ตอนที่ 2598

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,598 : ท่านแม่ทัพ ใจเย็น!

 

ถึงแม้ในสายตาคนนอกแล้ว ทหารในกองทัพมังกรดำจะเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันยากที่ใครจะมาทำลายหรือสั่นคลอน

 

อย่างไรก็ตามภายในกองทัพมังกรดำนั้น ย่อมมีเรื่องราวไม่ลงรอยกันอยู่ไม่น้อย บ้างข้อพิพาทก็ไม่อาจหลีกเลี่ยง…จำต้องใช้กำลังตัดสิน!

 

ทำให้มีทหารมากมายหลายคนที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของแม่ทัพที่อ่อนแอเป็นทุกข์นัก เพราะมักถูกทหารที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของแม่ทัพที่แข็งแกร่งกว่ารังแกทั้งเอารัดเอาเปรียบ

 

เพราะสุดท้ายแล้วไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรก็ตาม ผู้ที่อ่อนแอกว่าก็ตกเป็นเบี้ยล่างเสมอ

 

ในอดีตนั้น หวงจี่ปิ่ง เป็นแม่ทัพที่มีพลังฝีมือกล้าแข็งติด 1 ใน 3 ของแม่ทัพที่แข็งแกร่งที่สุดในทัพมังกรดำ ทำให้ทหารภายใต้การบังคับบัญชาของหวงจี่ปิ่งนับพันเชิดหน้าชูตาได้อย่างสบายใจ เพราะไม่มีใครกล้ายั่วยุท้าทายพวกมัน ทำให้ทั้งหมดรู้สึกเหนือกว่าผู้อื่นเสมอ

 

แต่เมื่อไม่นานมานี้ทหารนับพันดังกล่าวกลับได้รับทราบข่าวร้าย ว่าแม่ทัพที่แข็งแกร่งของพวกมันได้ตกตายลงเสียแล้ว…และนั่นนำมาสู่การวิตกกังวลของพวกมัน ว่าพวกมันทั้งหลายกำลังจะเจอปัญหา!

 

เพราะสุดท้ายแล้วหากแม่ทัพคนใหม่ไม่แข็งแกร่งเท่าเดิม พวกมันก็หมดสิ้นคืนวันอันดี!

 

ด้วยเหตุนี้ทำให้ทันทีที่พวกมันรู้ว่ามีแม่ทัพคนใหม่มาแทนอดีตแม่ทัพอย่างหวงจี่ปิ่งแล้ว พวกมันจึงบังเกิดความสนใจทั้งกังวลใจกันนัก

 

เพราะพวกมันไม่รู้จริงๆ ว่าแม่ทัพคนใหม่แข็งแกร่งเพียงใด

 

หากแม่ทัพคนใหม่อ่อนแอ เช่นนั้นพวกมันจะวางท่าเหมือนกาลก่อนได้อย่างไร? จากเชิดหน้าชูตาไยมิใช่กลายเป็นก้มหน้าก้มตาเล่า?

 

ยิ่งไปกว่านั้น ที่ย่ำแย่ที่สุดก็คือ…พวกมันไม่พ้นโดนเหล่าทหารที่พวกมันเคยไปอวดเบ่งใส่ตามมาเอาคืนแน่!

 

ในอดีตตอนมีหวงจี่ปิ่งผู้เข้มแข็งเป็นแม่ทัพ ยังมีใครหาญกล้าเอาเรื่องพวกมัน?

 

ตอนนี้เมื่อหงจี่ปิ่งไม่ได้เป็นแม่ทัพคุ้มกะลาหัวของพวกมัน และหากแม่ทัพคนใหม่พลังฝีมืออ่อนด้อยล่ะก็…ทหารทั้งหลายเหล่านั้นย่อมไม่พลาดโอกาสดั่ง ‘คิดบัญชีหลังเก็บเกี่ยวผลผลิตในฤดูใบไม้ร่วง’ และ ‘โยนหินใส่คนตกบ่อ’ แน่นอน

(เอาคืน, ซ้ำเติม)

 

และในขณะที่ทหารของอดีตแม่ทัพหวงจี่ปิ่งกำลังกังวลนั้นเอง

 

“ทหารคนใดที่เคยอยู่ใต้บังคับบัญชาของอดีตแม่ทัพหวง จงขึ้นมาตั้งแถวต้อนรับ ต้วนหลิงเทียน แม่ทัพคนใหม่ของพวกเจ้าเสีย!”

