ตอนที่ 2,600 : หุบเขาเทพสงคราม
ถึงแม้เจี่ยนชิวผิงจะมีพลังฝีมืออ่อนด้อยที่สุดในบรรดาแม่ทัพของกองทัพมังกรดำ
แต่จะอย่างไรมันก็คือแม่ทัพคนหนึ่งของกองทัพมังกรดำ และเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตจินเซียนอันแข็งแกร่ง!
ด้วยเหตุนี้ถึงแม้ทหารของกองทัพมังกรดำจะไม่ได้สนิทสนมอะไรกับเจี่ยนชิวผิงเป็นพิเศษ แต่ก็เคยได้ยินข่าวและเรื่องราวของอีกฝ่ายมาบ้าง ทำให้ทราบลักษณะนิสัยใจคอดี…
“คนอย่างเจี่ยนชิวผิง…ต่อให้มันจะรู้ดีว่าไม่ใช่คู่มือฉินอวี่ แต่ข้าเกรงว่ามันคงไม่เอ่ยปากยอมแพ้โดยไม่สู้แบบนี้ง่ายๆหรอกนะ?”
“นั่นสิ นี่ไม่เหมือนนิสัยของมันเลย…”
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่…ไฉนข้ารู้สึกราวับมันเปลี่ยนไปเป็นคนละคน”
…
พอทราบว่าเจี่ยนชิวผิงยอมแพ้ฉินอวี่ตั้งแต่ยังไม่ได้สู้ และส่งมอบตำแหน่งแม่ทัพออกไปแต่โดยดี เหล่าทหารกองทัพมังกรดำหลายคนก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ
บางคนคิดว่าใช่ตัวเองได้ยินอะไรผิดไปหรือไม่ บ้างก็คิดว่าเหมือนฝันไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าทหารใต้บัญชาการของเจี่ยนชิวผิง ซึ่งตอนนี้กลายเป็นผู้ใต้บัญชาของฉินอวี่ไปแล้ว ยามมองไปยังเจี่ยนชิวผิงเบื้องหน้าอีกครั้ง พวกมันก็รู้สึกแปลกประหลาดนัก!
ทำราวกับพึ่งเคยเห็นเจี่ยนชิวผิงเป็นครั้งแรก
เพราะเมื่อเทียบกับเหล่าทหารใต้บัญชาแม่ทัพคนอื่นแล้ว พวกมันคุ้นเคยกับเจี่ยนชิวผิงมากกว่า
ด้วยเหตุนี้พวกมันถึงกับอึ้งไปทันที เมื่อเห็นเจี่ยนชิวผิงกล่าวยอมแพ้ออกมาง่ายๆ…
“แต่…หลังยอมแพ้และส่งมอบตำแหน่งแม่ทัพให้ฉินอวี่ มันกลับประกาศท้าทายแม่ทัพคนใหม่ของกองทัพมังกรดำเราอย่างแม่ทัพต้วนหลิงเทียนออกมาทันที…หรือเรื่องยอมแพ้โดยไม่ต้องสู้กับการท้าทายครั้งนี้จะเกี่ยวพันกัน?”
“อาจเป็นได้! บางทีเจี่ยนชิวผิงคิดเก็บแรงเอาไว้สู้กับต้วนหลิงเทียนในสภาพสมบูรณ์พร้อม…เพราะสุดท้ายแล้วถึงแม้จะรู้แต่แรกว่าอย่างไรก็ต้องพ่ายแพ้ฉินอวี่ แต่หากต่อสู้กันจริงๆไหนเลยจะไม่บาดเจ็บได้”
“ฟังที่เจ้าพูดแล้ว…ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นจริงๆ”
“เช่นนั้นพูดไป…นับว่าการลงมือครั้งนี้ของเจี่ยนชิวผิงก็ฉลาดยิ่ง ไม่เพียงแต่จะรักษาสภาพร่างกายไม่ต้องไปสิ้นเปลืองเรี่ยวแรง ยังสามารถท้าต้วนหลิงเทียนชิงตำแหน่งแม่ทัพได้ทันที!”
