ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 1033 จุดศูนย์รวมของสนามรบ

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ถ้าหากว่ามรดกของจักรพรรดิประกายกาฬเป็นอาวุธเซียนที่หลอมสร้างเสร็จแล้วชิ้นหนึ่ง และเยี่ยนจ้าวเกอยังกระตุ้นอาวุธเซียนชิ้นนั้นได้ แม้ว่าความหวังจะยังคงริบหรี่ แต่ก็อาจจะมีโอกาสเพิ่มขึ้นหลายส่วน

อย่างน้อยก็ไม่ได้สิ้นหวังโดยสมบูรณ์

ทว่าความจริงแล้ว หลายๆ คนไม่ได้คาดหวังเท่าไรนัก

หลังจากความกระตือรือร้นในตอนที่ข่าวถูกเผยแพร่ออกมาเป็นครั้งแรก หลายปีต่อมาทุกคนก็ค่อยสงบสติอารมณ์ลง

ข่าวที่เริ่มจากสำนักแสงสว่างในตอนนั้นเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นการเบี่ยงเบน บางทีเยี่ยนจ้าวเกออาจจะได้รับมรดกของจักรพรรดิประกายกาฬมาจริงๆ แต่ไม่แน่ว่าจะเป็นอาวุธเซียน

อย่างน้อยความเป็นไปได้ที่จะเป็นอาวุธเซียนที่แท้จริงซึ่งหลอมเซ่นเสร็จสมบูรณ์ก็มีไม่มากนัก ด้านหนึ่งเป็นเพราะว่าจักรพรรดิประกายกาฬไม่เคยเซ่นหลอมอาวุธเซียนให้แก่ตัวเองตอนยังมีชีวิตอยู่ ด้านหนึ่งเป็นเพราะว่าเยี่ยนจ้าวเกอกับเขากว่างเฉิงเคลื่อนไหวอยู่ในใต้หล้ามาหลายปีขนาดนี้แล้ว แต่ที่แล้วมาล้วนไม่มีร่องรอยของอาวุธเซียนเลย

ถ้าหากบอกว่าจอมยุทธ์เขากว่างเฉิงมีพลังแข็งแกร่ง แต่ระดับพลังฝึกปรือต่ำต้อย เช่นนั้นหลังจากต่อสู้ในสงครามวันนี้มาถึงตอนนี้ ถ้าหากมีอาวุธเซียนจริงๆ แล้วเยี่ยนจ้าวเกอใช้ออกมา ไม่จำเป็นต้องรอจักรพรรดิเอกภพมาถึง ก็จบการสู้รบตรงหน้าได้ก่อน

คิดถึงตรงนี้ทุกคนบนเขากว่างเฉิงต่างรู้สึกเคร่งเครียด เกิดความสิ้นหวังขึ้น

ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอที่กลายเป็นจุดรวมสายตาของทุกคนยังคงเยือกเย็น เขาปล่อยการสะกดประมุขทักษิณจวงเซิน แล้วชูมือขึ้นด้านบน

วังฝูงมังกรปรากฎ ประตูเปิดออก กระแสปราณสีดำสายแล้วสายเล่าโผล่มาจากด้านใน

ด้านในความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดกลางวังใหญ่นั้น กงจักรเหล็กสีดำขนาดยักษ์อันหนึ่งหมุนวนอย่างเงียบเชียบ จากนั้นมันก็ลอยออกมาด้านนอก กลายเป็นจุดรวมสายตาของทุกคนทันที

กงจักรมหาประกายกาฬ

ของวิเศษที่ได้มาจากจักรพรรดิประกายกาฬอิ่นเทียนเซี่ยชิ้นนี้ ในที่สุดก็ได้เผยโฉมออกมาแล้ว

พร้อมกับที่กงจักรมหาประกายกาฬลอยขึ้น โลกที่มาแทนท้องฟ้าและมืดมัวในตอนแรกตรงหน้า ก็ยิ่งดำสนิทกว่าเดิม แสงสว่างสูญสลาย

ทว่าในความมืดแรกเริ่มไร้ปลายทางนั้น กลับมีแสงจุดหนึ่งสว่างขึ้นอย่างฉับพลัน บริสุทธิ์และสุกสกาวยิ่ง

กงจักรมหาประกายกาฬในตอนนี้อยู่ในแสงและความมืด มันหมุนวนอย่างเชื่องช้า คล้ายกับถูกเส้นแบ่งเขตไร้รูปร่างแยกออกเป็นสอง ครึ่งหนึ่งสะท้อนแสงสว่างพร่างพราว แสงส่องสว่างไสว ครึ่งหนึ่งหลอมรวมกับความมืดดำขลับ ไม่อาจเห็นร่องรอย

แต่ตอนที่ทุกคนตั้งใจมอง บนกงจักรมหาประกายกาฬก็คล้ายกับถูกคลุมจับด้วยแสงสว่างมัวซัวชั้นหนึ่ง ไม่สว่าง ไม่ละลานตา ขมุกขัว

