“ค่ะ” หลี่เสี่ยวเฟินก็พยักหน้าไปอย่างนั้น

จากนั้น หลี่เสี่ยวเฟินก็โทรหาเพื่อนที่นั่งข้างเบาะคนขับของเจี่ยงหมิง

หลังจากอีกฝ่ายรับสาย หลี่เสี่ยวเฟินก็ถามว่า “ทำไมเจี่ยงหมิงบอกในกลุ่มว่ารถชนหรือ? เป็นอย่างไรบ้าง? ไม่เป็นอะไรกันใช่ไหม? ป้าหลี่เป็นห่วงมาก!”

คนนั้นก็พูดอย่างอึกอักว่า “เอ่อ……พี่หมิงไปชนรถยี่ห้อPhaeton”

ยังไม่ทันพูดจบ เจี่ยงหมิงก็ลุกขึ้น แล้วแย่งเอโทรศัพท์มาคุย “เสี่ยวเฟิน ผมไม่เป็นไรครับ แค่ไปชนท้ายรถยี่ห้อPassatเอง ผมกำลังเคลียร์กับเจ้าของรถอยู่ เดี๋ยวก็เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวพอเสร็จเรื่องจะรีบไป คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะ”

หลี่เสี่ยวเฟินได้ยินดังนั้น ก็ส่งเสียง อืม แล้วพูดว่า “งั้นพวกเราจะรออยู่ที่หน้าประตูโรงแรมแล้วกัน พวกเรามาถึงตั้งนานแล้วเนี่ย”

เจี่ยงหมิงก็รีบพูดว่า “ไอ้หยา งั้นก็ฝากบอกเย่เฉินหน่อย ครั้งนี้ต้องขอโทษจริงๆ แข่งต่อไม่ได้แล้ว เอาอย่างนี้ เดี๋ยววันหลังค่อยนัดเขามาแข่งกันใหม่!”

หลี่เสี่ยวเฟินตอบรับ แล้วก็วางสายไป

ทางฝั่นี้ เพื่อนที่ได้รับสายจากหลี่เสี่ยวเฟิน ก็อดถามเจี่ยงหมิงไม่ได้ว่า “พี่หมิง เกิดเรื่องใหญ่แบบนี้ พี่ยังจะไปงานเลี้ยงกินข้าวอีกหรือพี่? ”

“ไปดิ ต้องไป!” เจี่ยงหมิงพูด “นัดไว้แล้ว ว่าคืนนี้จะเลี้ยงข้าวป้าหลี่ จะไม่ไปได้อย่างไรกัน? ”

จริงๆ แล้ว ในใจเจี่ยงหมิงคิดว่า ตอนนี้ตนเองขาดเงินเป็นล้าน จะต้องหาทางหาเงินมาให้ได้

อาหารมื้อนี้ อย่างน้อยก็ได้ราคากว่าครึ่ง พอถึงตอนนั้นก็สั่งมาเยอะๆ หน่อย พยายามให้ถึง4-5หมื่น แบบนี้ตนเองก็จะได้เงิน2หมื่นกว่า 2หมื่นก๋ไม่น้อยเหมือนกัน ที่เหลือก็ไปหาทางเอาใหม่!

พอคิดถึงจุดนี้ เจี่ยงหมิงก็รีบพูดกับคนข้างๆ ว่า “เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ อย่าไปบอกใครเชียวนะ เข้าใจแล้วใช่ไหม? ”

“เข้าใจแล้ว!” พวกนั้นก็พยักหน้า

เจี่ยงหมิงก็พูดหน้าบึ้งว่า “เอาอย่างนี้ ถุงลมนิรภัยของกูแตก ดูเหมือนว่าจะขับต่อไม่ได้แล้ว พวกมึงช่วยดันรถไปจอดข้างทางหน่อย จอดมันไว้นี่ก่อน แล้วพวกเราก็ขับรถPhaetonคันนั้นไป มันเสียหายแค่ช่วงท้าย น่าจะยังขับได้ปกติ”

“ได้เลย!”

……

เจี่ยงหมิงขับรถPhaetonมุ่งหน้าไปยังโรงแรม พวกเพื่อนๆ ก็ต้องอึ้งกับการตกแต่งของรถPhaeton มองดูลูบคลำไปทั่ว

ไอ้หนุ่มที่นั่งเบาะหลังคนหนึ่งก็ชื่นชมออกมาว่า “โห สมกับที่เป็นรถPhaeton หรูหราเรียบง่าย นั่งแล้วฟินมาก รู้สึกเหมือนราคาเป็นร้อยล้านเลย!”

พอเจี่ยงหมิงได้ยินดังนั้น ก็ปวดใจกว่าเดิม จะพูดทำไมวะเนี่ย ให้ตายเถอะ…….

หลังจากนั้นไม่กี่นาที เจี่ยงหมิงที่กลัดกลุ้มในใจ ก็ขับรถPhaetonของหม่าจงเหลียงมาถึงโรงแรมข่ายเยว่

เขาไม่กล้าขับรถมาจอดหน้าประตู แต่ไปจอดไว้ในลานจอดรถไกลๆ แล้วก็เดินออกมากลับพวกเพื่อนๆ

ในตอนนี้ พวกเพื่อนๆ และพวกเย่เฉิน ก็มารอกันที่หน้าประตูโรงแรมกันหมดแล้ว

พอเห็นเจี่ยงหมิงมาแล้ว ก็มีคนไม่น้อยเข้าไปถามเรื่องที่เกิดอุบัติเหตุ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง

ถึงแม่เจี่ยงหมิงจะกลุ้มใจอยู่ แต่ก็ยังเสแสร้งแกล้งทำเป็นเฉยๆ โบกปักพูดไปว่า “ไม่เป็นอะไร ไม่เป็นอะไร แค่ชนท้าย เดี๋ยวประกันจัดการ”

ทุกคนก็เบาใจขึ้นมา

เย่เฉินก็มองเจี่ยงหมิง แล้วยิ้มพูดว่า “เจี่ยงหมิง ชนท้ายได้ประจวบเหมาะเลยนะ ก็แค่ระยะทาง3กิโลเมตร เดิมทีไม่นานก็สามารถตัดสินแพ้ชนะได้แล้ว ทำไมมึงถึงบังเอิญไปชนท้ายเขาเข้าได้ล่ะ? ”

———-