ตอนที่ 2599

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,599 : ฉินอวี่

 

“ขอท่านแม่ทัพโปรดระงับโทสะด้วย!”

 

“ขอท่านแม่ทัพโปรดระงับโทสะด้วย!”

 

 

ไม่เว้นไป่ฟูฉางที่ถูกต้วนหลิงเทียนซัดปลิวเมื่อครู่ ตอนนี้เหล่าไป่ฟูฉางทั้ง 8 ล้วนเร่งคุกเข่าลงกลางหาวกล่าวขอขมาลาโทษต่อต้วนหลิงเทียนทีละคนๆ หน้ายังก้มลงไปงุดๆ ไม่กล้าสบตาต้วนหลิงเทียน!

 

จังหวะนี้พวกมันอดไม่ได้ที่จะสาปแช่งโคตรเหง้าบรรพบุรุษทั้ง 18 รุ่นของเจี่ยนชิวผิง!

 

หากไม่ใช่เพราะเจี่ยนชิวผิงเอาเรื่องที่แม่ทัพคนใหม่ของพวกมันเป็นแค่เซียนอมตะสวรรค์จันทร์ม่วงมาประกาศ พวกมันไหนเลยจะกล้าหยาบคายต่อหน้าแม่ทัพคนใหม่ผู้นี้…ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องล้อเลียนอีกฝ่ายด้วยซ้ำ!

 

เหล่าสือฟูฉางทั้งหลายที่เห็นไป่ฟูฉางทั้งหมดคุกเข่าลง พวกมันก็รู้สึกตัวและเร่งคุกเข่าลงไปเช่นกัน

 

ส่วนเหล่าพลทหารเองก็เร่งรุดคุกเข่าลงไปอย่างรู้งานเมื่อเห็นทั้งไป่ฟูฉางและสือฟูฉางพากันคุกเข่าหมดสิ้น!

 

ในเมื่อผู้ที่มียศสูงกว่าพวกมันยังคุกเข่าลงไป ให้พวกมันมีความกล้ามากกว่านี้อีกร้อยเท่าก็ไม่กล้ายืนหัวโด่แน่นอน!

 

ทันใดนั้นเหนือฟ้าอันกว้างใหญ่ ก็คงเหลือแต่ต้วนหลิงเทียนเพียงผู้เดียวที่ยืนโดดเด่นประหนึ่งหงส์กลางฝูงไก่ ยังคล้ายจักรพรรดิผู้สูงศักดิ์เผชิญหน้ากับข้าราชบริพาน ดาวล้อมเดือนก็ว่า…

 

“หึ!”

 

ต้วนหลิงเทียนกวาดตามองไปยังเหล่าทหารของกองทัพมังกรดำที่คุกเข่าลงทั่วๆ พลางกล่าวออกเสียงเย็น “อย่าให้ข้าเห็นอะไรแบบนี้อีก…แยกย้ายกันไปให้หมด!”

 

หลังกล่าวจบคำ ต้วนหลิงเทียนที่รีบร้อนอยากกลับไปยังกระโจมแม่ทัพเพื่อบ่มเพาะฝึกฝนเต็มทน ก็หายตัวไปต่อหน้าต่อตาเหล่าทหารใต้บัญชาที่กำลังคุกเข่าทันที

 

ความเร็วยังสูงจนคนเสมือนอันตรธานหายไปในความว่างเปล่า!

 

จนเมื่อต้วนหลิงเทียนจากไปสักพัก เหล่าทหารทั้งหลายจึงค่อยลุกขึ้นจากการคุกเข่า…

 

ใบหน้าของพวกมันส่วนใหญ่ยังฉายชัดถึงความหวาดกลัว!

 

“ครานี้พวกเราล้วนถูกแม่ทัพเจี่ยนชิวผิงปั่นหัวเข้าให้แล้วจริงๆ…ให้ตายเถอะ! พลังฝีมือของท่านแม่ทัพคนใหม่ของพวกเรา…ถึงแม้จะเทียบกับเจี่ยนชิวผิงก็มีแต่จะแข็งแกร่งกว่าเท่านั้นไม่มีอ่อนด้อยกว่าแน่นอน!”

 

ไป่ฟูฉางที่ถูกซัดจนบาดเจ็บค่อยๆกล่าวออกมาอย่างยากลำบาก สีหน้ายังหาดผวาไม่หาย

 

ถึงแม้มันจะถูกต้วนหลิงเทียนซัดจนบาดเจ็บ

 

แต่มันไม่คิดถือโทษโกรธต้วนหลิงเทียนแม้แต่น้อย

 

ต้วนหลิงเทียนในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาของมัน แต่มันกลับกล้าดูหมิ่นอย่างไม่ไว้หน้า! จึงถือว่าต้วนหลิงเทียนมีเมตตามากแล้วที่ไม่ฆ่ามันทิ้ง!!