แสงและความมืดยืนอยู่ขั้วตรงข้าม แบ่งกันอย่างชัดเจน

โกลาหลพร่าเลือน ขมุกขมัว

ภาพที่ดูขัดกันสองอย่างเกิดขึ้นบนกงจักรมหาประกายกาฬในเวลาเดียวกัน ทำให้คนอดสงสัยไม่ได้ว่าอย่างใดอย่างหนึ่งในนี้เป็นภาพหลอน

แต่ว่าพวกมันอยู่ร่วมกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ แสดงให้เห็นถึงจิตแห่งหลักการอันลี้ลับ

ด้านในรูสิบสองรูบนกงจักรเหล็กสีดำ ตอนนี้มีอยู่เก้ารูที่มีแสงประหลาดกะพริบ

กงจักรมหาประกายกาฬที่หมุนอยู่หยุดลงในทันใด ก่อนจะยิงแสงจากในรูหนึ่งออกมาใส่เขากว่างเฉิงที่อยู่ด้านล่าง

พลังย้อนทวนหยุดการจมลงสู่ทะเลของเขากว่างเฉิง

เยี่ยนจ้าวเกอใช้ตราประทับตะวันกระแทกไปด้านล่างพร้อมกัน

สภาวะงัดภูเขาเกิดขึ้นเพราะความสามารถร่วมกันของพลังสองชนิด ทำให้เขากว่างเฉิงไม่ร่วงลงด้านล่างอีกต่อไป แต่ลอยขึ้นด้านบนอย่างแช่มช้า

คนจำนวนนับไม่ถ้วนจับจ้องกงจักรมหาประกายกาฬ พลางพึมพำในใจ ‘นั่นเป็นของวิเศษที่จักรพรรดิประกายกาฬทิ้งเอาไว้…’

ตอนที่เห็นเก้ารูจากสิบสองรูบนกงจักรมหาประกายกาฬมีแสงสว่าง ขณะที่จิตใจสั่นสะท้าน คนหลายนคนกลับต่างถอนใจชมเชย “สุดท้ายก็ยังหลอมไม่สำเร็จอยู่ดี!”

อาวุธเซียน ตามความหมายแล้วก็คืออาวุธที่ยอดฝีมือที่ได้ผลักเปิดประตูเซียนหลอมสร้างขึ้น ถ้าหากจักรพรรดิประกายกาฬยังไม่ได้เซ่นหลอมสำเร็จโดยสมบูรณ์ เยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ถึงจะได้มาครอง แต่ก็ไม่อาจใช้มันได้อย่างสมบูรณ์แบบ

เซียนและมนุษย์มีข้อแตกต่าง ราวกับร่องน้ำทางธรรมชาติที่ยากจะข้ามผ่าน

เมื่อไม่ใช่อาวุธเซียน แล้วจะต่อสู้กับจักรพรรดิเซียนจริงแท้ที่ได้ผลักเปิดประตูเซียนมาหลายปีได้อย่างไร?

“วิชาอันดับที่สองในสิบสองวิชาประกายกาฬ สะท้อนกลับ”

ในอากาศมีเสียงหนึ่งดังมา ไพเราะเสนาะหู ราวกับเสียงตีระฆัง คล้ายกับเสียงมหามรรคาก็ไม่ปาน

“ไม่ได้เห็นสิบสองวิชาประกายกาฬที่แท้จริงเช่นนี้มานานหลายปีแล้ว” ต้นไม้ยักษ์สูงเทียมฟ้าที่ลอยกลับด้านอยู่เหนือฟ้าดินหายไป ปรากฏเต้าหยินผู้หนึ่งกลางอากาศ

เสื้อคลุมเต๋าสีเหลืองอ่อน สวมมงกุฎสีทอง ทับด้วยเสื้อคลุมกระเรียน หน้าตาดั่งหยกกวน ไว้เคราสามแฉก แม้จะไม่ได้หล่อเหลาเท่าจักรพรรดิแพรฟู่อวิ๋นฉือ แต่ก็ดูน่าเกรงขาม

เป็นจักรพรรดิเอกภพกำเนิด หนึ่งในห้าจักรพรรดิของโลกซ้อนโลก

ถึงจะได้เจอตัวจริงเป็นครั้งแรก ทว่าภาพของยอดฝีมือที่ยิ่งใหญ่ซึ่งมีไม่กี่คนบนโลกซ้อนโลกผู้นี้ เยี่ยนจ้าวเกอจดจำได้เป็นอย่างดี

คนอื่นๆ ก็จำจักรพรรดิเซียนจริงแท้ผู้นี้ได้เช่นกัน

พร้อมกับที่จักรพรรดิเอกภพกำเนิดเผยโฉมอย่างแท้จริง แรงกดดันอันน่ากลัวที่ครอบคลุมทั่วบริเวณก็หายไปอย่างน่าประหลาด