 

เสียงหนึ่งดังลงมาจากฟากฟ้าเข้าหูพวกมันที่กำลังวิตกกังวลอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้ทหารของอดีตแม่ทัพหวงจี่ปิ่งสะดุ้งตกใจไม่น้อย

 

“แม่ทัพคนใหม่มาถึงแล้วหรือ?!”

 

“เสียงนี้มัน…ดูเหมือนจะเป็นเสียงของแม่ทัพเจี่ยนชิวผิง…ดูเหมือนแม่ทัพคนใหม่จะถูกมันพามา”

 

“แม่ทัพเจี่ยนชิวผิงจะพาแม่ทัพคนใหม่ของพวกเรามาก็ไม่ได้แปลกอะไร…แต่ข้าไม่รู้ว่าแม่ทัพคนใหม่จะนิสัยดีเหมือนแม่ทัพหวงจี่ปิ่ง และเข้ากับพวกเราได้หรือไม่…”

 

“ข้าไม่สนว่านิสัยแม่ทัพใหม่จะเป็นเช่นไร หรือจะเข้ากับพวกเราได้หรือไม่…ข้าหวังแค่หากพลังฝีมือของมันไม่ดีเท่าหวงจี่ปิ่งก็ขอให้อย่าอ่อนด้อยกว่าหวงจี่ปิ่งมากเป็นพอ”

 

 

เมื่อรับทราบว่าแม่ทัพคนใหม่ของพวกมันมาถึงแล้ว เหล่าทหารที่เดิมอยู่ใต้บังคับบัญชาของหวงจี่ปิ่ง ก็เร่งเหินร่างขึ้นฟ้าไปยังต้นเสียงที่พึ่งดังลงมาเมื่อครู่

 

ระหว่างเหินร่างขึ้นไป พวกมันก็อดคุยกันไม่ได้

 

ในวาจาของพวกมัน ส่วนใหญ่ก็เอาแต่คาดหวังว่าพลังฝีมือของแม่ทัพคนใหม่จะไม่ด้อยไปกว่าหวงจี่ปิ่ง

 

อย่างอื่นนั้นพวกมันไม่สน!

 

สูงขึ้นไปบนฟ้า ต้วนหลิงเทียนในชุดสีม่วงก็เหินร่างติดตามอยู่ด้านหลังเจี่ยนชิวผิงอย่างไม่รีบไม่ร้อน สุดท้ายก็มาถึงน่านฟ้าเหนือหุบเขาแห่งหนึ่ง

 

มองลงไปพบว่า

 

ในหุบเขาแห่งนี้เต็มไปด้วยบุปผานานาพรรณ วิหกขับขานเสียงใสไพเราะ ยังมีกระโจมขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ตั้งเรียงรายเป็นระเบียบเรียบร้อยนับพัน เว้นระยะห่างจากกันมากพอสมควร ทำให้ไม่รู้สึกแออัด

 

‘กระโจมพวกนี้คงเป็นกระโจมของไป่ฟูฉาง สือฟูฉางและเหล่าทหารสินะ’

 

ต้วนหลิงเทียนก็เดาได้ไม่ยาก

 

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

 

 

เสียงแหวกอากาศดังขึ้นเข้าหูต้วนหลิงเทียนถี่ยิบ ภายในสายตาต้วนหลิงเทียนเริ่มมองเห็นจุดดำเล็กๆนับร้อยเรียงตัวกันเป็นกลุ่มราวฝูงตั๊กแตนที่กำลังอพยพ เหินขึ้นฟ้ามายังจุดที่เขาอยู่

 

มองปราดเดียวต้วนหลิงเทียนก็บอกได้ว่าจำนวนผู้ที่เหินร่างขึ้นมาหากไม่ใช่ 700 ก็ต้องมี 800 !

