ตอนที่ 2370 มหาบรรพกาลมิติเวลา!

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

หลังจากช่องว่างนี้ถูกเปิดออกมา ทุกสิ่งอย่างมันก็ย่อมจะค่อยพัฒนาไปได้

แม้ว่าการบ่มเพาะทำความเข้าใจแนวคิดแห่งมิติเวลามันจะช้ามากแต่เย่หยวนก็ยังคงพัฒนาได้อย่างไม่หยุดยั้ง

เป็นเวลานี้เองที่เย่หยวนได้เข้าใจว่ากระแสวนมิติเวลานี้มันคือเศษเสี้ยวของแนวคิดที่มาอยู่รวมกันภายใต้พลังเหนี่ยวรั้งที่ล้นเหลือ

แนวคิดแห่งกาลเวลาที่เขาบ่มเพาะจนบรรลุขึ้นมาในมิติสงครามดึกดำบรรพ์นั้นมันเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวเล็กน้อยที่กระจายออกมาจากเจ้ากระแสวนมิติเวลานี้

แค่นั้นมันก็มากพอจะบรรยายถึงความน่ากลัวของพลังกระแสวนมิติเวลานี้แล้ว!

หากเขาสามารถที่จะเรียนรู้บ่มเพาะจนบรรลุทุกสิ่งอย่างในกระแสวนมิติเวลานี้ได้สิ้นแล้ว เย่หยวนคงได้กลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในมหาพิภพถงเทียนไปทันที!

แม้แต่ตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ก็คงต้องเรียกเขาว่าผู้อาวุโสอย่างเคารพ

แต่การจะก้าวขึ้นไปให้ถึงจุดนั้น ต่อให้จะเป็นเย่หยวนนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลย

หนทางนี้มันช่างยาวไกล

อย่างที่ชายแก่นั้นว่า แค่เข้าไปอยู่ในกระแสวนมิติเวลานี้ได้สักชั่วโมงมันก็นับว่าเป็นความสำเร็จหนึ่งได้แล้ว

ยิ่งเวลาผ่านไปนานวันเข้า เย่หยวนก็ยิ่งเข้าใจได้ว่าแนวคิดแห่งห้วงมิติที่ตัวเองเคยรู้นั้นมันช่างอ่อนแอ

เพราะแนวคิดแห่งห้วงมิติของเขานี้มันเกิดขึ้นมาจากเต๋าดาบ

เพราฉะนั้นสิ่งที่เขาเข้าใจและใช้ได้มันจึงเป็นแนวคิดแห่งห้วงมิติที่เอาไว้ใช้กับเต๋าดาบเท่านั้น

เพราะฉะนั้นความเข้าใจต่อแนวคิดแห่งห้วงมิติของเย่หยวนมันจึงมีไว้เพื่อเสริมพลังเต๋าดาบเท่านั้น

แต่ในความเป็นจริงตัวแนวคิดแห่งห้วงมิติมันเหนือล้ำกว่าเต๋าดาบไปมาก!

หากไม่มีมิติแล้วทุกๆ พลังแนวคิดมันย่อมจะเป็นเหมือนต้นที่ไร้รากยึดเกี่ยว

ไม่มีแนวคิดใดเกิดขึ้นได้โดยปราศจากมิติ

ด้วยเหตุนี้เองแนวคิดแห่งห้วงมิติมันถึงถูกยกย่องให้เป็นสุดยอดแนวคิด

แนวคิดแห่งกาลเวลาเองก็เช่นกัน

ซึ่งมันก็หมายความว่าแนวคิดแห่งห้วงมิติที่เย่หยวนรู้นั้นมันเป็นแค่ส่วนน้อยๆ ของแนวคิด ไม่ใช่ทุกสิ่งอย่าง

มันอาจจะดูสูงส่ง แต่แท้จริงแล้วมันกลับกลวงไร้เนื้อใน

เย่หยวนนั้นไม่ได้เข้าใจถึงรากฐานพลังแนวคิดแห่งห้วงมิติใดๆ เพราะฉะนั้นมันย่อมจะไม่มีทางก้าวขึ้นไปถึงพลังระดับต้นกำเนิดได้

