เจี่ยงหมิงก็ตกใจจนตัวสั่น ตอนนี้ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
หม่าจงเหลี่ยงก็ไม่อยากพูดกับเขามาก กลับเข้าไปในรถPhaeton หลังจากเอาของส่วนตัวออกมาหมดแล้ว ก็เอากุญแจรถโยนให้เจี่ยงหมิง
“รถคันนี้ยังมีกุญแจสำรองอีกดอก พอมึงเอารถมาให้กู เดี๋ยวกูเอากุญแจอีกดอกหนึ่งให้ มึงวางใจ ถึงแม้กูจะอยู่ในวงการนักเลง แต่กูก็ไม่เคยไปเอาเปรียบใคร ควรเป็นของกู กูก็เอา ไม่ควรเป็นของกู กูไม่เอาทั้งนั้น กูทำงานในวงการนี้ มีแค่4คำ พิถีพิถัน”
“แต่ถ้ามึงไม่พิถีพิถันกับกูล่ะก็ กูก็จะร้ายกับมึง!”
พูดจบ เขาก็โบกมือเรียกรถแท็กซี่ แล้วก็จากไป
เพื่อนของเจี่ยงหมิงเห็นดังนั้นอึ้งไปตามกัน
ในใจทุกคนก็ชื่นชมออกมาว่า “หม่าจงเหลียงคนนี้เป็นพี่ใหญ่ในวงการนักเลงจริงๆ ทำอะไรก็เด็ดขาดมาก เอารถราคา2ล้านกว่าทิ้งไว้นี่ แล้วก็จากไป มันเท่มากเลย”
แต่ว่า ตอนนี้เจี่ยงหมิงยังคงนั่งคุกเข่าร้องไห้อยู่ที่พื้น
ตนเองจะไปเอาเงินมาจากไหน มาซื้อรถPhaetonคันใหม่? ต่อให้ขายรถที่ถูกชนไป ก็ยังไม่พอ!
แต่ว่าฝั่งตรงข้ามเป็นคนใหญ่คนโต ถ้าตนเองไม่จัดการปัญหานี้ หลังจากอาทิตย์หนึ่งแล้ว ฝั่งตรงข้ามก็อาจจะมาฆ่าตนเองจริงๆ ก็ได้
เจี่ยงหมิงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ตนนี้รถสองคันก็จอดอยู่ตรงหน้าเขา ในใจคิดแม้กระทั่งอยากจะตายไปเสีย
พวกเพื่อนที่คอยประจบเขาอยู่ตลอดนั้น ในตอนนี้ก็เดินเข้ามา แล้วถามอย่างเป็นห่วงว่า “พี่หมิง ตอนนี้จะทำอย่างไรกันดี? ”
เจี่ยงหมิงออกแรงจับเส้นผมของตนเอง แล้วพูดอย่างใจสลายว่า “กูจะทำไงดีวะเนี่ย ใครจะไปรู้ว่าจะไปชนรถPhaetonเข้าให้ กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไมมีคนยอมจ่ายเงิน2ล้าน เพื่อซื้อรถที่มีรูปร่างเหมือนรถPassat!”
พูดจบ เขาก็เอามือจับหัวร้องไห้
ในตอนนี้กลุ่มวีแชทของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าก็มีคนคุยกันกระจาย
หลังจากที่เจี่ยงหมิงส่งคลิปวิดีโอนั้นลงไป คนในกลุ่มจำนวนมากก็ถามว่าเขาเป็นอะไรไหม? อาการเป็นอย่างไรบ้าง? บาดเจ็บหรือเปล่า?
เพราะถึงอย่างไรทุกคนก็โตมาด้วยกัน แรกๆ ก็เอาสนุก แต่พอรู้ว่าเจี่ยงหมิงเกิดอุบัติเหตุ ทุกคนก็เป็นห่วงกันทั้งนั้น
แต่เย่เฉินกลับรู้ดี ว่านี่จะต้องเป็นแผนของเจี่ยงหมิงแน่
รถที่ตนเองขับ เป็นรถBMW760 เพียงแค่เหยียบคันเร่ง ก็สามารถทิ้งห่างรถเบนซ์ได้ในพริบตา สถานการณ์แบบนี้ใครๆ ก็รู้ ว่าเจี่ยงหมิงเอาชนะไม่ได้แน่
เจี่ยงหมิงเองก็รู้ดี
เขาคงไม่ยอมบริจาครถคันนี้ให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแน่ ดังนั้นก็เลยเลือกที่จะเกิดอุบัติเหตุ เพื่อเป็นข้ออ้างในการหยุดการแข่งขัน
จริงๆ แล้วถ้าหากว่ายึดตามกติกาจริงๆล่ะก็ ไม่ว่าระหว่างการแข่งขันเขาจะเกิดอะไรขึ้น ขอเพียงเขาถึงเส้นชัยทีหลังเย่เฉิน ก็เท่ากับว่าแพ้การแข่งขัน
แพ้แล้ว ก็ต้องยอมทำตามกติกา
แต่เย่เฉินก็รู้ดี ในเมื่อเจี่ยงหมิงก็ได้เลือกแผนทำเป็นเกิดอุบัติเหตุ เพื่อหาทางกู้หน้าตนเอง ตนเองก็ไม่อาจจะบีบเขาจนหมดหนทาง
คู่แข่งขันเกิดอุบัติเหตุ ถ้าตนเองยังไปบีบคั้นล่ะก็ ในสายตาเพื่อนคนอื่นๆ ตนเองก็จะดูเป็นคนไร้น้ำใจ
บนรถBMW ป้าหลี่ก็พูดอย่างกังวลว่า “รีบโทรไปหาเจี่ยงหมิงสิ ว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ขออย่าให้บาดเจ็บเลย”
หลี่เสี่ยวเฟินก็เบ้ปากพูดว่า “ป้าหลี่คะ หนูว่าเจี่ยงหมิงคงจะตั้งใจไปชนท้ายมากกว่า!เขาคงจะรู้ว่ารถของตนเองนั้นสู้รถพี่เย่เฉินไม่ได้ แถมยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ ที่จะต้องบริจาครถให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ดังนั้นก็เลยใช้แผนนี้!”
ป้าหลี่ก็รีบพูดว่า “เสี่ยวเฟิน อย่าไปปรักปรำว่าคนอื่นเขา ถ้าเกิดว่าเข้าใจเขาผิดขึ้นมาจะทำอย่างไร แล้วอีกอย่างอุบัติเหตุตามท้องถนน ไม่มีอะไรสำคัญกว่าความปลอดภัยของผู้ขับขี่แล้วล่ะ”
———-