 

เขาไม่ได้แปลกใจอะไร

 

ถึงแม้ในกองทัพที่เขาต้องรับหน้าที่ควบคุมดูแลจะมีทหารนับพัน แต่หลายคนก็มีหน้าที่และภารกิจที่ต้องไปปฏิบัติ เหลือมารายงานตัวกัน 800 ก็มากแล้ว

 

“แม่ทัพเจี่ยน ในเมื่อเจ้าทำตามคำสั่งผู้บัญชาการเฉินเสร็จสิ้นแล้ว…ที่เหลือข้าคงไม่รบกวน”

 

ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองไปยังเจี่ยนชิวผิงที่ลอยอยู่ข้างๆปานท่อนไม้ พลางเอ่ยออกเสียงเบา ในวาจาเห็นชัดว่าคิดส่งแขก

 

“โอ้ แม่ทัพต้วนหลิงเทียนอย่าได้เกรงใจ…ข้ามิได้รีบไปไหน ให้ทุกคนมารวมตัวกันก่อน…หลังข้าพูดอะไรกับพวกมันเล็กน้อยข้าค่อยไปก็ไม่สาย”

 

เจี่ยนชิวผิงแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม ในแววตาฉายประกายเจ้าเล่ห์ออกมาให้เห็นชัด

 

“ทำไม? หรืออยากรอบอกพวกมัน…ว่าแม่ทัพคนใหม่ของพวกมันเป็นแค่เซียนอมตะสวรรค์จันทร์ม่วง?”

 

ต้วนหลิงเทียนมองเจี่ยนชิวผิงด้วยสายตาสงบเฉยเมย หากแต่แววตากระจ่างใสปานจะมองทะลุได้ทุกสิ่ง!

 

“เฮอะ!”

 

เจี่ยนชิวผิงที่ถูกต้วนหลิงเทียนแฉแผนชั่วในใจได้แต่สบถพ่นลมออกมาเสียงเย็นตอบต้วนหลิงเทียน จากนั้นก็นิ่งไปไม่พูดจารอคอยการมาถึงของทหารต้วนหลิงเทียนเงียบๆ

 

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

 

 

แสงสว่างทอประกายวูบวาบพุ่งขึ้นฟ้า ไม่นานทหารราวๆ 800 คนก็ปรากฏตัวยังความว่างเปล่าเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน ยังแบ่งกลุ่มออกให้เห็นชัดเจน

 

กลุ่มแรกมี 8 คน

 

กลุ่มที่ 2 มี 70 กว่าคน

 

ส่วนกลุ่มที่ 3 นั้นมีราวๆ 700 คน

 

ชุดเกราะสีดำที่ทุกคนสวมใส่นั้นมีรูปลักษณ์เหมือนกันทุกประการ หากจะต่างก็ต่างกันตรงที่บริเวณหน้าอกเท่านั้น

 

‘ไป่ฟูฉาง สือฟูฉาง…พลทหาร’

 

ต้วนหลิงเทียนย่อมจำแนกได้ไม่ยาก

 

กลุ่มแรกที่มีเพียง 8 คนนั้นเป็นไป่ฟูฉาง ส่วนที่มี 70คนนั้นก็คือสือฟูฉาง ที่เหลือกว่า 700 ก็คือพลทหารธรรมดา

 

“คาระท่านแม่ทัพ”

 

“คาระท่านแม่ทัพ”

 

 

เหล่าพลทหารและสือฟูฉางทั้งหลาย เร่งประสานมือทำความเคารพต้วนหลิงเทียนกับเจี่ยนชิวผิงติดตามไป่ฟูฉางที่เริ่มแสดงความเคารพออกมาก่อนอย่างแข็งขัน

 

“ใต้เท้าผู้บัญชาการมอบหมายให้ข้าพาแม่ทัพคนใหม่ของพวกเจ้ามาส่ง…บัดนี้ในเมื่อข้าพาคนมามอบให้พวกเจ้าแล้ว ก็ได้เวลาที่ข้าต้องจากไปเสียที…”

 

