ตอนที่ 2369 คืนสู่จุดเริ่มต้น!

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

จิตใจของชายแก่นั้นสั่นสะท้านอย่างไม่อาจห้าม “หากไม่พูดถึงเรื่องพรสวรรค์ใดๆ แล้วเจ้าหนุ่มคนนี้มันก็นับว่ามีหัวใจที่ไม่ด้อยไปกว่าเฒ่าผู้นี้เลย!”

เหมือนอย่างที่มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลเคยได้บอกไว้ว่าสิ่งสำคัญที่จะทำให้กลายเป็นยอดฝีมือนั้นมันคือนิสัย

การที่ชายแก่คนนี้ก้าวขึ้นมาถึงจุดที่เคยยืนอยู่ได้ กลายเป็นยอดฝีมือผู้บรรลุล้ำสองสุดยอดแนวคิดมันก็แน่นอนว่าตัวเขาย่อมเป็นคนที่มีนิสัยมุ่งมั่นไม่น้อย

แต่เขาไม่นึกไม่ฝันว่าเย่หยวนนั้นกลับจะมีความมุ่งมั่นที่ไม่น้อยไปกว่าตัวเขา!

เขานั้นเข้าใจดีว่าความน่ากลัวของการถูกฉีกเฉือนเป็นหมื่นชิ้นนั้นมันมิใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะรับได้เลย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่ายอดอัจฉริยะทั้งหลายนั้นที่ไม่เคยจะได้ลำบาก มีหรือที่คนเช่นนั้นจะมาทนรับการทรมานเกินมนุษย์เช่นนี้ได้?

ที่สำคัญไปกว่านั้นมันยังไม่ได้จบลงในครั้งเดียว!

มันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก!

เย่หยวนนั้นหวาดกลัวจนถึงขีดสุด ความกลัวของเขานั้นมันทำให้เขาแทบไม่อาจเดินออกได้

แต่ตัวเขานั้นกลับยังมุ่งหน้าเข้าไปหากระแสวนเรื่อยๆ!

ภายในสถานที่แห่งนี้ มันไม่มีคำว่าตาย

แต่ความเจ็บปวดทรมานนี้มันน่ากลัวพันเท่าหมื่นเท่าเหนือกว่าความตาย!

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในที่แห่งนี้มันมิใช่ความตาย แต่เป็นการรับรู้ถึงความตายซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่มีโอกาสจะหนีจากมัน

เย่หยวนนั้นหนีไปจากมันได้หรือไม่?

แน่นอนว่าเขาย่อมทำได้!

แต่เขานั้นกลับเลือกที่จะเผชิญหน้ากับมัน!

ความตายนั้นชินชาได้หรือ?

ไม่มีทาง!

แต่ละครั้งที่เขาตายลงในกระแสวนมิติเวลานี้ ร่างที่ฉีกขาดของเขามันก็จะกระตุ้นความทรงจำที่เจ็บปวดจากความตายครั้งก่อนให้กลับขึ้นมาอีกครั้ง!

มันไม่มีทางใดจะชินชาได้

มันมิใช่แค่ไม่มีทางชินชา แต่ตรงกันข้าม ความกลัวตายนั้นมันจะยิ่งเพิ่งพูนเมื่อเวลาได้ผ่านไปมากขึ้นเรื่อยๆ

เวลานี้ร่างกายของเย่หยวนนั้นมันเปลี่ยนจากสั่นกลายเป็นสะท้านจนแทบจะเหมือนการเต้นรำ

เขานั้นไม่อยากจะสั่นกลัว แต่ร่างกายของเขามันทำออกมาเอง

แต่ละครั้งที่เขาก้าวเข้าไป เขาก็จะต้องใช้กำลังฝีมือที่มีทั้งหมดออกมา

แต่เมื่อเขาก้าวเข้าไปแล้ว เขาก็จะตายลง

จากนั้นก็ได้เกิดใหม่อีกครั้ง

“เด็กน้อย เหตุใดเจ้าจึงต้องฝืนทนทำเรื่องราวจนถึงขั้นนี้ด้วย?” สามวันต่อมาชายแก่นั้นก็อดไม่ได้ต้องถามขึ้น