“ชิงตำแหน่งแม่ทัพได้ทันที? กล้าวเช่นนี้หมายความว่าอะไร? หรือจะบอกว่าพลังฝีมือต้วนหลิงเทียนสู้เจี่ยนชิวผิงไม่ได้เลย? ถึงจะต้องสู้กันจริงๆ แต่เจี่ยนชิวผิงก็ไม่ใช่ไม่มีโอกาสแพ้มิใช่หรือไร?”
“พอดีข้าได้ยินมาว่า…ต้วนหลิงเทียน แม่ทัพคนใหม่ของพวกเรายังมีพลังฝึกปรือแค่เซียนอมตะสรรค์จันทร์ม่วงเท่านั้น คงยากจะเทียบกับเจี่ยนชิวผิงได้!”
“หืม? ทำไมที่เจ้าได้ยินมา มันต่างจากข้าเล่า?”
…
ฟังที่เหล่าทหารของกองทัพมังกรดำคุยกันแล้ว ดูเหมือนตอนนี้เสียงจะแตกออกเป็น 2 เสียง
หนึ่งนั้นคิดว่าต้วนหลิงเทียนที่เป็นแค่เซียนอมตะสวรรค์จันทร์ม่วง สมควรพ่ายแพ้เจี่ยนชิวผิงได้อย่างง่ายดาย สุดท้ายก็ต้องเสียตำแหน่งแม่ทัพให้เจี่ยนชิวผิงแน่ๆ
ส่วนอีกฝ่ายเชื่อว่าต้วนหลิงเทียนไม่ใช่เซียนอมตะสวรรค์จันทร์ม่วงธรรมดาๆ และพลังฝีมือไม่อ่อนด้อยไปกว่าเจี่ยนชิวผิงแม้แต่น้อย เรื่องีท่คิดท้าแล้วชิงตำแหน่งแม่ทัพมาง่ายๆ ก็ไม่ต่างอะไรจากฝันละเมอ!
อย่างว่า…
ที่ไหนมีคน ที่นั้นมีการโต้เถียง
ที่ไหนมีคน ที่นั่นมียุทธจักร!
วันนี้ค่ายทัพมังกรดำถูกชะตากำหนดไว้ให้ต้องคึกคัก
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ฉินอวี่ก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งแม่ทัพแทนเจี่ยนชิวผิง
หรือเรื่องที่เจี่ยนชิวผิงยอมแพ้ทั้งส่งมอบตำแหน่งแม่ทัพให้ฉินอวี่ทันทีโดยไม่มีการต่อสู้ใดๆเกิดขึ้น
แม้กระทั่งเรื่องที่หลังส่งมอบตำแหน่งให้ฉินอวี่แล้ว เจี่ยนชิวผิงก็ประกาศออกมาดังลั่นว่าจะท้าชิงตำแหน่งแม่ทัพของต้วนหลิงเทียนที่พึ่งเป็นแม่ทัพคนใหม่ได้หยกๆ…
กล่าวได้ว่าทั้ง 3 เหตุการณ์ได้ถูกเล่ากันปากต่อปาก แป๊บเดียวก็แพร่ไปทั่วทั้งค่ายทัพมังกรดำ!
“ตัวบัดซบเจี่ยนชิวผิงนั่นมันท้าท่านแม่ทัพต้วนของพวกเราทันทีที่ยอมแพ้ฉินอวี่? นี่มันคิดว่าท่านแม่ทัพต้วนของพวกเราเป็นแค่เซียนอมตะสวรรค์จันทร์ม่วงจริงๆเช่นนั้นเหรอ?!”
“ฮึ่ม! ด้วยพลังฝีมือของท่านแม่ทัพที่เผยออกตอนนั้น…พลังฝีมือท่านมิได้อ่อนด้อยกว่าเจี่ยนชิวผิงแม้แต่นิดเดียว! ถึงข้าจะไม่กล้ารับรองว่าท่านแม่ทัพเราเอาชนะมันได้แน่ๆ แต่ไม่ใช่ปัญหาแน่นอนหากคิดจะต่อสู้ลากถ่วงเจี่ยนชิวผิงให้ผลออกมาเสมอ!”
“ใช่แล้ว ถึงผลจะออกมาเสมอ…แต่ตามกฏของกองทัพมังกรดำเรา เจี่ยนชิวผิงก็มิอาจชิงตำแหน่งของท่านแม่ทัพเราและกลายเป็นแม่ทัพของพวกเราได้!”
