WSSTH ตอนที่ 2,604 : ไม่เป็นไปตามกฏ!!
การปะทะกันระหว่างพลองเปี่ยมพลังชั่วชีวิตของเจี่ยนชิวผิงกับกระบี่เล่มเขื่องของต้วนหลิงเทียน เรียกว่าดังสนั่นปานฟ้าถล่ม พาลให้ทั้งหุบเทพสงครามถึงกับสะเทือน!
แก้วหูของพลทหารทัพมังกรดำที่พลังฝึกปรืออ่อนด้อยถึงกับสะท้านไปแทบแตก
ครืน! ครืน! ครืน! ครืน! ครืน!
…
พร้อมกันกับเสียงดังปานฟ้าถล่ม ยึดกระบี่เล่มเขื่องใต้เท้าต้วนหลิงเทียนเป็นจุดศูนย์กลาง บังเกิดคลื่นอากาศแตกระเบิดออกไปเป็นวงรอบทิศ!
มองไปประหนึ่งทุ่มหินใหญ่ลงสระสงบ ก่อเกิดวงคลื่นนับพันระลอก!
ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!
…
พร้อมกันกับคลื่นอากาศที่แตกระเบิดออกมาเป็นวง คลื่นพลังสะท้อนก็ซัดกระแทกออกไปทั่วสารทิศ
เหล่าทหารของกองทัพมังกรดำในหุบเขาเทพสงครามมีหลายคนที่แม้จะเร่งเร้าพลังต้านทานแล้ว แต่กลับถูกคลื่นพลังสะท้อนดังกล่าวผลักดันจนร่างต้องล่าถอยออกไปหลายก้าวใหญ่!
“นายกองเจี่ยนชิวผิง…ลงมือเต็มกำลังแล้วเช่นนั้นหรือ!?”
“มิผิด! ครานี้ด้วยบันดาลโทสะ ไป่ฟูฉางเจี่ยนจึงไม่ได้ออมรั้งพลัง!”
…
เมื่อเหล่าทหารกองทัพมังกรดำในหุบเขาเทพสงครามเริ่มตระหนักได้ถึงเรื่องนี้ ทั้งหมดก็พากันมองจ้องไปยังน่านฟ้าเหนือหุบเขาเทพสงครามเป็นสายตาเดียวกัน
และพอทั้งหมดได้แลเห็นฉากเรื่องราวบนฟ้า สองตาของพวกมันก็แลดูเลื่อนลอยอยู่บ้าง
เพราะสูงขึ้นไปบนฟ้าเหนือหุบเขาเทพสงคราม กลางหาวปรากฏร่างชายหนุ่มชุดม่วงยืนบนกระบี่เล่มเขื่องราวเทพเจ้า
เบื้องล่างนั้น เป็นเจี่ยนชิวผิงที่มือสั่นระริก ง่ามมือปริฉีกโลหิตไหลย้อยหยดลงไม่หยุด!
ไม่เพียงเท่านั้น
เจี่ยนชิวผิงในตอนนี้ได้กระเด็นถอยออกมาหลายสิบก้าว สีหน้าของมันเริ่มเปลี่ยนเป็นเขียวสลับขาวทำราวกับท้องฟ้าพังทลายลงมา
“อั๊ค…”
ด้วยเพราะรับทราบว่าสายตาจำนวนมากกำลังจับจ้องมองมา เจี่ยนชิวผิงจึงพยายามกล้ำกลืนไว้เต็มที่ หากแต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหวจำต้องกระอักโลหิตออกมาคำใหญ่
ก้อนเลือดที่มันกระอักออกมาเมื่อร่วงตกฟ้าต้องลม ก็เริ่มแตกซ่านกระเซ็นก่อเกิดเป็นบุปผาโลหิตเบ่งบานกลางหาว สะท้อนแสงอัสดงทอประกายระยับ…
“เอ่อ…”
“แต่ต้นจนจบแม่ทัพต้วนไม่ได้ลงมือเคลื่อนไหวอะไรแม้แต่น้อย…อาศัยแค่การป้องกันอยู่เฉยๆก็ทำให้ไป่ฟูฉางเจี่ยนบาดเจ็บหนักขนาดนั้นแล้วหรือ?”