เย่หยวนยืนอยู่ที่ริมขอบของกระแสพลังก่อนจะหันมาตอบด้วยรอยยิ้ม “ข้านั้นมีเหตุผลที่ต้องแข็งแกร่งขึ้น! มันยังมีคนที่รอคอยให้ข้าไปช่วยเหลือ! แน่นอนว่าข้าย่อมไม่คิดจะปล่อยให้เผ่ามนุษย์ดับสิ้นไปต่อหน้าต่อตาเช่นกัน!”

ชายแก่นั้นตอบกลับมาด้วยใบหน้าเข้าใจ “คนทั้งหลายนั้นคงสำคัญกับเจ้ามากแล้ว”

เย่หยวนพยักหน้า “สำคัญกว่าชีวิตของข้า!”

ชายแก่ถอนหายใจยาว “รักนั้นมันคืออะไรทำให้ผู้คนอยู่ด้วยกันจนตายจาก! เด็กน้อย เจ้านั้นมุ่งมั่นมาก เพียงแค่ว่าเวลาพันปีมันสั้นเกินไป! ด้วยพรสวรรค์ของเจ้านี้เจ้าคงไม่อาจจะบ่มเพาะแนวคิดแห่งมิติเวลาจนบรรลุได้!”

มันมิใช่ว่าเวลาสั้นใดๆ แต่แนวคิดแห่งมิติเวลามันยากจนเกินไป

สมบัติสืบทอดระดับนี้ มีหรือที่มันจะเรียนรู้ได้หมดในเวลาแค่พันปี?

อย่าว่าแต่การบรรลุ แค่ยืนอยู่ในกระแสวนมิติเวลานี้ให้ถึงชั่วโมงมันก็คงยากยิ่งกว่าการขึ้นสวรรค์แล้ว

เย่หยวนนั้นไม่สนใจคำพูดเตือนใดๆ ของชายแก่ก่อนจะหันหน้าเดินเข้าไปอีกครั้ง

แน่นอนว่าผลลัพธ์มันย่อมไม่ได้แตกต่าง

ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เย่หยวนใช้ยืนอยู่นอกกระแสวนมิติเวลามันก็จะยิ่งนานขึ้น

สำหรับเขาแล้วการจะก้าวไปแต่ละก้าวนั้นมันต้องใช้ความกล้ามหาศาล

พริบตาเดียวผ่านไปนั้น เวลาก็ได้ผ่านไปกว่าสามสิบปี!

ระหว่างสามสิบปีมานี้เย่หยวนไม่อาจจะจดจำได้แล้วว่าตนเองตายไปกี่ครา

แต่เขานั้นก็ยังไม่อาจจะอยู่ในกระแสวนมิติเวลาได้นานนัก

หรือก็คือมันไม่มีการพัฒนาใดๆ เกิดขึ้นเลย

สามสิบปีแห่งความล้มเหลวนี้หากคนนอกได้มาเห็นพวกเขาคงคิดว่ามันไร้ค่าใด แต่เย่หยวนไม่คิดเช่นนั้น

สิ่งที่เขาเชื่อถือนั้นคือความพยายามอยู่ที่ใด ความสำเร็จมันต้องเกิดขึ้นได้สักวัน

“เด็กน้อย เจ้ายังอยากจะฝืนทนอีกหรือ? เป็นเช่นนี้ไปจิตของเจ้าคงได้แหลกสลายก่อนแน่! ถึงเวลานั้นต่อให้ร่างของเจ้าจะยังอยู่แต่เจ้าคงได้เป็นคนปัญญาอ่อนไป! เจ้าหนุ่ม ทำไมต้องฝืนทนขนาดนี้ด้วย?” ชายแก่พยายามพูดโน้มน้าว

เย่หยวนยิ้ม “เรื่องราวสวยหรูมันไม่มีจริงในโลกหล้า! ใครที่คิดอยากได้รับสมบัติสืบทอดอันเลิศล้ำนั้นแต่ไม่คิดเสี่ยงตัว มันจะไปมีเรื่องราวสวยหรูเช่นนั้นได้อย่างไรกัน? ผู้อาวุโสท่านไม่ต้องโน้มน้าวใดๆ ข้าหรอก!”

