ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 1034 แม่น้ำใหญ่ไหลอีกครา

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

จักรพรรดิเอกภพกำเนิดปั้นสีหน้าเรียบเฉย ไพล่มือซ้ายไว้ด้านหลัง มือขวาสะบัดแขนเสื้อ

ประมุขอิสานหลิวเจิงกู่ผู้ยิ่งใหญ่พลันถูกเอกภพในแขนเสื้อของเขาเก็บไป

ประมุขผู้หนึ่งถูกสะกดในชั่วพริบตา!

การเคลื่อนไหวของจักรพรรดิเอกภพกำเนิดดูสบายๆ ไม่มีความพิเศษใดๆ ต่อให้เป็นคนทั่วไปไม่มีพลังฝึกปรือ ก็มองการเคลื่อนไหวของเขาได้ชัด แต่ว่าทุกคนกลับตอบโต้ไม่ทัน

ความรู้สึกที่ดูเหมือนขัดแย้งกัน ผสมกันเป็นจิตแห่งความลี้ลับ

ทุกคนบนเขากว่างเฉิงเกิดความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงและสิ้นหวังขึ้นในใจ

เซียนและมนุษย์มีความแตกต่าง นี่หมายความว่าอย่างไร

นั่นก็คือความสามารถของจักรพรรดิจริงแท้ผู้หนึ่ง

มีคำกล่าวว่า จักรพรรดิจริงแท้มายังโลกไม่มนุษย์ ไม่มีทางแพ้ผู้ใด กลับใช่ว่าจะไร้ศัตรู

การกล่าวเช่นนี้จริงๆ แล้วเป็นการระวังตัว เพราะว่าโลกใบนี้มีอัจฉริยะบุรุษเฉกเช่นหลงเสวี่ยจี้และเฉินกานหัว ที่สามารถใช้ร่างของประมุขงัดข้อกับจักรพรรดิเซียนจริงแท้ได้

แค่การแสดงออกในวันนี้ของเยี่ยนจ้าวเกอและเยี่ยนตี๋ ทุกคนต่างก็ยอมรับว่าในอนาคตพวกเขาจะต้องเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งเช่นนั้นแน่นอน

แต่ว่าคนเช่นนี้ ถึงอย่างไรก็เป็นกรณีพิเศษที่มีอยู่น้อยสุดขีด!

หากตัดกรณีพิเศษเช่นนี้ออกไป สถานการณ์ทั่วไปก็คือเซียนกับมนุษย์ยังคงแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว

มนุษย์เซียนมายังโลก ไร้ผู้ต่อกร!

ไม่ใช่แค่ไร้ผู้ต่อกรธรรมดา แต่ว่าไร้เทียมทานจนไร้คู่ต่อสู้

จำนวนสูญเสียความหมาย เซียนจริงแท้ผู้หนึ่งสามารถทำลายการผนึกกำลังของมนุษย์ได้

หลังจากแขนเสื้อข้างขวาของจักรพรรดิเอกภพกำเนิดเก็บประมุขอิสานหลิวเจิงกู่ไปแล้วก็ไม่หยุดลง สะบัดใส่อากาศต่อ

ดวงอาทิตย์โชติช่วงพลันดับลง โลกเหมือนกับเปลี่ยนจากกลางวันเป็นกลางคืนในชั่วพริบตา

ตราประทับตะวันที่อยู่กลางอากาศสูญสิ้นแสง ถูกจักรพรรดิเอกภพกำเนิดกระแทกออกไปด้วยการสะบัดแขนเสื้อเพียงครั้งเดียว

เขาสะบัดแขนเสื้ออีกครั้ง งัดกงจักรมหาประกายกาฬขึ้น ทำให้กงจักรมหาประกายกาฬพลันลอยออกไป แสงสว่างในรูทั้งเก้าต่างก็มืดลงไปด้วย

คนบนเขากว่างเฉิงเห็นภาพเหตุการณ์นี้ จิตใจพลันดิ่งลงสู่ก้นเหว

จักรพรรดิเอกภพกำเนิดไม่รีบร้อน ก้าวเท้าเดินมา พลางมองไปยังเฉาเจี๋ย

“การวางค่ายกลสิบทิศสมปรารถนาบนเขาคุนหลุนในครั้งหน้า คืออีกประมาณหนึ่งร้อยปี หลายปีมานี้สำนักเต๋าของเราค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น มีคนหนุ่มที่โดดเด่นจำนวนไม่น้อยปรากฏตัว กำลังจะถึงเวลาผลิดอกออกผล” จักรพรรดิเอกภพกล่าวอย่างเฉื่อยชา “ชิงซู่จื่อ ลูกศิษย์ของข้าก็เป็นหนึ่งในนั้น เสียดายที่ไม่อยู่แล้ว แต่ต่อให้ตัดชิงซู่จื่อทิ้ง ก็ยังมีอีกสามคนที่อาจจะสำเร็จเป็นประมุขในอีกเร็ววัน ถ้าไม่เกิดเรื่องเหนือความคาดหมาย สถานการณ์ที่สิบประมุขไม่ครบเช่นในอดีต ยากจะเกิดขึ้นอีก”