“ก่อนหน้าเป็นเพราะนายกองไม่ได้ลงมือเต็มกำลังจึงแพ้พ่าย…แต่เมื่อครู่ อารามโทสะ นายกองสมควรลงมือด้วยพลังทั้งหมดแล้วไม่ผิดแน่…แต่มิคาดไม่เพียงทำอะไรแม่ทัพต้วนไม่ได้เลย ยังบาดเจ็บหนักเช่นนั้นอีก!?”
“พระช่วย…! แม่ทัพต้วนหลิงเทียนไฉนร้ายกาจได้ถึงขนาดนี้เล่า!?”
…
ในหุบเขาเทพสงคราม เหล่าทหารกองทัพมังกรดำที่ฟื้นคืนสติแล้ว พอมองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง แววตาของพวกมันก็ฉายชัดถึงความตกตะลึงเหลือเชื่อ
ต้องทราบด้วยว่าก่อนหน้านี้แม้แต่ผู้บัญชาการของพวกมันก็ไม่ได้ดูดีแม่ทัพคนใหม่อย่างต้วนหลิงเทียน ทำให้พวกมันพลอยคิดไปว่าแม่ทัพคนใหม่ต้องแพ้พ่ายแน่นอน…
แต่ใครจะไปนึกฝัน
ว่าผลลัพธ์จะออกมาเหนือความคาดหมาย!
เจี่ยนชิวผิงอดีตแม่ทัพของกองทัพมังกรดำพวกมัน แม้จะลงมือเต็มกำลังแล้ว แต่กลับไม่อาจฝ่าการป้องกันของแม่ทัพคนใหม่ได้เลย…
เช่นนั้นความแข็งแกร่งของแม่ทัพคนใหม่เป็เช่นไรพวกมันก็พอทราบได้!
“ท่านแม่ทัพ…ไม่อยากจะเชื่อ…ท่านทรงพลังถึงขนาดนี้เลยหรือ!?”
“สวรรค์…นี่น่ะเหรอแม่ทัพของพวกเรา…ข้าไม่ได้ฝันไปใช่ไหม?”
“เอ่อ…จากความแข็งแกร่งที่ท่านแม่ทัพเผยให้เห็นตอนนี้ แม้จะเป็นใต้เท้าผู้บัญชาการ ข้าเกรงว่ายังจะด้อยกว่าไม่ใช่หรือไง?”
…
เหล่าทหารกองทัพมังกรดำใต้บัญชาของต้วนหลิงเทียน หลังได้สติกลับคืนพวกมันก็ทึ่งกับความแข็งแกร่งที่ต้วนหลิงเทียนเผยให้เห็นนัก
นอกจากความทึ่งแล้ว พวกมันยังอดไม่ได้ที่จะดีใจกันยกใหญ่!
ด้วยมีแม่ทัพร้ายกาจเช่นนี้อยู่ทั้งคน ไม่ใช่วันหน้าพวกมันก็สามารถเดินเชิดหน้าชูตาได้ไม่ต้องเกรงกลัวผู้ใดหรอกหรือ?
ขวับ! ขวับ! ขวับ! ขวับ!
…
ขณะเดียวกันทหารของกองทัพมังกรดำมากมายในหุบเขาเทพสงครามก็หันขวับไปจับจ้องเหล่าทหารใต้สังกัดต้วนหลิงเทียนทันที ลึกลงไปในแววตาของพวกมันเผยความอิจฉาริษยา ทั้งความเกลียดชังให้เห็น
สำหรับสาเหตุที่พวกมันอิจฉาริษยาทั้งเกลียดชังนั้น ก็เหมือนกันกับเหตุผลที่เหล่าทหารใต้บัญชาต้วนหลิงเทียนกำลังดีใจกันอยู่ตอนนี้ไม่ผิดเพี้ยน
‘มันที่แท้เป็นผู้ใดกันแน่…มันมาที่กองทัพมังกรดำของข้าทำอะไร!?’