แน่นอนว่าสำหรับยอดอัจฉริยะในยุคสมัยนี้ ความเข้าใจเพียงแค่นี้มันก็มากพอ

ยิ่งผ่านเวลาไปนานวันเข้า เย่หยวนก็ยิ่งบ่มเพาะเข้าใจแนวคิดแห่งมิติเวลาได้มากขึ้นจนทำให้พลังของมิติและเวลาที่เย่หยวนควบคุมมันพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ

มันเหมือนกับว่าเย่หยวนนั้นได้เริ่มเรียนรู้แนวคิดแห่งห้วงมิติขึ้นมาใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง

พื้นฐานของเขานั้นมันมีอยู่ก่อนแล้ว กอปรกับความสามารถในการทำความเข้าใจของเขานั้น ในปีที่แปดร้อย ในที่สุดเย่หยวนก็พัฒนามันกลับมาอยู่ในระดับแปดได้อีกครา

และเย่หยวนนั้นเองก็ได้พัฒนาด้านแนวคิดแห่งกาลเวลาขึ้นมาไม่น้อย เวลานี้เขาได้พัฒนาอัตราสัดส่วนจากหนึ่งต่อห้าเป็นหนึ่งต่อสามสิบได้แล้ว

การเปลี่ยนแปลงนี้มันทำให้ชายแก่นั้นต้องเบิกตาค้างขึ้นมา

“เจ้าเด็กคนนี้มันมากพรสวรรค์ปานนี้ได้อย่างไรกัน? ต่อให้จะเป็นเหล่าอัจฉริยะในยุคของข้านั้นเองมันก็ไม่มีทางใดที่จะบ่มเพาะแนวคิดแห่งมิติเวลาได้ถึงขั้นนี้ด้วยเวลาแค่แปดร้อยปี!”

เป็นเวลานี้เองที่ชายแก่เริ่มได้เข้าใจว่าตนนั้นมองเย่หยวนผิดไป

ก่อนหน้าเขานั้นยังคิดว่าเย่หยวนนั้นมีพรสวรรค์ทั่วๆ ไปแต่เมื่อได้มาเห็นกับตาเช่นนี้แล้วเขาจึงได้รับรู้ว่าคำพูดกล่าวของตัวเองก่อนหน้านั้นมันน่าขันสักแค่ไหน

แต่เขาก็ยังคงตื่นตะลึงสุดใจ แนวคิดแห่งกาลเวลามันเป็นแนวคิดที่เรียนรู้บ่มเพาะได้ง่ายๆ หรือ?

เขานั้นจึงได้คิดถึงอีกปัญหาหนึ่งขึ้นมา หลังจากเย่หยวนกลับมาเกิดที่ด้านนอกเขาจึงถามขึ้น “เด็กน้อย เจ้าอายุเท่าใด?”

เพราะการที่ก้าวขึ้นมาจนถึงระดับของจักรพรรดิเทพสวรรค์ได้นี้ อายุใดๆ มันย่อมจะมิใช่เรื่องราวใหญ่โตอีก

บางทีแล้วเหล่ายอดฝีมือทั้งหลายที่ก้าวขึ้นมาถึงระดับของจักรพรรดิเทพสวรรค์ หลายต่อหลายคนอาจจะลืมอายุที่แน่ชัดของตนไปแล้วด้วยซ้ำ

พวกเขานั้นถือแสนปีเป็นฤดูใบไม้ผลิ ถืออีกแสนปีเป็นฤดูร้อน ใช้ชีวิตด้วยการนับเวลาเช่นนั้น ใครกันเล่าที่จะมาจำว่าตนเองอายุกี่วันแล้ว?

แต่เย่หยวนนั้นย่อมจำได้ชัดเจน

เย่หยวนตอบกลับไป “ผู้เยาว์มีอายุราวสามพันกว่าปี”

เขานั้นเข้าใจถึงสิ่งที่ชายแก่คิด แต่เขานั้นก็แค่ตอบไปตรงๆ ไม่ได้คิดโอ้อวดใดๆ

แต่คำพูดนี้มันทำให้ชายแก่ต้องอ้าปากค้าง

ชายแก่เบิกตากว้างขึ้นมาอย่างไม่คิดอยากเชื่อ “สาม… สามพันกว่าปี? เจ้าหลอกบรรพกาลผู้นี้แล้ว! เจ้าคิดว่าบรรพกาลผู้นี้เป็นเด็กน้อยอายุสามขวบหรืออย่างไรถึงจะไปเชื่อเรื่องเช่นนั้นได้?”