ไม่ว่าจะเป็นพวกเยี่ยนจ้าวเกอและเฉาเจี๋ยที่อยู่กลางอากาศ หรือว่าคนที่อยู่บนเขากว่างเฉิงด้านล่างต่างรู้สึกผ่อนคลาย

แต่ว่าจิตใจของทุกคนกลับหนักอึ้ง

หลางชิง จวงเซิน นักพรตเทียนอี้ และเลี่ยนจู่หลินสี่ยอดฝีมือขั้นประมุข พอเห็นจักรพรรดิเอกภพกำเนิดปรากฏตัว ต่างก็หยุดมือพร้อมกัน

พวกเขาคารวะจักรพรรดิเอกภพกำเนิดอย่างพร้อมเพรียง “ท่านจักรพรรดิเอกภพ”

จักรพรรดิเอกภพก้มศีรษะเอ่ยว่า “ข้าคันมือไปชั่วขณะ ทุกท่านโปรดหลีกทางให้แก่ข้าด้วย”

หลางชิงว่า “หาไม่ได้”

จวงเซินนั่งขัดสมาธิอยู่กลางอากาศ ปรับลมหายใจ รักษาอาการบาดเจ็บที่เยี่ยนจ้าวเกอและตราประทับตะวันมอบให้อย่างเงียบๆ

แต่ว่าสายตาของเขายังคงมองเยี่ยนจ้าวเกอและกงจักรมหาประกายกาฬเขม็ง ขณะที่ดวงตาแสดงความเกลียดชัง ก็มีความซับซ้อนเล็กน้อย

กงจักรมหาประกายกาฬยังไม่ใช่อาวุธเซียนจริงๆ แต่ว่าอานุภาพของมันก็น่าตกตะลึงยิ่ง

พลังของเยี่ยนจ้าวเกอยังไม่อาจทำจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนทั่วไปมาวัดได้

เขายังมีตราประทับตะวันกับกงจักรมหาประกายกาฬอยู่ในมือ จวงเซินต่อให้ไม่ยอม ก็ต้องยอมรับว่าอาศัยเพียงตัวเขาเกรงว่าจะแก้แค้นไม่สำเร็จ

สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ ด้วยพลังแฝงและความสามารถที่เยี่ยนจ้าวเกอแสดงออกมา วันหน้าหากจวงเซินคิดจะแก้แค้นด้วยตัวเองก็ยังไม่มีความหวัง!

เพียงแต่ในเมื่อกงจักรมหาประกายกาฬยังไม่ได้กลายเป็นอาวุธเซียน เช่นนั้นจุดจบของการต่อสู้ในวันนี้ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงแล้ว

“จักรพรรดิแพรมาไม่ทันกาลแน่” จวงเซินมองพวกเยี่ยนจ้าวเกออย่างเย็นชา

จักรพรรดิเอกภพกำเนิดเหยียบย่างกลางอากาศ เดินมาถึงด้านหน้าพวกเยี่ยนจ้าวเกออย่างไม่รีบไม่ร้อน

ประมุขอาคเนย์เฉาเจี๋ยรับมือด้วยความนิ่งเฉย ยืนอยู่กับที่

ประมุขอิสานหลิวเจิงกู่คารวะจักรพรรดิเอกภพกำเนิดอย่างสงบนิ่ง “จักรพรรดิเอกภพอยู่ตรงหน้า ข้าหลิวเจิงกู่ขอคารวะแล้ว”

“สหายร่วมเส้นทางหลิวเกรงใจไปแล้ว” จักรพรรดิเอกภพกำเนิดพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยว่า “สหายร่วมเส้นทางสามารถจากไปในตอนนี้ได้ และสามารถรับชมอยู่ด้านข้างได้ ข้าไม่ถือสา”

หลิวเจิงกู่กล่าวโดยสีหน้าไม่แปรเปลี่ยนว่า “ข้าผู้แซ่หลิวครั้งนี้มาช่วยเหลือ จะไม่เปลี่ยนความตั้งใจเพราะศัตรูเป็นใคร สนเพียงเจตนา ไม่สนผลลัพธ์ จุดที่ไม่ประมาณตนคงทำให้จักรพรรดิเอกภพกหัวเราะเยาะ”

“หาเป็นไรไม่” จักรพรรดิเอกภพกำเนิดส่ายศีรษะ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อีกเดี๋ยวค่อยระลึกความหลังกับสหายร่วมเส้นทางหลิวแล้วกัน”

ว่าแล้วเขาก็ยกมือขึ้น พาให้แขนเสื้อของเสื้อคลุมเต๋าที่กว้างใหญ่เปิดออก

เวลาไหลเวียน ทิศทางเคลื่อนที่ ร่างของหลิวเจิงกู่พลันหดเล็กลง ถูกจักรพรรดิเอกภพกำเนิดดูดเข้าไปในแขนเสื้อ!

ประมุขในหมู่คนผู้หนึ่งหายตัวไปอย่างไร้สุ้มไร้เสียง ราวกับไม่เคยมายังเขากว่างเฉิง

………………..