลุถึงด้านหน้าแล้ว

“ฮ่า!” นักพรตเทียนอี้คำรามต่ำ ไข่มุกสีม่วงขนาดยักษ์ก้อนหนึ่งพลันโผล่ขึ้นกลางอากาศ

สายฟ้าไร้สิ้นสุดแผ่พุ่งออกมา

พอเห็นไข่มุกสีม่วงนั้น เยี่ยนจ้าวเกอก็เลิกสองคิ้วขึ้น ‘นักพรตผู้นี้รวบรวมชิ้นส่วนไปแล้วกี่ชิ้นกัน ยังมีพลังสายฟ้าที่อยู่ด้านในอีก เกรงว่าดวงตาราชาสายฟ้ามากกว่าครึ่งจะอยู่ที่นี่แล้ว’

มีแสงกะพริบขึ้นจากด้านในไข่มุกสีม่วงก้อนนั้น เหมือนกับเทพองค์หนึ่งกะพริบตาก็ไม่ปาน มันทำให้สายฟ้ามหาศาลระเบิดออกมาทั้งหมดในชั่วพริบตานั้น สะเทือนฟ้า สะเทือนดิน!

แสงของดวงอาทิตย์สีทองถูกสะท้อนเป็นสีม่วงแกมเขียวแถบหนึ่ง

ชิ้นส่วนดวงตาของราชันสายฟ้าในมือของนักพรตเทียนอี้ระเบิดพลังที่น่าตกตะลึงออกมา อัสนีคลั่งพุ่งขึ้นฟ้า ถึงขั้นที่กระแทกตราประทับตะวันออกไปในชั่วพริบตานี้

จากนั้นนักพรตเทียนอี้ก็รีบเปลี่ยนกระบวนท่า สุดท้ายก็ป้องกันคมหอกของหลิวเจิงกู่ได้อย่างหวุดหวิด

หลางชิงลงมือ จู่โจมใส่หลิวเจิงกู่ หมายจะแก้ไขวงล้อมให้แก่นักพรตเทียนอี้ ทว่าเฉาเจี๋ยออกทีหลังแต่ถึงก่อน ขัดขวางเขาได้อีกครั้ง

หลิงเจิงกู่แทงหนึ่งหอกต่อด้วยอีกหนึ่งหอก โจมตีนักพรตเทียนอี้ไม่หยุดยั้ง

หลังจากชิ้นส่วนดวงตาราชันสายฟ้าของนักพรตเทียนอี้ระเบิดพลังออกมาครั้งหนึ่ง ลมปราณของมันก็ลดต่ำลงในชั่วพริบตา แสงสีเปลี่ยนเป็นมืดมัว

ความพิเศษของสายฟ้าชั่วพริบตาคือหลังจากก่อให้เกิดการระเบิดแล้ว จำเป็นต้องใช้เวลาที่นานมากถึงจะฟื้นฟูกลับมาได้ เพราะถึงอย่างไรนี่ก็เป็นแค่ชิ้นส่วนดวงตาของราชันสายฟ้า

ไข่มุกสายฟ้ามืดมัวที่เหมือนกับถูกฝุ่นจับถูกเก็บเข้าไปในแขนเสื้อของนักพรตเทียนอี้ ส่วนตราประทับตะวันที่ถูกกระแทกออกไป ในตอนนี้ก็ถูกประกายอัสนีสีม่วงที่หนาแน่นชั้นหนึ่งห้อมล้อมไว้

งูสายฟ้าเคลื่อนไหวไม่หยุด แต่ก็แหลกสลายไปไม่หยุดเช่นกัน

ประกายอัสนีหายไป แสงอาทิตย์ยิ่งมายิ่งโชติช่วง ตราประทับตะวันฟื้นพลังกลับมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พุ่งใส่ศีรษะของนักพรตเทียนอี้อีกหน!

ทว่าในตอนนั้นเอง ฟ้าดินก็สั่นสะเทือนพร้อมกัน

เยี่ยนจ้าวเกอ เยี่ยนตี๋ เฉาเจี๋ย และหลิวเจิงกู่พากันขมวดคิ้ว

ส่วนทางด้านจวงเซิน หลางชิง นักพรตเทียนอี้ และเลี่ยนจู่หลินตาลุกวาว

พวกแม่เฒ่ากระบี่อาคเนย์บนเขากว่างเฉิงตอนแรกยังไม่รู้สึกอะไร แต่ไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อไร ที่ทุกคนพลันรู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาล ซึ่งทำให้พวกเขาแทบจะหมอบกราบกรานกับพื้นอย่างไม่อาจควบคุม สัมผัสได้ว่าญาณจริงแท้ทั่วทั่วร่างโคจรไม่สะดวก

ฟ้าดินที่ก่อนหน้านี้ปั่นป่วนพังทลายเพราะการต่อสู้ของประมุข ตอนนี้พลันสงบลง

ประกายแสงบนท้องฟ้ามืดมัวลงในทันใด

ตราประทับตะวันยังคงเป็นเหมือนกับดวงอาทิตย์ที่แท้จริง แต่ว่าดวงอาทิตย์และหมู่ดาวที่แท้จริงกลับสูญเสียแสงสว่างไป

ไม่ใช่เพราะราตรีอันมืดมิดกลืนกินแสง แต่เมื่อพวกเยี่ยนจ้าวเกอเงยหน้ามองไป ก็เห็นท้องฟ้าเหนือศีรษะในตอนนี้เปลี่ยนเป็นฟ้าดินแล้ว!