ผู้บัญชาการกองทัพมังกรดำเฉินเฉวียนป้า มองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาร้อนแรง ในใจยังอดไม่ได้ที่จะสั่นไหว
มันลองถามตัวเองดูก็พบว่า ต่อให้เป็นมันก็ไม่อาจหยุดยั้งการลงมือสุดกำลังของเจี่ยนชิวผิงได้ง่ายดายแบบนั้น…
การป้องกันของต้วนหลิงเทียนหยุดกระบวนท่าขอเจี่ยนชิวผิงได้อย่างสมบูรณ์!
“ดะ…ได้อย่างไร ไฉนเป็นเช่นนี้ไปได้?”
“มัน…มิใช่เซียนอมตะสวรรค์จันทร์ม่วงหรือไร?”
แม่ทัพหู่จี๋กับแม่ทัพไช่เหวินอวี้ที่ยืนอยู่ด้านหลังเฉินเฉวียนป้า พอฟื้นสติพวกมันก็ได้แต่มองหน้าสบตากันด้วยความตกใจ ยังแลเห็นแววตาอึ้งทึ่งไม่อยากจะเชื่อของอีกฝ่าย
“แข็งแกร่งนัก!”
ด้านแม่ทัพจ้าวต่งชิงกับแม่ทัพฉินอวี่ พอมองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ในใจก็สั่นสะท้านไปไม่น้อย
ความแข็งแกร่งที่ต้วนหลิงเทียนเผยออก ทำให้พวกมันตกใจเหมือนกัน!
“นี่คือทั้งหมดของเจ้าแล้ว?”
ภายใต้สายตาของทุกคน ต้วนหลิงเทียนที่ยืนอยู่บนกระบี่เล่มเขื่องที่สร้างขึ้นจากรังสีกระบี่นับพัน ยืนเอามือกอดอกเหลือบมองลงมายังร่างเจี่ยนชิวผิงที่สภาพดูไม่ได้ด้วยสายตาเยียบเย็น
พอได้ยินเสียงดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน ใจเจี่ยนชิวผิงก็สะท้านสั่นไหว และพอมันเงยหน้าขึ้นไปมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง และพอเห็นแววตาเยียบเย็นนั่น สองตามันก็หดหยีสีหน้าเปลี่ยนไปใหญ่หลวง
“ข้ายอมแพ้…ข้ายอมแพ้แล้ว! ข้ายอมแพ้แล้ว!!”
ถึงแม้มันจะไม่ทราบจริงๆว่าไฉนต้วนหลิงเทียนถึงได้ร้ายกาจขนาดนี้ แต่เจี่ยนชิวผิงก็ไม่มัวมาคิดถึงเรื่องนั้น มันรีบกล่าวยอมแพ้ออกมาเร็วไว หมายหลีกหนีไปให้พ้นจากคนตรงหน้าให้เร็วที่สุด
ตอนนี้หน้าตา เกียรติยศ ชื่อเสียงหรือศักดิ์ศรีอะไร มันล้วนโยนทิ้งไว้ด้านหลังทั้งสิ้น
มันรู้แค่ว่าหากการประลองยังดำเนินต่อไป มันไม่พ้นถูกทุบตีจนพิการแน่!
มันที่ใช้พลังชั่วชีวิตลงมือด้วยกระบวนท่าที่รุนแรงที่สุดกลับไม่แม้แต่จะฝ่าการป้องกันอีกฝ่ายได้ เท่านี้ก็ไม่ต้องสู้กันให้เสียเวลาอีกต่อไป…
“รับกระบี่ข้าก่อน…หากเจ้าไม่ตาย ถือซะว่าข้าเป็นฝ่ายแพ้”
เมื่อเห็นเจี่ยนชิวผิงเร่งรุดกล่าวยอมแพ้ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่แยแสเหลือบมองกล่าวกับมันเสียงเย็น
ราวกับจักรพรรดิเบื้องบน กำลังเผยราชโองการ!
ทันใดนั้นเอง กระบี่เล่มเขื่องใต้เท้าเขาอันเกิดจากรังสีกระบี่นับพันๆรวมผสานเป็นค่ายกระบี่ ก็เริ่มทอแสงสว่างขึ้นมาเจิดจ้า เปล่งกลิ่นอายแหลมคมอันน่าสะพรึงกลัว!