หลังจากที่รอให้ทหารเบื้องหน้าทั้ง 800 คารวะทักทายแล้วเสร็จ เจี่ยนชิวผิงก็กวาดตามองทหารของกองทัพมังกรดำเบื้องหน้า ก็หัวเราะฮ่าๆค่อยกล่าวออก “อย่างไรก็ตาม พวกเจ้าควรทะนุถนอมเวลาที่จักได้รับใช้แม่ทัพคนใหม่ของพวกเจ้าคนนี้ให้ดี”

 

ในขณะที่เหล่าทหารกำลังงุนงงว่าไฉนเจี่ยนชิวผิงถึงเอ่ยวาจาฟังไม่เข้าใจดังกล่าว

 

เจี่ยนชิวผิงพลันกล่าวสืบต่อว่า

 

“เพราะสุดท้ายแล้วมันก็เป็นแค่เซียนอมตะสวรรค์จันทร์ม่วงเท่านั้น…ข้าเกรงว่ามันคงนั่งตำแหน่งแม่ทัพของพวกเจ้าได้ไม่กี่วัน! ฮ่าๆๆ…!!”

 

หลังกล่าวจบคำเจี่ยนชิวผิงก็ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นปิดท้าย และเหินร่างจากไปทันที่ดั่งสายลมกรรโชกหอบหนึ่ง

 

ทันใดนั้น ทหารทั้งหมดล้วนจมอยู่กับความเงียบ

 

ทหารทั้ง 800 ม่าจะยศสูงหรือต่ำล้วนมองจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนไม่วางตา และแววตาของพวกมันยามนี้เริ่มฉายความผิดหวังออกมากันถ้วนหน้า

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งไป่ฟูฉางทั้ง 8

 

“เซียนอมตะสวรรค์จันทร์ม่วง? ป้ายประจำตัวท่านแม่ทัพหวงจี่ปิ่ง…ถูกเซียนอมตะสวรรค์จันทร์ม่วงค้นพบงั้นหรือ?”

 

“ฟ้ากลั่นแกล้งพวกเราหรือ?”

 

 

หลังได้รู้จากเจี่ยนชิวผิงว่าต้วนหลิงเทียนเป็นแค่เซียนอมตะสวรรค์จันทร์ม่วง ไป่ฟูฉางทั้ง 8 ซึ่งแต่เดิมเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของหวงจี่ปิ่งที่ตายตก ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงผิดหวังจับใจ

 

ไม่นานด้านสือฟูฉางกับพลทหารก็เริ่มคุยกันดังระงมปานตลาดสด

 

“หุบปาก!”

 

เมื่อได้ยินเสียงกล่าวระงมรำคาญหู ต้วนหลิงเทียนที่ฟังอยู่สักพักจนสีหน้าเริ่มมืดดำลงสุดท้ายก็ทนรำคาญ ไม่ไหว ตะคอกออกมาเสียงเย็น ทำให้ทหารทั้งหมดเงียบเสียงลงในพริบตา

 

“พวกเจ้า…หรือไม่เห็นว่าข้าแม่ทัพยังอยู่ตรงนี้?”

 

ตอนนี้เรียกว่าสีหน้าต้วนหลิงเทียนถมึงทึงดุร้ายนัก!

 

ถึงแม้ในสายตาของพวกมันเขาอาจจะเป็นแม่ทัพได้ไม่กี่วัน แต่จะอย่างไรตอนนี้เขาก็ยังดำรงตำแหน่งแม่ทัพของกองทัพมังกรดำ และเป็นผู้บังคับบัญชาของพวกมันอยู่…

 

ทว่าตอนนี้ทหารเบื้องหน้ากลับไม่เห็นเขาเป็นแม่ทัพของพวกมันเลย! วินัยทหารไปไหนหมด!?

 

แล้วนี่พวกมันคิดว่าเขา ต้วนหลิงเทียนรังแกกันได้ง่ายๆหรือ?!

 

“ฮึ่ม!”

