สี่ยอดลูกน้องอยู่ที่จินหลิง ล้วนเป็นคนใหญ่คนโตที่แบ่งกันไปประจำท้องที่ คนที่มีชื่อเสียงมากสุดก็คือ หม่าจงเหลียง

ในวงการเขาเรียกกันว่า เฮียเหลียงจื่อ

เจี่ยงหมิงไม่เคยเลยว่า ตนเองจะหลบเลี่ยงรถปอร์เช่แท้ๆ แต่กลับมาชนรถPhaetonของหม่าจงเหลียงเสียได้

ตอนนี้ในใจเขาก็รู้สึกผิดจนแทบอยากจะตาย ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้แต่แรก เมื่อครู่ก็ชนปอร์เช่คันนั้นไปเสียก็ดี

ไม่สิ ถ้ารูปว่าจะเป็นแบบนี้ ตนเองก็คงไม่แข่งกับเย่เฉินหรอกว่ารถใครจะเร็วกว่ากัน!

ถูกต้อง!

ต้องโทษไอ้เย่เฉินนั่น ที่กล้ามาหรอกตนเอง รถBMW520ของมันนั้น จำนวนแรงม้าสูงมาก ดูก็รู้ว่าเป็นรถแต่ง

ถ้ามันไม่ได้หรอกตนเอง ตนเองก็คงไม่เลือกทำแบบนี้หรอก?

พอคิดถึงจุดนี้ ในใจเจี่ยงหมิงก็โกรธเย่เฉินมาก

พอหม่าจงเหลียงเห็นไอ้หนุ่มนี่หน้าซีดเซียว ก็ส่งเสียงไม่พอใจว่า “ไปเอาใบขับขี่มึงมา บัตรประชาชน เอามาให้กูดูสิ!”

เจี่ยงหมิงก็ไม่กล้าขัด รีบกลับเข้าไปในรถ แล้วก็เอาเอกสารทั้งหมดออกมา แล้วก็ยื่นให้กับหม่าจงเหลียงอย่างเคารพ

พอหม่าจงเหลี่ยงเห็นเอกสาร ก็เอาเอกสารทั้งหมดใส่กระเป๋าตนเองไป

จากนั้น เขาก็มองเจี่ยงหมิง แล้วพูดเสียงเย็นว่า “ชื่อเจี่ยงหมิงใช่ไหม? กูอยู่ในวงการนี้มานาน จริงๆ ก็ไม่ได้อยากจะเอาเรื่องเด็กๆ อย่างมึงหรอกนะ แต่รถกูคันนี้เพิ่งซื้อมาได้ยังไม่ถึงเดือน แต่มาถูกมึงชนแบบนี้ ต่อให้มึงซ่อมให้กู แต่รถมันก็มีตำหนิแล้ว ไม่ใช่รถใหม่แล้ว”

พูดถึงตรงนี้ หม่าจงเหลียงก็ตวาดว่า “ดังนั้น กูมีทางเลือกให้มึงง่ายๆ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป รถPhaetonคัน ก็เป็นของมึงแล้ว”

เจี่ยงหมิงได้ยินดังนั้น ก็อึ้ง

เขาไม่เข้าใจ ว่าทำไมหม่าจงเหลียงพูดแบบนี้? เอารถPhaetonมาให้ตนเองงั้นหรือ? เป็นไปไม่ได้แน่?

ในตอนนี้ หม่าจงเหลียงก็พูดด้วยสีหน้าร้ายๆ ว่า “รถคันนี้ให้มึง แล้วมึงก็ซื้อคันใหม่เหมือนเดิมมาให้กู รถที่แต่งมาในระดับเดียวกัน แล้วกูก็จะไม่เอาเรื่อง มึงยังถือว่าโชคดี ที่ตอนนี้กูอารมณ์ดีมาก ไม่งั้นล่ะก็ แค่เรื่องที่มึงมาชนรถกูนี้ กูก็จะตีขามึงให้หักก่อนเลย”

พอเจี่ยงหมิงได้ยินที่หม่าจงเหลียงพูด ก็สิ้นหวังแล้วคุกเข่าลงกับพื้น

ให้ตนเองซื้อรถคันใหม่ชดใช้ นั่นมันตั้ง2ล้านกว่าเลยนะ ตนเองจะไปเอาเงินมากมายอย่างนั้นมาจากไหน

แล้วอีกอย่าง เอารถคันนี้มาให้ตนเอง แล้วจะมีประโยชน์อะไร? แค่ซ่อมก็หลายแสนแล้ว ซ่อมแล้วขายก็ขาดทุนหลายแสน ทั้งหมดทั้งมวล แค่ทำรถของเขาคันเดียวก็ล้านกว่าแล้ว!

นี่ยังไม่ได้คิดค่าเสียหายของรถตนเองเลยนะ!

บริษัทประกันก็จ่ายได้แค่5แสน ความเสียหายของตนเองทั้งหมด ก็คงจะล้านกว่า

ตอนนี้เจี่ยงหมิงก็แทบจะหัวใจวาย เพราะว่าที่เขาซื้อรถเบนซ์คันนี้มา ก็ผ่อนจ่าย แต่ละเดือนก็ต้องส่งค่างวดเดือนละหมื่นกว่าหยวน แถมยังต้องส่ง3ปี

ทรัพย์ของตนเองทั้งหมดก็ควักออกมาดาวน์รถแล้ว แล้วอีกอย่าง เงินเดือนของตนเองก็แค่2หมื่นหยวนต้นๆ แล้วจะเอาที่ไหนไปชดใช้ค่าเสียเป็นล้าน?

พอคิดถึงจุดนี้ เจี่ยงหมิงก็พูดกับหม่าจงเหลียงว่า “เฮียเหลียงจื่อครับ เรื่องในวันนี้ล้วนโทษผมเอง ผมผิดเองทั้งหมด ผมยอมรับ!แต่ผมไม่มีเงินจริงๆ ไม่มีปัญญาซื้อรถแพงแบบนี้ไปคืนเฮียได้หรอกครับ!”

“กูไม่สน” หม่าจงเหลียงก็ด่าว่า “มึงมาชนรถกู ก็ต้องชดใช้ให้กูพอใจ มึงไม่มีเงิน ก็ไปคิดหาวิธีสิวะ กูให้มึงอย่างมากอาทิตย์เดียว ถ้าภายในหนึ่งอาทิตย์ กูไม่ได้เห็นรถPhaetonคันใหม่ของกู งั้นกูก็จะให้คนไปจัดการมึง”

พูดจบ หม่าจงเหลียงก็พูดต่ออีกว่า “กูมีธุระ งั้นรถคันนี้ ก็เป็นของมึงแล้วกัน มึงมีเวลาแค่อาทิตย์เดียวนะ ถ้าถึงตอนนั้นมึงแก้ปัญหาไม่ได้ เดี๋ยวกูช่วยจัดการมึงเอง ถ้ามึงคิดหนี กูก็จะฆ่ามึง!”

——