 

และหากไม่ใช่เพราะเจี่ยนชิวผิงจงใจกล่าววาจาปลุกปั่น ต่อให้มันจะมีความกล้ามากกว่านี้ร้อยเท่า มันก็ไม่กล้าทำตัวถือดีหยิ่งผยองต่อหน้าแม่ทัพคนใหม่เช่นนี้!

 

ส่วนอีกด้านนั้น…

 

หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนเหินกลับมายังกระโจมของตัวเอง เขาก็ขึ้นไปนั่งขัดสมาธิบยเตียงหยิบหินอมตะออกมาเตรียมบ่มเพาะพลังทันที

 

การบ่มเพาะพลังบนระนาบเทวโลก ก็ไม่ได้แตกต่างจากระนาบโลกียะมากนัก

 

นอกจากการดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินในสภาพแวดล้อมโดยรอบแล้ว ยังอาศัยการดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินในหินอมตะเหมือนกับการดูดซับพลังในหินเซียนที่ระนาบโลกียะเพื่อบ่มเพาะพลัง…

 

‘สมดั่งคาด ที่นี่นับเป็นสถานที่ๆมีสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะดีเป็นอันดับต้นๆของเมืองเฉวี่ยโยว…หากมีหินอมตะระดับกลางมากพอ และอาศัยความเร็วในการดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินของชีพจรสวรรค์ 99 สาย อีกไม่นานข้าต้องทะลวงถึงเซียนอมตะสวรรค์จันทร์ครามได้แน่!’

 

หลังจากตื่นเต้นอยู่ครู่หนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มสงบสติ และทุ่มสมาธิกับการบ่มเพาะสั่งสมพลัง

 

ยังดีที่เหล่าทหารของกองทัพมังกรดำใต้บังคับบัญชาของต้วนหลิงเทียนไม่อาจได้ยินความคิดเมื่อครู่ขอเขา

 

หาไม่แล้วพวกมันได้ผวาจับใจแน่!

 

แม่ทัพของพวกมัน ยังมีพลังฝึกปรืออยู่แค่ขอบเขตเซียนอมตะสวรรค์จันทร์น้ำเงินหรอกหรือ?

 

ต้องทราบด้วยว่าด่านพลังเซียนอมตะสวรรค์จันทร์น้ำเงินนั่น คือระดับพลังขั้นต่ำของสือฟูฉาง!

 

ทว่าแม่ทัพเจี่ยนชิวผิงที่ปลุกปั่นจนพวกมันหน้าเสียเมื่อครู่ บอกมาว่าแม่ทัพคนใหม่ของพวกมันอย่างต้วนหลิงเทียน เป็นเซียนอมตะสวรรค์จันทร์ม่วง!

 

ให้พวกมันหลับก็ไม่อาจฝันถึง

 

ว่าต้วนหลิงเทียนไม่ใช่เซียนอมตะสวรรค์จันทร์ม่วง!

 

ต้วนหลิงเทียนยังเป็นแค่เซียนอมตะสวรรค์จันทร์น้ำเงิน!!

 

ส่วนด้านเจี่ยนชิวผิงนั้น ก็ยังพยายามปลุกปั่นสร้างความแตกตื่นให้กับเหล่าทหารของกองทัพมังกรดำไม่เลิก มันไปไล่ป่าวประกาศให้เหล่าทหารรับทราบถึงพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียน!

 

ยังดีที่ทหารใต้บังคับบัญชาทั้ง 800 ของต้วนหลิงเทียนไม่รู้เรื่องนี้

 

หากทหารทั้ง 800 ใต้บังคับบัญชาต้วนหลิงเทียนทราบเรื่องที่เจี่ยนชิวผิงพยายามลดเกียรติแม่ทัพคนใหม่ของพวกมัน ด้วยการไปป่าวประกาศว่าพลังฝึกปรือของแม่ทัพคนใหม่ของมันเป็นแค่เซียนอมตะสวรรค์จันทร์ม่วงล่ะก็ พวกมันต้องโมโหหนักแน่!

 

“เฮ่ เห็นว่าแม่ทัพคนใหม่ของพวกเรา เป็นแค่เซียนอมตะสวรรค์จันทร์ม่วงเองงั้นหรือ?”