…
หลังได้เห็นพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนไปแล้ว เหล่าทหารกองทัพมังกรดำใต้สังกัดต้วนหลิงเทียนก็มั่นใจในตัวต้วนหลิงเทียนอย่างมาก ไม่มีใครคิดว่าต้วนหลิงเทียนจะพ่ายแพ้ให้เจี่ยนชิวผิงสักคน!
“ฮึ่ม!”
ในขณะเหล่าทหารใต้สังกัดของต้วนหลิงเทียนกำลังจะเดินทางกลับค่ายพัก ก็มีเสียงสบถเยียบเย็นก็ดังขึ้นไปทั่วหุบเขา พาลให้พวกมันรู้สึกแก้วหูสะเทือนอยู่บ้าง
“นี่มัน…เสียงเจี่ยนชิวผิง!”
“มันเป็นอะไรของมันอีก?”
…
หลายคนที่ไดยินเสียสบถ ก็บอกได้ทันทีว่าเสียงใคร
“ไอ้พวกสวะ! พวกเจ้ากล้าแพร่ข่าวปลอมงั้นเหรอ?กล้าพูดว่าพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนไม่ได้ง่ายดายเหมือนดั่งเซียนอมตะสวรรค์จันทร์ม่วงทั่วไป ทั้งไม่ได้อ่อนแอไปกว่าข้า!? รอให้ข้าชิงตำแหน่งแม่ทัพของต้วนหลิงเทียนมาได้ก่อน คอยดูไปเถอะว่าข้าจะจัดการพวกสวะเจ้าอย่างไร…”
เหล่าทหารกองทัพมังกรดำใต้สังกัดต้วนหลิงเทียน พอได้ยินเสียงสบถเยียบเย็นของเจี่ยนชิวผิงจากฟากฟ้าก่อนที่พวกมันจะกลับค่ายพัก ที่สำคัญน้ำเสียงวาจายังเกรี้ยวกราดมากอาฆาต!
พวกมันก็อดตกใจไม่ได้!
“ข้า ไป่ฟูฉาง เจี่ยนชิวผิง…ขอท้าประลองชิงตำแหน่งแม่ทัพกับแม่ทัพต้วนหลิงเทียน ที่หุบเขาเทพสงคราม!”
เสียงของเจี่ยนชิวผิงดังขึ้นอีกรอบ
อย่างไรก็ตาม รอบนี้เสียงของเจี่ยนชิวผิงได้ผสานไว้ด้วยพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดอันแข็งแกร่ง
ทำให้ทันทีที่มันกล่าววาจาประโยคนี้ออกมา ผู้คนของกองทัพมังกรดำทั้งหมดที่อยู่ในค่าย และไม่ได้ปิดด่านบ่มเพาะ ล้วนได้ยินคำประกาศของมันกันถ้วนหน้า…!
“เจี่ยนชิวผิง? ไป่ฟูฉาง?”
“หืม…มันกลายไปเป็นไป่ฟูฉางตั้งแต่เมื่อไหร่ ข้าพึ่งเจอกับมันหยกๆ…”
ในหุบเขาอันเป็นที่ตั้งกระโจมหลักของกอัทพมังกรดำ ปรากฏร่างแม่ทัพหู่จี๋และแม่ทัพไช่เหวินอวี้เดินออกมาจากกระโจม
ตอนนี้สีหน้าของทั้งคู่แลดูว่างเปล่านัก
“เมื่อ 2 เค่อที่แล้ว…เจี่ยนชิวผิงถูกฉินอวี่ท้าทาย สุดท้ายเจี่ยนชิวผิงก็ยอมแพ้ฉินอวี่โดยไม่สู้ ทำให้ฉินอวี่เป็นแม่ทัพแทนมัน”
“ตอนนี้เจี่ยนชิวผิงจึงเป็นแค่ไป่ฟูฉาง”
ร่างล่าสุดที่เดินออกมาจากกระโจมพลางกล่าวบอกเรื่องราวไม่ใช่ใครอื่น เป็นผู้บัญชาการกองทัพมังกรดำ เฉินเฉวียนป้า
“ใต้เท้าผู้บัญชาการ!”