จักรพรรดิเอกภพกำเนิดยกมือขึ้นอย่างแช่มช้า ยื่นนิ้วออกมาชี้เฉาเจี๋ย “อย่างน้อยต่อให้ขาดท่านไป ก็ไม่เป็นปัญหาใหญ่อะไร”

ในตอนนั้นเอง เยี่ยนจ้าวเกอเดินดุ่มๆ ออกมาด้านหน้า เผชิญกับจักรพรรดิเอกภพกำเนิด

จักรพรรดิเอกภพกำเนิดน้ำเสียงเรียบเฉย “จะสังหารใครก่อน สำหรับข้าไม่มีข้อแตกต่าง แต่ว่าเฉาเจี๋ยท่านจะหลบอยู่ด้านหลังคนรุ่นหลังหรือ นั่นไม่เหมือนนิสัยของท่านเลยนะ”

ประมุขอาคเนย์เฉาเจี๋ยไม่ได้เอ่ยปากกล่าววาจา เพียงมองเยี่ยนจ้าวเกอ

เมื่อครู่ตอนที่จักรพรรดิเอกภพกำเนิดกำลังปรากฏตัว เยี่ยนจ้าวเกอได้ส่งกระแสเสียงให้แก่เขากับหลิวเจิงกู่

‘ข้ามีวิธีหนึ่ง มั่นใจห้าส่วน ได้แต่ต้องให้จักรพรรดิเอกภพโจมตีข้าจึงจะใช้ได้ ทั้งสองท่านตอนเผชิญกับจักรพรรดิเอกภพ ขออย่าปะทะโดยตรง’

เฉาเจี๋ยไม่รู้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอวางแผนอะไร แต่ว่าในตอนนี้ก็มีแต่ต้องเชื่อใจเขาแล้ว

หลิวเจิงกู่ถูกสะกด แต่ว่าไม่มีอันตรายถึงชีวิต

ครั้นเห็นเฉาเจี๋ยไม่ตอบคำ จักรพรรดิเอกภพก็ไม่ได้ว่าอะไร สายตาเลื่อนไปอยู่บนร่างของเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ตรงหน้า

“ที่แห่งนี้เป็นที่อยู่ของสำนักเรา ประมุขอาคเนย์ให้เกียรติมาเป็นแขก ข้าผู้แซ่เยี่ยนไร้ความสามารถ ในฐานะเจ้าบ้าน ไม่คิดจะให้แขกรับภัยพิบัติอยู่ด้านหน้าสุดแทนสำนัก” เยี่ยนจ้าวเกอตอนนี้มองจักรพรรดิเอกภพกำเนิดตรงๆ

จักรพรรดิเอกภพกำเนิดตรงหน้าแม้ดูเป็นคนสบายๆ ค่อนข้างธรรมดา ไม่มอบแรงกดดันให้แก่ผู้คน กระนั้นเยี่ยนจ้าวเกอก็รู้สึกได้ว่า วิญญาณของตนกำลังสั่นไหวเบาๆ

เขาสูดหายใจ ผลักสองมือออกพร้อมกัน ตราประทับตะวันและกงจักรมหาประกายกาฬบินกลับสู่มือของตัวเอง

คัมภีร์เทพพระอาทิตย์กับสิบสองวิชาประกายกาฬโคจรพร้อมกัน ฟื้นฟูของวิเศษในมือ

ตราประทับตะวันกับกงจักรมหาประกายกาศสั่นสะเทือนเล็กน้อย เริ่มสาดแสงสี ฟื้นฟูพลังชีวิต ทว่าเมื่อเผชิญกับจักรพรรดิประตูเซียนก็ยังคงสูญเสียสภาวะ

ประมุขประจิมหลางชิงมองเหตุการณ์นี้อยู่ด้านข้าง เขาส่ายศีรษะอย่างแช่มช้า “เพราะวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ สำนักเต๋าเราเสื่อมโทรม วันนี้ในที่สุดก็ฟื้นฟูขึ้นมาได้ เป็นช่วงที่กำลังพัฒนา สำหรับอัจฉริยะที่มีความสามารถแล้ว นี่เป็นยุคที่ดีที่สุด ในสถานการณ์ปกติ สามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิเพื่ออนาคตของสำนักเต๋า จะมากจะน้อยก็ต้องดูแลชี้แนะคนหนุ่มที่โดดเด่นเช่นเจ้า หรือถึงขั้นช่วยให้เจ้าเติบโต ต่อให้หยิ่งยโสขนาดไหน หรือทำข้อผิดพลาดเพียงใด พวกท่านก็อดทนได้”