 

“หืม ข่าวนี้เจี่ยนชิวผิงออกมายืนยันด้วยตัวเองงั้นหรือ?”

 

“นี่เจี่ยนชิวผิงนั่น…มันคิดจะทำอะไรกันแน่?”

 

“อย่างที่ทุกคนรู้กันดี หาก ฉินอวี่ ไป่ฟูฉางใต้บัญชาของเจี่ยนชิวผิงผู้นั้นออกจากการปิดด่านเมื่อไหร่มันต้อถูกชิงตำแหน่งแม่ทัพไปแน่…ข้าคิดว่าที่มันกระทำเช่นนี้เพียงเพราะอยากเบนหัวหอกอย่างฉินอวี่ไปยังแม่ทัพคนใหม่!”

 

“ช่างน่ารังเกียจนัก!!”

 

 

สุดท้ายข่าวลือจากปากต่อปากในที่สุดก็เดินทางมาถึง และพอได้ทราบเรื่องราวที่เจี่ยนชิวผิงไปไล่ป่าวประกาศพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียน ด้วยหมายจะทำให้ฉินอวี่เบนเป้ามาที่ต้วนหลิงเทียนแทน เหล่าทหารใต้บัญชาของต้วนหลิงเทียนก็เดือดดาลกันยกใหญ่!

 

พวกมันจึงเริ่มแยกย้ายไปกระจายข่าวทั่วค่ายทัพมังกรดำ หมายหักล้างข่าวของเจี่ยนชิวผิง!

 

ว่าแม่ทัพคนใหม่ของพวกมันอย่างต้วนหลิงเทียน ไม่ใช่เซียนอมตะสวรรค์จันทร์ม่วงธรรมดา!

 

“ข้า ถงเจิ้ง ไป่ฟูฉางภายใต้สังกัดของท่านแม่ทัพต้วนหลิงเทียน มีพลังฝึกปรืออยู่ในขอบเขตเซียนอมตะสวรรค์จันทร์ม่วง…แต่ต่อหน้าการลงมือของท่านแม่ทัพต้วนหลิงเทียน ข้าไม่มีแม้แต่โอกาสจะต้านทาน! ถูกซัดจนบาดเจ็บหนักในกระบวนเดียว!!”

 

“หากท่านแม่ทัพต้วนหลิงเทียนเป็นเพียงเซียนอมตะสวรรค์จันทร์ม่วงธรรมดาๆ…ท่านจะมีพลังฝีมือกล้าแข็งถึงเพียงนี้เชียวหรือ!?”

 

ไป่ฟูฉางที่ถูกต้วนหลิงเทียนซัดจนบาดเจ็บก่อนหน้า ไม่รู้สึกละอายแม้แต่น้อยที่ออกมาประกาศเรื่องถูกต้วนหลิงเทียนซัดทำร้ายอย่างไร้หนทางตอบโต้แบบนี้ มันทำเพื่อกู้ชื่อเสียงให้ต้วนหลิงเทียน!!

 

ภายใต้การพยายามแก้ข่าวของทหารใต้บัญชาของต้วนหลิงเทียน ในที่สุดเหล่าทหารในกองทัพมังกรดำก็เริ่มเชื่อ…

 

ต้วนหลิงเทียนไม่ใช่เซียนอมตะสวรรค์จันทร์ม่วงธรรมดาๆ!

 

บางคนยังเชื่ออีกด้วยว่า…

 

พลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนไม่ได้ต้อยต่ำไปกว่าเจี่ยนชิวผิง แม่ทัพของกองทัพมังกรดำที่มีพลังฝีมืออ่อนด้อยที่สุดในบรรดาแม่ทัพ!

 

และพอข่าวเรื่องนี้แพร่ไปถึงหูเจี่ยนชิวผิงหน้ามันก็เปลี่ยนเป็นเขียวปั๊ด แลดูไม่ได้!

 

“พวกสวะนั่น…คิดว่าการแพร่ข่าวเท็จมากลบข่าวแบบนี้จะช่วยให้ต้วนหลิงเทียนนั่นมันนั่งตำแหน่งแม่ทัพได้อย่างราบรื่นหรือไร?”

 

“ถึงแม้ตอนนี้พวกมันจะคิดว่าข้าด้อยกว่าต้วนหลิงเทียนก็ช่างหัวพวกมัน! อย่างมากหลังข้าพ่ายแพ้ฉินอวี่และถูกฉินอวี่ชิงตำแหน่งแม่ทัพไป ข้าก็แค่ไปท้าต้วนหลิงเทียนนั่นด้วยตัวเอง ถึงตอนนั้นต้วนหลิงเทียนนั่นก็ไม่มีทางนั่งตำแหน่งประมุขได้อีกต่อไป!!”