พูดจบเย่หยวนก็กระโดดเข้าไปอีกครั้ง

แต่เท้ายังไม่ทันได้แตะลงเขาก็ต้องก้าวกลับออกมา

เมื่อชายแก่ได้เห็นเช่นนั้น “เด็กน้อย เจ้าคิดยอมแพ้แล้วหรือ? มันมิใช่ว่าบรรพกาลผู้นี้ดูถูกเจ้าใดๆ แต่มันเป็นเพราะว่าเจ้านั้นไม่มีกำลังพอจริง”

แต่เย่หยวนกลับหันมาหาเขาด้วยรอยยิ้มกว้าง “ข้าพอจะเข้าใจได้แล้ว! ขอบคุณผู้อาวุโสท่านมาก!”

สีหน้าของชายแก่นั้นเปลี่ยนสีไปก่อนจะเห็นเย่หยวนกระโดดเข้ากระแสวนอีกครั้ง

แต่ครั้งนี้เย่หยวนไม่ได้ใช้แนวคิดแห่งมิติเวลาใดๆ ออกมา!

เขานั้นกระโดดเข้าไปอย่างไม่คิดใช้พลังใดๆ ทั้งสิ้น

เมื่อเย่หยวนกลับออกมาชายแก่ก็ต้องจ้องมองดูอย่างมึนงง “เจ้าเข้าใจอะไร?”

เขานั้นยังคิดไปถึงขั้นว่าเย่หยวนอาจจะบรรลุหรือใดๆ แต่สุดท้ายมันกลับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

เจ้าเด็กคนนี้มันคิดใช้คำพูดหลอกล่อผู้คนให้ดูเป็นปริศนาหรือ?

เย่หยวนตอบกลับมา “ผู้อาวุโสท่านบอกว่าข้านั้นฝืนรั้นเกินไปและมันก็เป็นเช่นนั้นจริง! ข้านั้นคิดใช้แนวคิดแห่งมิติเวลาของตนออกมาต่อต้านพลังมิติเวลาของกระแสวนตลอดมา แต่พลังทั้งสองนั้นมันไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลยแม้แต่น้อย จะยังเอาไปบ่มเพาะให้บรรลุใดๆ? ที่สำคัญไปกว่านั้นอย่างที่ท่านผู้อาวุโสว่ามาก่อนหน้า แนวคิดแห่งห้วงมิติของข้ามันเกิดขึ้นมาจากเต๋าดาบ เดิมทีมันก็ไม่ได้เกิดขึ้นมาจากพลังของต้นกำเนิด ข้านั้นใช้เส้นทางปลอมแปลงคิดไปเรียนรู้เส้นทางจริง มีหรือที่มันจะสำเร็จได้? เพราะฉะนั้นข้าจึงได้เปลี่ยนให้แนวคิดแห่งห้วงมิติของข้ากลับเป็นศูนย์ คืนสู่จุดเริ่มต้นเพื่อจะได้สัมผัสถึงพลังที่ยิ่งใหญ่ของกระแสวนมิติเวลาได้อย่างเต็มที่ไม่มีอะไรปิดบัง เช่นนี้… มันย่อมจะเกิดผลลัพธ์อันมหัศจรรย์แล้ว”

พูดไปเย่หยวนก็ก้าวเข้าสู่กระแสวนอีกครั้ง

แต่ถึงจะคิดอะไรได้มากมายเช่นนั้น ร่างกายของเขาก็ยังสั่นไม่หาย

ส่วนอีกด้านตัวชายแก่นั้นได้แต่มองดูอย่างตกตะลึง รู้สึกได้ทันทีว่าเย่หยวนเข้าใจถึงเส้นทางที่ถูกต้องแล้ว!

แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่นึกเหมือนกันว่าที่เย่หยวนไม่อาจจะเรียนรู้อะไรได้เลยมันจะเป็นเพราะว่าเรื่องนี้

แต่เขานั้นกลับได้ไปพูดคลายปมให้เย่หยวนอย่างที่ตัวเองก็ไม่รู้เรื่องราว

แต่จะอย่างไรยิ่งเวลาผ่านไป จิตใจของชายแก่มันก็ยิ่งตื่นตะลึงมากขึ้น

เพราะอย่างไรแนวคิดแห่งห้วงมิติของเย่หยวนนั้นมันก็ถูกบ่มเพาะจนบรรลุขึ้นมาถึงระดับแปด

คนอื่นๆ นั้นหากบ่มเพาะพลังใดขึ้นมาจนถึงระดับแปดได้แล้วพวกเขาก็ย่อมจะคิดแต่ผลักมันให้ก้าวขึ้นถึงต้นกำเนิด

แต่เย่หยวนนั้นกลับไม่คิดยึดติดใดๆ เปลี่ยนทุกอย่างกลับสู่จุดเริ่มต้น มันเป็นวิธีการที่ไม่มีใครที่ไหนในโลกจะคิดใช้!

“หรือว่าเจ้าเด็กคนนี้มันจะเป็นสุดยอดผู้มีพรสวรรค์จริง?” ชายแก่กล่าว

จากนั้นเย่หยวนก็ได้โยนร่างของตัวเองเข้าสู่วังวนแห่งความตายไม่รู้จบอีกครั้ง

จนสุดท้ายแล้วหลังผ่านได้ราวร้อยกว่าปี เย่หยวนก็ก้าวเข้าไปถึงส่วนในของกระแสวนมิติเวลาได้เป็นครั้งแรก!

แต่จะอย่างไรแม้พลังแนวคิดที่ด้านนอกมันจะรุนแรงแค่ไหน มันก็ย่อมไม่มีทางเทียบเคียงกับด้านในกระแสวนได้

เวลานี้เย่หยวนที่เพิ่งก้าวเข้ามาถึงด้านในต้องถูกพลังของกระแสวนมิติเวลานั้นปั่นลงจนเป็นผง

แต่ด้านชายแก่นั้นกลับกำลังอ้าปากค้างเหมือนได้เจอเรื่องที่เหนือยจินตนาการ

ชายแก่นั้นร้องกล่าวขึ้นมา “เขากลับเข้าไปได้! นี่มัน… นี่มันเพิ่งผ่านไปได้แค่ร้อยกว่าปีเองนะ!”

เมื่อกลับมาเกิดได้อีกครั้งใบหน้าของเย่หยวนนั้นมันก็เปี่ยมล้นไปด้วยความตื่นเต้น

เวลาเวียนว่ายตายเกิดกว่าร้อยปีนี้มันย่อมจะมีความตายแต่ละวันมากมายอย่างนับไม่ถ้วน!

เรื่องราวเช่นนี้แม้จะเป็นเย่หยวนก็ยังรู้สึกกลัวขึ้นมาได้

แต่เขานั้นกลับผ่านมาได้!

ความเจ็บปวดอันไร้สิ้นสุดนั้นมันคุ้มค่าแล้ว!

“ฮ่าๆๆ… เข้าได้แล้ว! ผู้อาวุโส ข้าต้องขอบคุณท่านจริงๆ! หากไม่ได้ท่านแล้วข้าคงไม่อาจจะเข้าไปถึงตัวกระแสวนมิติเวลาได้ทั้งชีวิต!” เย่หยวนกล่าว

แต่ใบหน้าของชายแก่นั้นมันเหยเก

‘ข้าไปทำอะไร?’

‘ไม่ได้ทำอะไรเลย!’

‘เจ้าเด็กคนนี้มันคงไม่ได้คิดพูดประชดผู้คนหรอกใช่หรือไม่?’

……………