สายตาของหลางชิงตกลงบนกงจักรมหาประกายกาฬ มีความรู้สึกซับซ้อนอยู่หลายส่วน “น่าเสียดายที่เจ้าได้มรดกของอิ่นเทียนเซี่ย มีสุขย่อมมีทุกข์ มีทุกข์ย่อมมีสุข เจ้าคิดว่าการได้มาซึ่งตัวอ่อนของอาวุธเซียนเป็นโชควาสนา มีความได้เปรียบมหาศาล กลับไม่รู้ว่าสิ่งที่เจ้าต้องสูญเสียเพราะมันมีมากกว่า สามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิไม่เอาเรื่องกับเจ้ายังพอทำเนา เจ้ากลับล่วงเกินจักรพรรดิเอกภพกำเนิด ไม่มีคนช่วยเจ้าได้ และไม่มีใครมาช่วยเจ้า”

เขามองเมฆแปลงกำเนิดบนศีรษะของเยี่ยนตี๋ “จักรพรรดิแพรยินดีช่วยเหลือเฉาเจี๋ย ข้าไม่แปลกใจ แต่ข้าไม่เข้าใจสาเหตุที่เขายอมช่วยเจ้ามาโดยตลอด วันนี้ถึงได้รู้ ว่าที่แท้ก็เป็นเพราะหมัดแปลงกำเนิด เสียดายที่วันนี้เขามาที่นี่ไม่ทัน”

จักรพรรดิเอกภพกำเนิดมีสีหน้าอ่อนโยน ไม่ได้ปั้นหน้าดุร้ายกล่าววาจารุนแรง เพียงมองเยี่ยนจ้าวเกออย่างสงบนิ่ง สายตาของเขาพิจารณาชายหนุ่มตั้งแต่หัวจรดเท้า มองบุคคลที่ตอนแรกทำลายแผนการของตน ต่อมายังสังหารลูกศิษย์ของตนผู้นี้อย่างถี่ถ้วน

“เป็นคนหนุ่มที่โดดเด่นจริงๆ” จักรพรรดิเอกภพกำเนิดกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเช่นหน้าตา นิ้วที่ยื่นออกมาไม่ได้ชี้ที่เฉาเจี๋ยอีก แต่ชี้เยี่ยนจ้าวเกอแทน จากนั้นก็ทิ่มนิ้วออกไปด้านหน้า

เยี่ยนจ้าวเกอเกิดความรู้สึกเหมือนมีภูเขากดทับศีรษะ ตั้งแต่กายเนื้อไปจนถึงวิญญาณ จากด้านในถึงด้านนอก คนราวกับถูกบดเป็นธุลี

ความหนักนั้นยังบรรยายว่าเหมือนแบกโลกใบหนึ่งไว้ไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะความรู้สึกนี้ อย่าว่าแต่ป้องกัน แม้จะหลบหลีกก็ทำไม่ได้ดั่งใจ ทั่วทั้งร่างแทบจะไม่มีส่วนไหนที่ขยับได้

เยี่ยนจ้าวเกอหรี่ตา ดวงตาเปล่งแสงอันน่าประหลาด

ทว่าในตอนนั้นเอง จักรพรรดิเอกภพกำเนิดก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย นิ้วที่ทิ่มออกหยุดนิ่งกลางอากาศ

ทุกคนต่างงงงัน รู้สึกสับสน

แต่ไม่ทันไรพวกเยี่ยนจ้าวเกอ เยี่ยนตี๋ เฉาเจี๋ย และหลางชิงก็มีสีหน้าต่างแปรเปลี่ยนเล็กน้อย เนื่องจากพวกเขารู้สึกได้ว่าการเคลื่อนไหวของปราณวิญญาณในฟ้าดินบังเกิดการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ ที่มาของการเปลี่ยนแปลงไม่ได้มาจากทะเลหวงเจียในเขตตะวันอาคเนย์ แต่มาจากทิศตะวันตกที่อยู่ไกลออกไป

ทะเลหวงเจียตั้งอยู่ใกล้พรมแดนตะวันตกของเขตตะวันอาคเนย์ หากเดินทางไปยังทิศตะวันตกต่อไป ก็จะเป็นภูเขารอบวงซึ่งอยู่ในเขตเพลิงทักษิณ ณ ที่แห่งนั้น ปราณวิญญาณธาตุน้ำพลันเพิ่มสูงขึ้น แล้วระเบิดออกมาในชั่วพริบตา แทบจะไม่ด้อยกว่าทะเลหวงเจียที่มีแต่น้ำ

“นั่นคือ…แม่น้ำเฉาเหอ?!” จวงเซินที่นั่งขัดสมาธิอยู่กลางอากาศพลันผุดกายลุกขึ้น “แม่เฉาเหอที่ถูกตัดขาดไปกลับคืนมาแล้ว?”

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกเหนือความคาดหมายเช่นกัน

แม่น้ำเฉาเหอฟื้นคืน อยู่ในเขารอบวง แต่ไม่ส่งผลอะไรต่อสถานการณ์บนทะเลหวงเจีย

จักรพรรดิเอกภพมาถึง จักรพรรดิแพรไม่มา พวกเยี่ยนจ้าวเกอต่อให้ตอนนี้คิดถอยไปเฝ้าเขารอบวงก็เป็นไปไม่ได้

แต่ว่าแม่น้ำเฉาเหอไฉนจึงกลับคืนมา

เบื้องหลังคืออะไร

………………..