จะอย่างไรกระบี่เล่มเขื่องนี้ก็ถูกสร้างขึ้นจากรังสีกระบี่นับพันๆ เช่นนั้นยามปลดปล่อยพลังออกมาก็ทำให้เหล่าทหารทัพมังกรดำภายในหุบเขาเทพสงครามทั้งหลายสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายกระบี่อันแหลมคมน่ากลัว!
“ไม่…!”
ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน หน้าเจี่ยนชิวผิงเปลี่ยนไปเป็นสีซีด
มันรู้…
ว่าต้วนหลิงเทียนคิดฆ่ามัน!
“เจ้า…เจ้าฆ่าข้าไม่ได้! กองทัพมังกรดำของพวกเรามีกฏ เว้นแต่จะทำข้อตกลงประลองเป็นตาย ทหารในกองทัพมังกรดำอย่างพวกเรามิอาจเข่นฆ่ากันเองได้ตามอำเภอใจ! หากเจ้าฆ่าข้า ก็คือละเมิดกฏของกองทัพมังกรดำ! เจ้าไม่พ้นต้องทุกข์ทรมานเพราะการลงทัณฑ์ทางวินัยแน่!!”
เจี่ยนชิวผิงมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาหวาดกลัว มันพยายามยกอ้างกฏของกองทัพมังกรดำขึ้นมาตะโกนออกอย่างบ้าคลั่ง ทำราวกับมันกำลังไขว่คว้าฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้าย
ปงงง!!
ฟั่ฟฟ!!
…
อย่างไรก็ตามกระบี่เล่มเขื่องของต้วนหลิงเทียนพลันพุ่งออกไปฉับไวเป็นการตอบสนองเจี่ยนชิวผิง!
กระบี่เล่มเขื่องไม่ได้พุ่งไปจ้วงแทงเจี่ยนชิวผิง หากแต่มันตวัดฟันไปยังเจี่ยนชิวผิง!
อย่างไรก็ตามแม้กระบี่จะฟันแหวกอากาศไปฉับไว ทว่าด้วยขนาดมหึมาของมัน มองไปจึงไม่คล้ายกระบี่ฟันฟาดแต่อย่างใด เสมือนขุนเขาโถมถล่มมากกว่า!
กลิ่นอายแหลมคมเล็งจี้ไปยังร่างเจี่ยนชิวผิงเขม็ง ราวกับต่อให้เจี่ยนชิวผิงไปที่ใด มันก็จะตามไปฟันเจี่ยนชิวผิงให้ตายที่นั่น!
ด้านเจี่ยนชิวผิงตอนนี้ย่อมมีความคิดหลบหนีเป็นธรรมดา!
อย่างไรก็ตามไม่ทันไรมันก็พบว่าตัวมันได้ถูกกลิ่นอายอันแหลมคมน่ากลัวของกระบี่เพ่งเล็ง ไร้หนทางหลีกลี้หนีหลบ
มันทำได้แค่รับกระบี่…
แต่มันจะเอาปัญญาที่ไหนไปรับกระบี่…
ไม่ต้องกล่าวถึงตอนนี้มันได้รับบาดเจ็บอย่างหนักสองครั้งติดๆ ต่อให้มันอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อม ภายใต้คมกระบี่เล่มเขื่อง มันก็ถึงวาระตายตก!
พลังในกระบี่เล่มเขื่องที่กำลังฟาดฟันลงมา สุดที่มันจะต้านทานรับไว้ได้จริงๆ
ซู่มมม!!
ครืนนน!!
…
กระบี่เล่มเขื่องฟันลงมาฉับไว มากล้นไปด้วยสภาวะพลังอันแหลมคม ปานจะผ่าร่างเจี่ยนชิวผิงให้แยกกลาง!
“ไม่!”
“อย่า!!”
“ท่านผู้บัญชาการช่วยด้วย! ช่วยข้าด้วยท่านผู้บัญชาการ!!”