เย่หยวนยิ้มตอบกลับมาอย่างไม่คิดอธิบายใดๆ ก่อนจะก้าวเข้าไปในกระแสวนมิติเวลาอีกครั้ง

เรื่องราวเช่นนี้ เชื่อก็คือเชื่อ ไม่เชื่อก็คือไม่เชื่อ อธิบายว่าใดๆ ไปมันก็ไร้ค่า

เว้นเสียแต่ว่าร่างกายจริงๆ ของเขาจะมายังที่แห่งนี้ ทำเช่นนั้นชายแก่ก็จะได้เห็นอายุขัยเขากับตา

แต่หากไม่ทำเช่นนั้น อธิบายใดๆ ไปมันก็เสียเวลาเปล่า

แต่ทางด้านชายแก่นั้นกลับเห็นการเมินเฉยนี้เหมือนว่ามันเป็นการโม้โอ้อวด

“เจ้าเด็กคนนี้มันกลับเมินบรรพกาลผู้นี้!” ชายแก่ร้องลั่นขึ้นมาอย่างไม่พอใจ

แต่ไม่นานสีหน้าของเขาก็ต้องเปลี่ยนไป “หากเจ้าเด็กคนนี้มันอายุแค่สามพันจริงเช่นนั้นมันก็คงเป็นยอดสัตว์ประหลาดในหมู่อัจฉริยะที่สุดตั้งแต่กำเนิดมหาพิภพมา! ด้วยความสามารถระดับนี้แล้วการจะขึ้นไปจนถึงระดับของบรรพกาลผู้นี้เองก็คงไม่ยาก! หวังว่ามันจะไม่ได้โกหกข้า!”

เมื่อเย่หยวนกลับมาจากความตายอีกครั้งหนึ่งตัวชายแก่ก็เดินเข้ามาหยุดเย่หยวนไว้ “เด็กน้อย มานั่งคุยกันหน่อยเถอะ!”

เย่หยวนผงะไปเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ารับ

ชายแก่นั้นยอมรับในตัวเขาแล้ว

เพราะจะอย่างไรเสียเวลาก็ผ่านไปได้กว่าแปดร้อยปีแล้วตั้งแต่ที่เขาเข้ามา แต่จนทุกวันนี้เขาก็ยังไม่รู้เลยว่าชายแก่ผู้นี้มีนามว่าอะไร

ดูท่าแล้วในสายตาของชายแก่นั้น เขาคงคิดว่าเย่หยวนไม่มีค่าพอจะรู้นามของเขา

“เฒ่าผู้นี้มีนามว่าซ่างเหิง เป็นหนึ่งในผู้นำของมนุษย์ยุคก่อนและแบกรับฉายามหาบรรพกาลมิติเวลา!” พูดออกมาซ่างเหิงก็ยิ้มขึ้นอย่างภาคภูมิ

ดูท่าแล้วเขาคงภูมิใจกับตำแหน่งฉายานี้มาก

“เหล่าผู้ที่ถูกเรียกว่ามหาบรรพกาลนั้น เจ้าจงเข้าใจเถอะว่าพวกเราคือตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในพันธมิตรหลากเผ่าพันธุ์! พันธมิตรนั้นมีทั้งหมดสิบแปดมหาบรรพกาลและในสงครามสิ้นโลกครั้งนั้นพวกเราทั้งสิบแปดก็ได้ตายลงไป! กระแสวนมิติเวลาตรงหน้าเจ้านี้เองมันก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นมาระหว่างการปะทะของบรรพกาลผู้นี้กับต้นตระกูลบรรพบุรุษสายเลือดสวรรค์ เทียนชิง มันคือวิชาที่มีนามว่าพลิกมิติเวลาโกลาหล บรรพกาลผู้นี้ต่อสู้กับเทียนชิงลำพังและทำร้ายมันได้จนสาหัสก่อนจะส่งมันเข้าไปยังห้วงกระแสมิติเวลา”