 

ได้ยินคำตะคอกเสียงเย็นของต้วนหลิงเทียน ไป่ฟูฉางคนหนึ่งหลังอึ้งไปสักพัก ก็ดึงสติกลับมาได้ก่อนใคร มันพ่นลมเสียงเย็นค่อยกล่าวประชดประชันออกมาเสียงดังว่า “เซียนอมตะสวรรค์จันทร์ม่วงอ่อนด้อยผู้หนึ่ง ต่อให้มีโอกาสนั่งอยู่ในตำแหน่งแม่ทัพได้จริง…แต่ที่มานั่งเก้าอี้ตัวนี้ได้ก็เพียงอาศัยโชคประเดี๋ยวประด๋าว ไหนเลยจะมีชะตานั่งอยู่ได้นาน…”

 

“ในเมื่อตัวเองพลังฝีมืออ่อนด้อยเพียงเท่านี้ ไฉนยังกล้ามาผายลมเหม็นคลุ้งต่อหน้าพวกเรา?”

 

วาจาประโยคท้าย ก็เรียกเสียงหัวเราะของทหารทั้งหมดได้เป็นอย่างดี

 

อย่างไรก็ตามไป่ฟูฉางที่กล่าวเพียงหัวร่อได้อยู่ไม่นาน เสียงหัวเราะของมันก็จำต้องหยุดลง!

 

ทันใดนั้นเอง

 

ปงงงงง!!

 

“อั๊ค–!!”

 

เสียงซัดกระแทกหนักหน่วงหนึ่งดังขึ้นกลบเสียงหัวเราะทั้งหลายจนมิด จากนั้นค่อยมีเสียงกระอักหิตออกคำใหญ่ดังขึ้นเข้าหูผู้คนทั้งหมด!

 

เป็นไป่ฟูฉางของกองทัพมังกรดำที่พึ่งฟื้นคืนสติก่อนใครและกล่าวประชดต้วนหลิงเทียนออกมาเมื่อครู่ ดูเหมือนจะถูกอะไรบางอย่างซัดกระแทกเข้าอย่างจัง ร่างกระเด็นปลิดปลิวไปดั่งว่าวสายป่านขาด!

 

ยังกระอักโลหิตสร้างบุปผาสีเลือดพร่างฟ้าไปเป็นทาง!

 

จังหวะนี้เหล่าไป่ฟูฉางที่พึ่งรู้สึกตัว ก็พากันรูดซิปปากสนิท ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง!

 

พวกมันเห็นชัดถนัดตา

 

แม่ทัพคนใหม่ของพวกมัน ไหนเลยจะเป็นเซียนอมตะสวรรค์จันทร์ม่วงธรรมดาๆ!

 

ต้องทราบด้วยว่าพวกมันไป่ฟูฉางส่วนใหญ่ ล้วนแล้วแต่เป็นเซียนอมตะสวรรค์จันทร์ม่วงทั้งสิ้น! แต่กระนั้นกลับไม่อาจจับร่องรอยการลงมือของแม่ทัพคนใหม่ได้ทัน ไม่มีเวลาแม้แต่จะป้องกันตัวเลย!

 

ถูกซัดกระเด็นปลิวราวไก่สุนัขไร้ทางสู้!

 

หากให้พวกมันไปแทนที่ไป่ฟูฉางเมื่อครู่ ก็ไม่วายได้ถูกซัดอย่างไร้หนทางเช่นกัน!

 

“ขอท่านแม่ทัพโปรดระงับโทสะด้วย!”

 

หลังจากนั้นไม่ทันไร ไป่ฟูฉางในรูปลักษณ์ชายชราคนหนึ่งที่พึ่งรู้สึกตัว ก็เร่งไปคุกเข่าเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน พลางกล่าวออกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

 

ต้องทราบด้วยว่ากองทัพมังกรดำนั้นมีกฏบัญญัติไว้…

 

ผู้ใดกระทำความผิด ผู้บังคับบัญชาสามารถฆ่าทิ้งได้ทันที!

 

เช่นนั้นเมื่อได้เห็นพลังฝีมืออันน่ากลัวของแม่ทัพคนใหม่ ทั้งนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้ได้ชักสีหน้าท่าทีปฏิบัติต่อแม่ทัพคนใหม่เบื้องหน้าอย่างไร ไป่ฟูฉางชราก็อดไม่ได้ที่จะเหงื่อแตกซิก!