ด้านล่างยังคงเป็นมหาสมุทร ใต้น้ำเป็นพื้นทวีป ทว่าในตอนนี้ท้องฟ้าในตอนแรกกลายเป็นผืนดินไปเสียแล้ว

มักมีคำพูดกล่าวว่าปรับฟ้าเปลี่ยนดิน หรือพลิกฟ้าคว่ำดิน กระนั้นตอนนี้ราวกับไม่มีท้องฟ้า เหลือเพียงพื้นดิน

พวกเยี่ยนจ้าวเกอลอยอยู่กลางอากาศ ไม่ว่าจะเป็นด้านบนหรือด้านล่าง ล้วนมีแค่แผ่นดินที่ยังคงอยู่ แต่กลับไม่มีท้องฟ้าแล้ว

ทุกคนเหมือนกับอยู่ในโลกแห่งผืนดิน ถูกดินโคลนห้อมล้อม

แรงกดดันที่ทุกคนรู้สึกได้ในตอนนี้มาจากฟ้าดินด้านบนนั่นเอง

ผืนดินอันยิ่งใหญ่ซึ่งบรรจุสรรพสัตว์กดทับลงมา ทำให้ทุกการดำรงอยู่ด้านล่าง เหมือนกับแบกรับน้ำหนักไร้สิ้นสุด

ยอดเขาบนเขากว่างเฉิงล้วนสั่นไหวเล็กน้อย ถึงกับมีสัญญาณว่าจะจมลง คล้ายกับกำลังจะถูกแรงกดดันอันมหาศาลกดลงไปในน้ำทะเล

พวกเยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันยิ่งใหญ่นั้นเช่นกัน การเคลื่อนไหวของพวกเขาจึงเชื่องช้าลง

ตรงกันข้าม พวกจวงเซินและหลางชิงสี่คนกลับไม่ได้รับผลกระทบใดๆ พวกเขาจึงพลิกมาโต้กลับแทบจะในชั่วพริบตาเดียว!

พวกเยี่ยนจ้าวเกอที่ก่อนหน้านี้ได้เปรียบเล็กน้อยเนื่องจากสะกดจวงเซินไว้ได้ พลันตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบในทันที

สถานการณ์ของทั้งสองฝ่ายกลับตาลปัตรในชั่วอึดใจเพราะเรื่องนี้

ความได้เปรียบของพวกหลางชิงยิ่งมายิ่งมากขึ้น จนขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว และทุกอย่างนี้ล้วนมาจากคนผู้หนึ่งที่ยังไม่ได้ลงมือ

‘จักรพรรดิเอกภพกำเนิด…’ เยี่ยนจ้าวเกอเงยหน้ามองไป เห็นกลางอากาศพลันมีต้นไม้ต้นหนึ่งโผล่มาอย่างไร้เค้าลาง ต้นไม้ที่รากชี้ขึ้นบนฟ้า และลอยกลับด้านในมุมมองของเขา กิ่งใบของมันเขียวชะอุ่มสะท้อนแสงแสงสีเขียว ปกคลุมฟ้าดินสองใบทั้งบนทั้งล่าง เหมือนกับว่าอยู่ที่นั่นมาตั้งแต่แรก

แม้จะยังไม่มีใครปรากฏตัว แต่พอเห็นฟ้าดินที่มาแทนที่ท้องนภา เห็นต้นไม้โบราณต้นนี้แล้ว ทุกคนก็รู้ว่าหมายถึงอะไร

หนึ่งในห้าจักรพรรดิของโลกซ้อนโลก จักรพรรดิเอกภพกำเนิด!

จิตใจของทุกคนพลันเคร่งเครียด

จักรพรรดิเอกภพมาถึงแล้ว จักรพรรดิแพรกลับยังคงไม่ปรากฏตัว

จักรพรรดิแพรงามไม่อยู่ แล้วใครจะมาสู้กับจักรพรรดิเอกภพกำเนิด

จักรพรรดิเอกภพถึงขั้นที่ไม่จำเป็นต้องลงมือ แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็สร้างแรงกดดันจากมหาศาล ทำให้สถานการณ์การต่อสู้กลับตาลปัตร เปลี่ยนแปลงผลแพ้ชนะของสงครามในครั้งนี้ได้แล้ว!

สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ สิ่งที่การมีจักรพรรดิเซียนผู้หนึ่งเป็นศัตรูมอบให้ก็คือความสิ้นหวัง!

เซียนจริงแท้ไร้ช่องโหว่ ไฉนจึงไร้ช่องโหว่

นั่นก็เพราะสรรพวิชาของมนุษย์ไม่อาจทำอันตรายได้อย่างไรเล่า!

นี่ไม่ใช่คำพูดที่มีหลังจากวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ แต่ว่าเป็นความเห็นของยอดฝีมือทั้งหมดในโลกหล้าที่มีมาตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบัน ข้ามผ่านการเวลานับไม่ถ้วน

นอกจากค่ายกลลงทัณฑ์เซียนที่เป็นตัวแทนจุดจบและมีความโหดเหี้ยมถึงขีดสุดแล้ว ยอดฝีมือระดับเซียนมีแค่ความสามารถของเซียนเท่านั้นที่รับมือได้

‘พูดถึงความสามารถของเซียนแล้ว…’ สายตาของทุกคนยามนี้รวมกันบนร่างของเยี่ยนจ้าวเกอ

ว่ากันว่าเขาได้มรดกของจักรพรรดิประกายกาฬมา แต่สุดท้ายแล้วมรกดกนั้นเป็นอาวุธเซียนที่หลอมสร้างสำเร็จแล้วชิ้นหนึ่งหรือไม่

………………..