เมื่อเห็นว่ากระบี่เล่มเขื่องฟันลงมาถึงครึ่งทางแล้ว เจียนจะผ่าลงหัวแยกร่างมันเป็นสองเสี่ยงอยู่รอมร่อ เสี้ยวพริบตานั้นเองเจี่ยนชิวผิงได้หันไปมองเฉินเฉวียนป้า เร่งตะโกนขอความช่วยเหลืออย่างร้อนรน
อย่างไรก็ตามเฉินเฉวียนป้า ยังคงนิ่งไม่ไหวติง
ราวกับกำลังตกตะลึงกับฉากเรื่องราวเบื้องหน้า!
ปงงงง!!
สุดท้ายเจี่ยนชิวผิงที่สิ้นหวัง ก็ถูกคมกระบี่เล่มเขื่องที่ราวกับมีอำนาจแห่งทวยเทพหนุนเสริมผ่าลงกลางกระหม่อมแยกร่างเป็น 2 เสี่ยง ก่อนที่คลื่นพลังจากตัวกระบี่จะแผ่ออกไปทำลายซากร่างทั้ง 2 ของมันจนระเบิดเป็นหมอกเลือด…
คงเหลือแต่แหวนพื้นที่ กับพลองเล่มหนึ่งในหมอกเลือดดังกล่าวเท่านั้น…
เป็นแหวนของเจี่ยนชิวผิง กับพลองอันเป็นยอดสมบัติสวรรค์ที่มันใช้
หมับ! หมับ!
ในเมื่อเจี่ยนชิวผิงตกตายลงด้วยน้ำมือของเขา ต้วนหลิงเทียนก็สะบัดมือเล็กน้อย ใช้พลังไร้สภาพดูดรั้งวัตถุสองชิ้นมาเข้ามือเป็นสินสงคราม ก่อนที่จะโยนมันเก็บเข้าพื้นที่ในแหวนไปอย่างเป็นธรรมชาติ
หุบเขาเทพสงครามจมจ่อมสู่ความเงียบงันอีกครั้ง
ผ่านไปพักหนึ่ง เมื่อสายลมผ่านพัดส่งสำเนียงกระซิบผ่านหู ผู้คนในหุบเขาจึงทยอยกันได้สติกลับคืน
ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด!
…
และหลังจากที่คนกลุ่มแรกได้สติกลับคืน สิ่งแรกที่กระทำก็คือการสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ มองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ในแววตาคงเหลือแต่ความหวาดกลัว
กระทั่งแม่ทัพทั้ง 4 ที่อยู่ด้านหลังเฉินเฉวียนป้าก็ไม่เว้น
อย่างไรก็ตามแม่ทัพหู่จี๋กับไช่เหวินอวี้นั้น ไม่เพียงแต่จะหวาดกลัวเท่านั้น ลึกลงไปในแววตาของพวกมันยังเผยให้เห็นชัดถึงความเสียใจสุดแสน
เสียใจที่ ไท่ซานตั้งอยู่ตรงหน้าแต่ไม่อาจแลเห็น…
ขณะเดียวกันพวกมันก็เกลียดเจี่ยนชิวผิงที่พึ่งถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าตายไปจับใจนัก!
หากเจี่ยนชิผิงไม่สะเออะกล่าววาจาปลุกปั่นจนทำให้พวกมันเข้าใจผิดล่ะก็ พวกมันจะสะบั้นไมตรีกับต้วนหลิงเทียนเพียงเพราะต้วนหลิงเทียนเป็นเซียนอมตะสวรรค์จันทร์ม่วงหรือ?
“แม่ทัพต้วนหลิงเทียน!”
ทันใดนั้นเอง ผู้บัญชาการกองทัพมังกรดำเฉินเฉวียนป้า มองจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาราวสายฟ้าฟาด กล่าวออกเสียงทุ้ม “เจ้ามิได้ลงนามทำสัญญาประลองเป็นตายกับไป่ฟูฉางเจี่ยนชิวผิง แต่เจ้ากลับฆ่ามัน…เช่นนี้ ดูเหมือนว่าจักมิได้ถูกต้องตามกฏของกองทัพมังกรดำเรามิใช่หรือ?”