 

“อีกทั้งพอถึงตอนนั้น…เมื่อข้ากลายเป็นแม่ทัพที่พวกเจ้ากล้าปรามาสเมื่อไหร่…ก็คอยดูว่าข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร!!”

 

พอนึกถึงเรื่องนี้แววตาของเจี่ยนชิวผิงก็ลุกโชนขึ้นมาดั่งเพลิงไฟ แทบรอไม่ไหวอยากรีบไปท้าชิงและแทนที่ต้วนหลิงเทียนและกลายเป็นแม่ทัพคนใหม่ของเหล่าทหารใต้บัญชาของต้วนหลิงเทียน! จะได้จัดการพวกที่กล้าแพร่ข่าวลวงให้สาสมใจ!!

 

ในกองทัพมังกรดำ ไม่ใช่เรื่องยากแม้แต่น้อยหากแม่ทัพคิด ‘ดูแล’ ทหารใต้คำสั่ง!

 

ในขณะที่เจี่ยนชิวผิงบังเกิดความคิดดังกล่าว ข่าวอันน่าประหลาดใจก็เริ่มแพร่ออกมาจากสถานที่ๆเหล่าทหารใต้บัญชาของเจี่ยนชิวผิงตั้งค่าย…

 

“ไป่ฟูฉางฉินอวี่ ออกจากการปิดด่านบ่มเพาะแล้ว…พอออกมาได้ไม่ทันไร ก็ประกาศท้าทายชิงตำแหน่งกับแม่ทัพเจี่ยนชิวผิงทันที!”

 

เมื่อข่าวจากค่ายพักทหารเริ่มแพร่ออกไปเป็นวงกว้าง ไม่นานก็มีคนมารายงานเจี่ยนชิวผิงให้รับทราบ!

 

“ฉินอวี่!!”

 

ทันใดนั้นหน้าเจี่ยนชิวผิงก็จมลงทันใด แววตายังเผยโทสะลุกโชนปานเพลิงไฟ!

 

“แม้แต่เจ้า…ก็คิดว่าข้าด้อยกว่าต้วนหลิงเทียนงั้นเหรอ!? คิดว่าข้าคนนี้อ่อนด้อยยิ่งกว่าเซียนอมตะสวรรค์จันทร์ม่วงแล้วจริงๆ!?”

 

เจี่ยนชิวผิงโมโห ยังโมโหหนักมาก!!

 

เมื่อเจี่ยนชิวผิงได้เจอฉินอวี่ มันก็ยิคำถามดังกล่าวออกไปทันที

 

ฉินอวี่กล่าวตอบออกมาด้วยน้ำเสียงท่าทางไม่นอบน้อมไม่ถือดี “ท่านแม่ทัพ ข้าได้เอ่ยท้าประลองชิงตำแหน่งกับท่านทันทีที่ข้าออกจากการปิดด่านบ่มเพาะ…ตอนนั้นข้าไม่ทันได้ยินเรื่องราวของแม่ทัพต้วนหลิงเทียนด้วยซ้ำ…”

 

ฉินอวี่มีรูปลักษณ์เป็นชายหนุ่มร่างสูงสมส่วน หน้าตาหล่อเหลาเอาเรื่อง ด้วยชุดเกราะสีดำทมิฬที่สวมใส่ ทำให้มันแลดูองอาจกล้าหาญมากขึ้น ยังหนุนเสริมลักษณะไม่ธรรมดาออกมา ให้ความรู้สึกแตกต่างจากเหล่าทหารในทัพมังกรดำคนอื่นชัดเจน

 

และตอนนี้ ฉินอวี่กับเจี่ยนชิวผิงก็กำลังยืนเผชิญหน้ากัน

 

อาณาบริเวณโดยรอบทั้งคู่ ไม่เพียงแต่จะมีทหารใต้บังคับบัญชาของเจี่ยนชิวผิงเท่านั้น ยังมีทหารภายใต้แม่ทัพคนอื่นๆของกองทัพมังกรดำอยู่กันมากหน้าหลายตา

 

เป็นธรรมชาติของผู้คน ที่จะเข้าร่วมชมเรื่องสนุกสนาน

 

ถึงจะเป็นเซียนอมตะแล้วก็หนีไม่พ้น!

 

“ตอนนี้ในเมื่อเจ้าได้รู้แล้ว…เจ้าคิดจะเปลี่ยนใจ และไปท้าประลองกับต้วนหลิงเทียนแทนการท้าประลองกับข้าหรือไม่?”