“ใต้เท้าผู้บัญชาการ!”
เมื่อหู่จี๋กับไช่เหวินอวี้เห็นเฉินเฉวียนป้า พวกมันก็ทำความเคารพทันที
หลังทำความเคารพเฉินเฉวียนป้าเสร็จแล้ว พวกมันก็หันหน้ามองกันเองก่อนจะเห็นถึงความตกตะลึงทั้งเหลือเชื่อ
อย่างไรพวกมันก็เป็นแม่ทัพมานาน เช่นนั้นจึงรู้นิสัยใจคอของเจี่ยนชิวผิง
ด้วยนิสัยของเจี่ยนชิวผิงต่อให้รู้ว่าไม่ใช่คู่มือฉินอวี่ แต่มันก็ไม่มีทางออกปากยอมแพ้แบบนี้เด็ดขาด!
“มีคนบอกว่าที่เจี่ยนชิวผิงมันกล่าวยอมแพ้แบบนี้ อาจเพราะคิดออมแรงไว้ประลองกับต้วนหลิงเทียน และก็ไม่ผิดจริงๆ เพราะตอนนี้มันประกาศออกมาทั่วค่ายมังกรดำ ท้าต้วนหลิงเทียนไปสู้ชิงตำแหน่งแม่ทัพที่หุบเขาเทพสงคราม”
เฉินเฉวียนป้าคล้ายอ่านใจหู่จี๋กับไช่เหวินอวี้ออก จึงกล่าวเพื่อไขข้อสงสัยของพวกมันทั้งคู่ออกมา
“หากคิดออมแรงไว้ก็เป็นไปได้”
หู่จี๋พยักหน้า
“ไม่ใช่ว่า…เจ้าหนุ่มนั่นมันก็เป็นแค่เซียนอมตะสวรรค์จันทร์ม่วงหรือไร มันถึงกับต้องออมแรงอะไรแบบนี้เลยหรือ?”
ขณะกล่าวประโยคนี้ ไช่เหวินอวี้ก็หันไปมองกระโจมที่เคยเป็นของหวงจี่ปิ่ง แต่ตอนนี้เป็นของต้วนหลิงเทียนไปแล้ว ด้วยสายตาดูแคลน
“ใต้เท้าผู้บัญชาการ”
ปรากฏร่างออกมาจากกระโจมแม่ทัพอีกหลัง เป็นจ้าวต่งชิ่งหน้านิ่ง มันเร่งเข้ามาทำความเคารพเฉินเฉวียนป้าก่อน ค่อยหันไปมองกระโจมต้วนหลิงเทียน
และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่จ้าวต่งชิ่งหันมามอง
พั่บ!
ม่านกระโจมดังกล่าวถูกเลิกขึ้น ก่อนจะปรากฏร่างในชุดสีม่วงค่อยๆก้าวอาดๆออกมาปรากฏตัวต่อหน้าเฉินเฉวียนป้า และแม่ทัพของกองทัพมังกรดำทั้ง 3
ผู้ที่พึ่งก้าวออกมาจากกระโจมก็คือ ต้วนหลิงเทียน ที่พึ่งตื่นขึ้นมาจากการบ่มเพาะเพราะเสียงท้าของเจี้ยนชิวผิงที่ดังลงมาจากฟากฟ้าเมื่อครู่
ในเมื่อเจี่ยนชิวผิงมาถึงประตูบ้านเช่นนี้ เขาก็ไม่อาจนั่งเฉยอยู่ได้!
อย่างไรก็ดี คราวนี้จะให้คนที่ดูแคลนเขาเห็นกันชัดๆ
ว่าอาศัยความแข็งแกร่งของเขา ต้วนหลิงเทียน มากเกินพอจะเป็นแม่ทัพของกองทัพมังกรดำ!
“ผู้บัญชาการเฉิน”
“แม่ทัพจ้าว”
หลังต้วนหลิงเทียนออกมา เขาก็ทักทายเฉินเฉวียนป้ากับจ้าวต่งชิ่งด้วยรอยยิ้ม
สำหรับแม่ทัพอีก 2 คน เขาเพียงเหลือบมองไปด้ยสายตาเฉยเมยพยักหน้าให้เบาๆ ถือเป็นการทัก
“ต้วนหลิงเทียน!”