“พวกเราทั้งสองนั้นต่างปล่อยวิชาออกมาด้วยทุกอย่างที่มีจนทำให้มหาพิภพถงเทียนแตกแยกออกมาเป็นเสี่ยงๆ! แน่นอนว่าเจ้าพลิกมิติเวลาโกลาหลที่เห็นตรงหน้านี้มันเล็กน้อยเพียงแค่หนึ่งในหมื่นจากพลังของพลิกมิติเวลาโกลาหลจริง ไม่เช่นนั้นแล้วไม่ว่าจะทำอย่างไรเจ้าก็คงเข้าไปภายในไม่ได้”

ซ่างเหิงกล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าเปี่ยมล้นความภาคภูมิ

แม้ว่าเขาจะต้องตาย เขาก็ไม่เสียใจใดๆ

เย่หยวนที่ได้ยินได้ฟังก็ต้องคิดตามอย่างล้ำลึก คำพูดไม่กี่คำนี้มันได้แสดงถึงความน่ากลัวของศึกสงครามในคราก่อนขึ้นมาทันที!

ในหมู่มหาบรรพกาลทั้งสิบแปดของพันธมิตรนั้นมันกลับไม่มีใครรอดชีวิตมา!

เพราะจะอย่างไรเสียมหาบรรพกาลทั้งสิบแปดนั้นมันก็คงเป็นตัวตนที่บรรพกาลในทุกๆ วันนี้ไม่อาจเทียบเคียงได้

แม้จะยังไม่รู้ถึงพลังของคนอื่นๆ นั้นแต่ตัวซ่างเหิงนี้เองก็บ่มเพาะแนวคิดแห่งมิติเวลาทั้งสองอย่างขึ้นไปถึงระดับที่น่ากลัวปานนี้ได้ คิดได้เท่านี้ก็พอเดาออกว่าเหล่ามหาบรรพกาลทั้งสิบแปดนั้นจะเก่งกาจปานใด

ดูท่าแล้วกำลังของพวกเขาทั้งหลายนั้นมันคงไม่ได้อ่อนแอกว่าเต๋าบรรพกาลในยุคนี้เลย!

คนทั้งหลายนั้นต่างล้วนเป็นสุดยอดของที่สุดในด้านพลังฝีมือ ตัวตนที่มีพลังมากล้นอย่างไม่อาจจินตนาการ

แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นทางฝ่ายพันธมิตรก็ได้ชัยชนะมาแบบเฉียดฉิว

จะบอกว่าความสงบของมหาพิภพถงเทียนนับหมื่นๆ ล้านปีมานี้มันเกิดขึ้นได้เพราะชีวิตของยอดคนทั้งสิบแปดและชีวิตของยอดฝีมืออีกมากมายไม่อาจนับ

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้จึงได้หมดสิ้นหวังในการหาทางรอดให้เผ่ามนุษย์เช่นนั้น

หากบรรพบุรุษของเผ่าเทวานั้นมันเก่งกาจปานนี้แล้ว เมื่อพลังของเหล่าเต๋าบรรพกาลทั้งหลายถูกดึงกลับไปเผ่าต่างๆ ก็คงไม่อาจจะต่อสู้กลับใดๆ ได้เลย!

“ผู้อาวุโส ผู้เยาว์นี้ขอถามหน่อยได้หรือไม่ว่าทำไมในตอนนั้นเผ่าทั้งหลายจึงไม่อาจอยู่ร่วมกับเผ่าเทวาได้? เหตุใดจึงต้องสู้กันจนถึงขั้นสูญพันธุ์ด้วย?” เย่หยวนถาม

นี่มันคือสิ่งที่เขาไม่เข้าใจมาตลอด

ซ่างเหิงสูดหายใจลึกตอบกลับมา “หากเราอยู่ร่วมกันได้แล้วมีหรือที่เผ่าทั้งหลายนั้นจะต้องทำเรื่องราวใหญ่โตถึงขั้นนั้น?”

………………..