 

เจี่ยนชิวผิงมองฉินอวี่ตาเขม็งกล่าวถามออกไปเสียงเข้ม โทสะที่แฝงในน้ำเสียงก่อนหน้าจางหายไปหลายส่วน

 

ตอนนี้มันคิดว่าการเกลี้ยกล่อมให้ฉินอวี่ล้มเลิกความตั้งใจในการท้าทายมัน ไปท้าต้วนหลิงเทียนแทนย่อมดีกว่าที่ตัวมันต้องมาแพ้พ่ายต่อหน้าทุกคน…

 

ด้วยเหตุนี้โทสะในใจของมันจึงลดลงครึ่งหนึ่ง

 

อย่างไรก็ตามสิ่งที่มันคิดไม่ถึงก็คือ…

 

ฉินอวี่ไม่คิดจะทำตามคำชี้นำของมัน!

 

“เรื่องนั้นไม่จำเป็น”

 

ฉินอวี่เหลือบมองไปยังเจี่ยนชิวผิงด้วยสายตาสงบ กล่าวออกเสียงเบา “แม่ทัพ…ข้าไม่คิดไปอยู่ในที่ๆข้าไม่คุ้นเคย…ข้าคิดว่าการเป็นแม่ทัพของเหล่าพี่น้องในอดีตย่อมดีกว่า”

 

“เช่นนั้น ข้าจึงคิดที่จะท้าทายท่านเหมือนเดิม…”

 

น้ำเสียงท้ายประโยคของฉินอวี่ยามกล่าว ยังหนักแน่นนัก!

 

และในขณะที่ทุกสายตาของทหารกองทัพมังกรดำโดยรอบจับจ้องไปยังเจี่ยนชิวผิง รอให้เจี่ยนชิวผิงรับคำท้าและทำการประมือกับฉินอวี่…

 

กลับเกิดเรื่องที่พวกมันไม่คิดไม่ฝันขึ้น…!

 

“ดี! ดี! ดีมาก!!”

 

เป็นเจี่ยนชิวผิงมองฉินอวี่ด้วยสายตาเยียบเย็น กล่าวออกเสียงเข้มว่า “ในเมื่อเจ้าอยากชิงตำแหน่งแม่ทัพของข้านัก… เห็นแก่ความตั้งใจอันดีที่อยากดูแลทหารใต้บังคับบัญชาของข้าต่อ เช่นนั้นจากนี้ไปเจ้าก็ดำรงตำแหน่งแม่ทัพแทนข้าเถอะ!”

 

ทันทีที่เจี่ยนชิวผิงกล่าวประโยคนี้ออกมา ฉินอวี่ก็อดอึ้งไปไม่ได้

 

เพราะเท่าที่มันรู้…

 

ถึงเจี่ยนชิวผิงจะรู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน แต่ด้วยความถือดีของเจี่ยนชิวผิง จะให้ยอมแพ้โดยไม่ต้องสู้แบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย!

 

อย่างไรก็ตาม…ตอนนี้เจี่ยนชิวผิงกลับยอมแพ้โดยไม่สู้แล้วจริงๆ!

 

ดังนั้นมันจึงดึงสติกลับมาได้ในเวลาอันสั้น มองจ้องเจี่ยนชิวผิงเล็กน้อยค่อยพยักหน้ากล่าวว่า “เช่นนั้นข้าต้องขอขอบคุณท่านแม่ทัพ…ไม่สิจากนี้ไปข้าต้อเรียกเจ้าว่านายกองเจี่ยนชิวผิง…”

 

เนื่องจากเจี่ยนชิวผิงยอมจำนน ฉินอวี่จึงขึ้นมาแทนตำแหน่งของมัน กลายเป็นแม่ทัพคนใหม่

 

ส่วนเจี่ยนชิวผิงก็ถูกลดขั้นลงกลับกลายไปเป็นไป่ฟูฉาง…นายกองผู้คุมทหารหนึ่งร้อยนาย!

 

ในขณะที่กลุ่มคนกำลังตกใจกับการยอมจำนนหน้าตาเฉยของเจี่ยนชิวผิงนั้น…

 

“ข้าเจี่ยนชิวผิงขอประกาศ! ข้าจะขอท้าแม่ทัพต้วนหลิงเทียนเพื่อชิงตำแหน่งแม่ทัพวันนี้!!”

 

เสียงเย็นชาแฝงความเกรี้ยวกราดของเจี่ยนชิวผิง ระเบิดออกมาดังลั่น!!