และแทบจะทันทีที่ต้วนหลิงเทียนทักทายเสร็จ ไช่เหวินอวี้ก็มองจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าถมึงทึง กล่าวออกมาเสียงแข็งว่า “เจ้าถึงกับกล้าเรียกใต้เท้าผู้บัญชาการว่าผู้บัญชาการเฉินห้วนๆ…หรือต่อหน้าใต้เท้าผู้บัญชาการเจ้ามิอาจเรียกหาว่า ‘ใต้เท้า’ ได้?”
“รู้หรือไม่…ทำเช่นนี้เสมือนเจ้ากำลังดูหมิ่นใต้เท้าผู้บัญชาการ!”
กล่าวถึงท้ายประโยคน้ำเสียงของไช่เหวินอวี้ก็ดุร้ายเอาเรื่องนัก!
“แล้วเคารพหรือไม่เคารพผู้บัญชาการเฉิน ขึ้นอยู่กับคำเรียกหาเท่านั้นรึ?”
เผชิญหน้ากับท่าทีดุร้ายเอาเรื่องของไช่เหวินอวี้ ต้วนหลิงเทียนยังคงมีสีหน้าท่าทีสงบไม่แปรเปลี่ยน “แม่ทัพไช่เหวินอวี้ เจ้าคำก็ใต้เท้าผู้บัญชาการสองคำก็ใต้เท้าผู้บัญชาการ ต่อหน้าแลดูเคารพนัก…แต่ผู้ใดจะไปรู้ว่าในใจของเจ้านั้นเคารพผู้บัญชาการเฉินจริงหรือไม่ ไม่แน่เจ้าอาจจะบังเกิดจิตคิดแทนที่ตำแหน่งผู้บัญชาการเฉินอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันก็เป็นได้…”
“เจ้า…อย่าได้กล่าวเหลวไหล!!”
ไช่เหวินอวี้ไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะกล่าวจิกกัดตอบ ทำให้หน้ามันอดเปลี่ยนสีไปไม่ได้ มันมองจ้องต้วนหลิงเทียนตาขวางตะคอกเสียงออกมาด้ววยความหัวร้อนทันที
“ข้าก็แค่พูดเปรียบเปรยไปเรื่อยเท่านั้น ไยแม่ทัพไช่เหวินอวี้ถึงแลดูหัวร้อนนักเล่า…หรือในเจ้าเจ้ามีผี?”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มออกมาบางๆหลังกล่าวจบ หากแต่สายตาที่มองจ้องไช่เหวินอวี้กลับทอประกายวาบหนึ่ง
“เจ้า…เจ้า…”
ในขณะที่ไช่เหวินอวี้คิดจะกล่าวแย้งอะไรออกมา มันก็ถูกเฉินเฉวียนป้าขัดจังหวะเสียก่อน
“เอาล่ะๆ พอได้แล้ว อย่างที่แม่ทัพต้วนหลิงเทียนว่า จะเคารพหรือไม่เคารพข้าไม่ได้อยู่ที่คำเรียกหา…ข้ายังเห็นอีกด้วยว่าแม่ทัพต้วนไม่ได้ดูหมิ่นข้าแต่อย่างไร”
เมื่อเฉินเฉวียนป้า ผู้บัญชาการกองทัพมังกรดำออกตัวเองแบบนี้ ไช่เหวินอวี้ก็ไม่กล้าหาความต่อ
อย่างไรก็ตามสองตามันยังถลึงมองจ้องต้วนหลิงเทียนไม่วาง ลึกลงไปในแววตายังเผยโทสะร้อนแรงปานเปลวเพลิง ปานจะแผดเผาต้วนหลิงเทียนให้เป็นเถ้าถ่าน
ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่แยแสโทสะของไช่เหวินอวี้แม้แต่น้อย เขาเพียงหันไปมองถามเฉินเฉวียนป้าด้วยท่าทางปลอดโปร่งว่า…
“ผู้บัญชาการเฉิน…ไม่ทราบหุบเขาเทพสงครามที่ว่ามันอยู่ที่ไหนหรือ?”